“ฉันเป็นคนมีเมตตามาก อย่าหาว่าฉันไม่ให้โอกาสนายนะ ถ้าไม่อยากมีชีวิตที่ต้องอยู่บนรถเข็นตลอดชีวิตที่เหลือเหมือนคุณชายตู้ ก็ไปหักขาข้างที่เหลือของคุณชายตู้ซะ”
เสียงราบเรียบของเย่เทียนดังขึ้นข้างหู สีหน้าพี่หวังเปลี่ยนไปทันควัน เขารีบเงยหน้าขึ้นมา
เมื่อเห็นสีหน้าขึงขังของเย่เทียน เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าหากเขาไม่ทำตามที่เย่เทียนบอก ไม่แน่เจ้านี่อาจจะหักแขนหักขาของตัวเองจริงๆก็ได้!
เทียบกับต้องกลายเป็นคนพิการ ใช้ชีวิตที่เหลือบนรถเข็นและต้องให้คนคอยช่วยเหลือ แค่เสียหน้าที่การงานหรือกระทั่งไปให้ไกลจากเมืองจิน อย่างหน้าร้ายแรงกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย คนฉลาดย่อมรู้ว่าต้องเลือกยังไง
“ได้! แต่นายต้องทำตามที่พูดนะ แล้วฉันจะทำตามที่นายบอก!”
พี่หวังตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว หักขาข้างหนึ่งของตู้เคอหลิน อย่างมากไม่ใช้ชีวิตในเมืองจินอีกต่อไปก็จบ
ยังไงซะคนอื่นตายดีกว่าเราตาย!
“แน่นอน ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำ!”
เย่เทียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มกว้าง ไม่กังวลเลยสักนิดว่าเจ้านี่จะแอบเล่นลูกไม้อะไรลับหลังรึเปล่า
เย่เทียนปล่อยพี่หวัง ถอยหลังออกไปสองก้าว และผายมือทำท่าเชิญใส่เขา
ใจของพี่หวังลังเลสุดๆ เขาลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า และถามเย่เทียนด้วยสีหน้าขมขื่น “พี่ พี่ชาย จำเป็นต้องทำแบบนี้จริงๆเหรอ”
“นายว่าฉันเหมือนพูดเล่นมั้ย?”
หน้าตาเย่เทียนบึ้งตึงขึ้นมาทันที ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยพี่หวังไปเลยสักนิด เขาชี้นิ้วไปที่ตู้เคอหลิน ก่อนจะพูดอย่างเย็นชา “ไม่เขาคนเดียวแขนขาหักทั้งหมด ไม่นายกับเขาแขนขาหักทั้งหมดด้วยกัน”
คนเราในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ก็ต้องเตรียมใจยอมรับผลที่ตามมา!
“นาย นายจะทำอะไรวะ พ่อของฉันเป็นตู้เฮิงฉุนนะ ถ้านายบังอาจแตะต้องฉันแม้แต่ปลายเส้นผม พ่อของฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่!”
ตู้เคอหลินได้ยินบทสนทนาระหว่างเย่เทียนกับพี่หวังหมดแล้ว หน้าตาเขาแตกตื่นขึ้นมา ร่างที่นั่งอยู่ที่พื้นถอยหลังไม่หยุด
น่าเสียดาย สำหรับพี่หวังที่ทำการเลือกเรียบร้อยแล้ว คำขู่ของตู้เคอหลินไม่มีน้ำหนักเลยสักนิด!
เขาตัดสินใจแล้วว่าจะเชื่อฟังคำสั่งของเย่เทียน เตรียมใจที่จะไปจากเมืองจินแล้วด้วย ย่อมไม่กลัวตู้ฉุนเฮิงอยู่แล้ว
“คุณชายตู้ อย่าถือโทษโกรธผมเลยนะครับ ผมไม่มีโชคชะตาที่ดีเหมือนคุณ ผมไม่มีพ่อที่เงินเยอะเหมือนคุณ ผมยังมีครอบครัวใหญ่ที่ต้องการให้ผมเลี้ยงดูอยู่”
“ถ้าผมกลายเป็นคนพิการ ไม่ใช่แค่ผมที่ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ครอบครัวของผมก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เหมือนกันครับ”
“คุณชายตู้ ผมหมดหนทางแล้วจริงๆครับ คุณวางใจได้ ผมจะลงมืออย่างฉับไว!”
ขณะที่พูด พี่หวังก็เดินเข้าไปหาตู้เคอหลินทีละก้าว
ตู้เคอหลินรีบเขยิบก้นถอยหลัง แต่ห้องคนไข้มีขนาดใหญ่แค่ไหนเชียว เพียงครู่เดียว หลังของเขาก็ชนกำแพงแล้ว
พี่หวังเดินมาอยู่ตรงหน้าตู้เคอหลิน แต่เนิ่นนานไม่ยอมลงมือเสียที กลับหันมองเย่เทียนด้วยสีหน้าซับซ้อน
“ตอนนี้เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงสิบหกนาที ฉันจะให้เวลานายสามนาที ถ้าสามนาทีผ่านไปแล้วขาข้างนั้นของคุณชายตู้ยังขยับได้อยู่ นายอย่ามาโทษฉันแล้วกัน!”
เย่เทียนจะไม่รู้ได้ยังไงว่าพี่หวังคิดอะไรอยู่ แต่เขาขี้เกียจจะสนใจ เขายกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา
พี่หวังได้ยินดังนั้นจึงเห็นว่าเรื่องนี้ไม่มีจุดให้กลับตัวแล้ว จึงกัดฟันแน่น ยกขาขึ้นกระทืบลงไปบนขาซ้ายของตู้เคอหลิน
ตึ้ง!
แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตู้เคอหลินดิ้นไปมา หรือเพราะพี่หวังเล็งพลาด ขาขอดันกระทืบโดนต้นขาซ้ายของตู้เคอหลิน
“โอ๊ย!”
ตู้เคอหลินเบิกตากว้าง เจ็บจนส่งเสียงโหยหวน และเกลือกกลิ้งไปกับพื้น
เย่เทียนเห็นท่า ขมวดคิ้วเป็นปม มือขวาขยับโดยไม่ทิ้งร่องรอย ชี่ทิพย์ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าพุ่งเข้าใส่ตู้เคอหลิน
ตู้เคอหลินที่เจ็บจนนอนกลิ้งกับพื้นไม่รู้สึกเลยสักนิด แต่วินาทีต่อมาเขากลับพบว่าไม่อาจขยับเขยื้อนร่างกายได้อีกต่อไป แม้กระทั่งปากก็อ้าไม่ได้!
“นี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมฉันถึงขยับตัวไม่ได้”
ชั่วขณะนั้น ตู้เคอหลินตะโกนในใจ สีหน้าราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ โดยเฉพาะเมื่อเห็นพี่หวังเดินเข้ามาประชิด เขากลัวถึงขีดสุด
พี่หวังมองตู้เคอหลินที่ไม่ขยับอย่างแปลกใจ ไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่เขาเลือกแล้วว่าจะลงมือ กระทืบไปทีนึงแล้ว ย่อมไม่รังเกียจที่จะกระทืบอีกที
ตึ้ง!
คิดมาถึงตรงนี้ พี่หวังมีสีหน้าแน่วแน่ เขายกขาขึ้นอีกครั้ง เล็งไปที่จุดข้อต่อขาซ้ายของตู้เคอหลินและกระทืบลงไป
ฟิ้ว!
แทบจะเป็นเวลาเดียวกัน เย่เทียนโบกมือดีดชี่ทิพย์ออกไปอีกสาย ปลดปล่อยตู้เคอหลินเป็นอิสระ
ความเจ็บปวดน่ะ ถ้าไม่ร้องออกมาต้องทรมานขนาดไหน!
“อ๊าก!”
ตู้เคอหลินโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ใจของเขาหล่นไปอยู่ที่ก้นเหว
พี่หวังไม่เท่าไหร่ แต่เมื่อกี้เขาขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้เลยสักนิด เหตุการณ์พิศวงนี้ทำให้เขาผวาอย่างไม่มีสิ่งใดเปรียบ
“นาย นายทำอะไรฉัน ทำไมเมื่อกี้ฉันขยับตัวไม่ได้”
แม้เขาจะไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผนวกรวมกับแขนขาที่เย่เทียนหักไป เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือเย่เทียน
“คุณชายตู้ ฉันห่างจากคุณหลายเมตรนะ คุณอย่ามาโบ้ยฉันสิ”
เย่เทียนแกล้งเฉไฉ “หรือว่าคุณโดนตีจนเอ๋อไปแล้วไ
พี่หวังที่อยู่ใกล้ตู้เคอหลินที่สุดได้ฟังดังนั้นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก และรีบส่ายหัว “ไม่นะ เป็นไปไม่ได้ ฉันแตะไม่โดนหัวเขาด้วยซ้ำ จะโดนฉันตีจนเอ๋อได้ยังไง”
กระทืบขาตู้เคอหลินหักหนึ่งข้างกับตีตู้เคอหลินจนเอ๋อเป็นสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ยังไงซะขาที่หักเข้าเฝือกสักสามถึงห้าเดือนก็จะกลับมาเป็นปกติ แต่ถ้าโดนเขาตีจนเอ๋อไปจริงๆ เกรงว่าต่อให้เขาหนีไปสุดหล้าขอบฟ้าตู้เฮิงฉุนก็คงไม่ปล่อยเขาไป!
เย่เทียนมองเขาเรียบๆ ขี้เกียจจะสนใจเขา
ถ้าไม่ใช่ว่าเขาบังเอิญมาเจอ ไม่แน่พวกพี่หวังอาจจะเกรงกลัวอำนาจของตู้เคอหลิน จับแขนจับขาของเสี่ยวอวี้ให้ตู้เคอหลินทำมิดีมิร้าย
ถ้าไม่สั่งสอนเจ้าพวกนี้ให้หลาบจำ ใครจะรู้ว่าคนพวกนี้จะเข้าข้างคนชั่วไปถึงเมื่อไหร่
เวลานั้น หน้าประตูห้องคนไข้รุมล้อมไปด้วยคนมากมาย มีทั้งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล และคนไข้ที่รักษาตัวที่นี่
แม้ว่าตู้เคอหลินเพิ่งเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลได้ไม่ถึงหนึ่งวัน แต่ก็สร้างความไม่พอใจให้คนมากมาย ตอนนี้เห็นว่ามีคนกล้าสั่งสอนเขา แต่ละคนจึงปรบมือร้องไชโยด้วยความคะนองเพราะเรื่องไม่เกี่ยวกับตัวเอง
“คุณชายตู้ ดูท่าคุณนี่สร้างวีรกรรมไว้เยอะแยะเลยนะเนี่ย!”
เย่เทียนส่ายหัวอย่างดูแคลน เตรียมให้พี่หวังตีตู้เคอหลินให้สลบ
“ใครวะ! ใครที่มันใจกล้าหน้าด้านมาตีลูกชายของฉัน ไม่ว่าแกจะอยู่ในฐานะอะไร ฉันก็ไม่ยอมเลิกราจากแกง่ายๆแน่!”
เวลานั้นเอง เสียงเกรี้ยวกราดของผู้ชายคนหนึ่งดังเข้ามาในห้องคนไข้ ฝูงชนที่รุมล้อมอยู่หน้าประตูรีบสลายตัว กลัวเหลือเกินว่าจะพาลโดนไปด้วย
“ในที่สุดก็มาแล้วเหรอ กว่าจะได้เจอนะ”
เย่เทียนรีบหันกลับไปมอง มุมปากฉายรอยยิ้มนึกสนุกอย่างอดไม่ได้
คนที่ตะโกนคำพูดแบบนี้ออกมาได้ นอกจากตู้เฮิงฉุนแล้วจะมีใครอีก?!