ชายไร้เงา

เส้นผมสกปรกปลิวไหวตามจังหวะสายลม เสียงกระดูกบดกันดังมาจากลำคอของผู้หญิงคนนั้น เธอขยับตัวเร็วมากและตอนที่เฉินเกอพูด เธอก็กดอยู่เหนือตัวเขาแล้ว จากวิธีการตอบสนองของเธอ มันไม่เหมือนว่าเธอจะอยู่ในอารมณ์รับฟังสิ่งที่เฉินเกอจะพูด

“ผมไม่ได้รู้สึกอย่างนี้มานานแล้ว” เหงื่อเย็น ๆ ยังซึมออกมาเหมือนเขากำลังห้อยโหนอยู่ที่ขอบหน้าผา เฉินเกอเอนหลังแนบไปกับโซฟามือจับที่พักแขนเอาไว้แน่นเท่าที่จะทำได้ “ผมไม่ได้คิดจะล่วงเกินอะไรคุณ ผมมาที่นี่เพื่อค้นหาความจริงบางอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว! มีผู้เช่ารายหนึ่งในห้องนี้ที่ถูกวิญญาณชั่วร้ายหลอกหลอนเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้น คุณก็ปรากฏตัวขึ้นเพื่อเตือนเขาว่าเขาอยู่ในอันตรายแบบไหน และถ้าเขาไม่รู้สาเหตุเรื่องนั้น เขาอาจจะไม่ได้อยู่ในโลกนี้ต่อไปแล้ว!”

ถ้านี่เป็นคนอื่น พวกเขาก็คงร้องไห้สะอึกสะอื้นหรือว่ากรีดร้องเสียจริตไปแล้ว แต่เฉินเกอนั้นต่างออกไป เขาพูดทุกอย่างที่ต้องการออกมาโดยใช้เวลาสั้นที่สุด ผีตนนั้นไม่ได้กดตัวลงมาอีก และเฉินเกอก็ถอนหายใจโล่งอก เขาปรับท่าทางของตัวเองให้สบายขึ้นกว่าเดิมและตอนที่เขากำลังขยับคอ เขาก็สังเกตเห็นเด็กชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ เขา

ผิวของเด็กชายนั้นเป็นสีเทาซีดอย่างน่าตกใจ และสันหลังของเขาก็หัก ดังนั้นหัวของเขาจึงหล่นลงมาอยู่บริเวณหน้าอก ดวงตาของเขาขยับขึ้นลงขณะสำรวจเฉินเกอใกล้ ๆ

“นี่ลูกชายของคุณเหรอ? เป็นเด็กน้อยน่ารักทีเดียว…” เฉินเกอแย้มริมฝีปากออกป็นรอยยิ้ม เขารู้ว่าวิญญาณที่นี่นั้นอาจจะจำเจียหมิงไม่ได้ ดังนั้นหลังจากลังเลเล็กน้อย เขาก็รีบเสริม “ผู้เช่าคนนั้นเคยเป็นเพื่อนสนิทของผม เขาบอกผมว่าการได้อยู่ในตึกเก่าหลังนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา คุณยายเจ้าของตึกดีกับเขามาก และเขาก็หวงแหนความทรงจำช่วงนี้มาก แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ดูเหมือนเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาเอาแต่ทำลายความทรงจำดี ๆ ทุกอย่างเพื่อให้ควบคุมตัวเองได้ เดิมที ผมคิดว่าเขาแค่ล้อเล่น แต่ความจริงก็ยืนยันแล้วว่าผมคิดผิดไป ถ้าผมไม่ได้เรียกตำรวจมาหยุดเขาเมื่อคืนนี้ เขาก็คงมาที่นี่พร้อมกับมีดแล้ว!”

ติดแหงกอยู่ระหว่างผีสองตน เฉินเกอก็ไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไรได้อีก แต่เขารู้ว่าโทษทุกอย่างใส่เจียหมิงไปก่อน ผีที่นี่น่าจะเคยเห็นเงานั่นมาก่อน ดังนั้นเฉินเกอเชื่อว่าหากเขาคอยยกเรื่องเมื่อหลายปีก่อนขึ้นมา มันน่าจะพอที่จะกระตุ้นความทรงจำของพวกเขาได้

เขาไม่ได้อยากจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดไปกับการโน้มน้าววิญญาณพวกนี้– เขาแค่ต้องการโอกาสจากพวกเขาให้ได้อธิบายตัวเองและไม่มาเอาชีวิตเขาในตอนที่เขาอ่อนแอถึงเพียงนี้ จากนั้น ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น

“ถึงตอนนี้ ผมก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเพื่อนรักของผมจะกลายเป็นแบบนั้นไปได้ ดังนั้น ผมจึงมาที่นี่เพื่อเตือนคุณยายเจ้าของบ้านเช่าว่าเธอกำลังตกอยู่ในอันตรายแบบไหน มีปิศาจสิงร่างเพื่อนผมแล้วกำลังตามล่าเธออยู่!” ยิ่งเขาพูด เขาก็ยิ่งร้อนรน และนั่นก็ค่อย ๆ ชนะความกลัวที่เฉินเกอรู้สึกอยู่ “คุณยายเป็นคนดี และความใจดีไม่ควรได้รับการตอบแทนเป็นการทำร้ายหรือว่าแก้แค้น!”

สำหรับวิญญาณในตึกเก่าหลังนี้ เจียหมิงนั้นไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าผู้เช่าที่ผ่านเข้ามา แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับหญิงชรานั้นต่างออกไป เธอคือครอบครัวของพวกเขา หลังจากพูดทั้งหมดนั้นแล้ว เด็กชายข้าง ๆ เขาก็หันไปมองผีผู้หญิง สีหน้าของเธอยังเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ดังนั้นเฉินเกอจึงบอกไม่ได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

สมองเขาหมุนจี๋ และหลังจากกลั่นกรองประสบการณ์ก่อนหน้านี้แล้ว เขาก็คิดวิธีการแก้ไขสถานการณ์อันซับซ้อนนี้ได้สามวิธี แต่ว่า ตอนที่เขากำลังจะใช้วิธีหนึ่งออกมานั้น ผู้หญิงและเด็กชายจู่ ๆ ก็ถอยไปที่ด้านข้างแล้วหายตัวไป

ประตูถูกผลักเปิดออกแล้วคุณยายอายุราวเจ็ดสิบหรือแปดสิบปีคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่ประตู มือเหี่ยวย่นถือกุญแจเอาไว้ เธอพึมพำ “เฉียนเฉียน? นั่นหนูหรือเปล่า?”

ใบหน้าของหญิงชราที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างคาดหวังก่อนที่สายตาจะตกลงมาที่เฉินเกอที่นอนแผ่อยู่บนโซฟา

“ให้ผมอธิบายก่อนครับ!” เฉินเกอรีบลุกขึ้นแล้วเดินไปหาหญิงชราแต่ว่าขากางเกงของเขากลับถูกดึงเอาไว้ เขาหันไปมองและเห็นเด็กชายซ่อนอยู่หลังโซฟา เขาคว้าขาของเฉินเกอเอาไว้และศีรษะน่าประหลาดนั่นก็หันซ้ายขวาเหมือนกำลังเตือนเฉินเกออย่าได้เปิดเผยตัวตนของพวกเขาให้หญิงชรา

“ไม่ต้องกังวล ว่าแต่เธอกำลังคุยกับใครเหรอ?”

ถึงแม้ว่าหญิงชราจะแก่แต่เธอก็ไม่ได้แก่หง่อมถึงเพียงนั้น เธอเดินเข้ามาในห้องแล้วชะโงกหน้าดูด้านหลังเฉินเกอ ตอนนั้นผู้หญิงและเด็กชายก็หายตัวไปแล้ว

“ผมกำลังพูดอะไรอยู่เหรอ?” เห็นหญิงชราเข้ามาในห้อง เฉินเกอก็พูดอย่างนุ่มนวล “คุณยาย อย่าได้เข้าใจผิด ผมไม่ใช่พวกหัวขโมย– ผมแค่มาที่นี่เพื่อถามคำถามคุณเล็กน้อย ผมเห็นประตูไม่ได้ล็อกดังนั้นจึงเข้ามาเพื่อตามหาคุณ แต่จู่ ๆ ลมก็พัดกระแทกประตูปิดจากด้านนอก”

“เธอกำลังบอกฉันว่าลมมันล็อกประตูได้งั้นเหรอ?” หญิงชราไม่ได้ถูกหลอกโดยง่าย เธอมองเฉินเกอก่อนที่จะเอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋า เฉินเกอคิดว่าเธอจะหยิบอาวุธอะไรออกมาป้องกันตัวเอง ดังนั้นเขาจึงระวังตัวมากขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่า เธอเพียงแค่ส่งผ้าเช็ดหน้าสะอาดให้เขาผืนหนึ่งเท่านั้น “เช็ดเหงื่อเธอซะ ต่อให้เธอเป็นโจรก็ไม่เป็นไร– ที่นี่ไม่ได้มีของมีค่าอะไรให้หยิบฉวยหรอก”

“คุณยายเป็นคนดีจริง ๆ” เฉินเกอผ่อนคลายขึ้นและตัดสินใจแก้ต่างให้ตัวเอง “ผมมีเพื่อนที่เคยเช่าห้องนี้จากคุณยาย แต่ตอนนี้เขากำลังแย่ เขาเอาแต่พูดว่ามีคนอื่นอยู่ในตัวเขาแล้วก็ทำลายความทรงจำดี ๆ ที่เขามีอยู่อย่างบ้าคลั่ง…”

“เธอก็มาที่นี่เพราะเจียหมิงงั้นเหรอ?” หญิงชราขัดเขาขึ้น

เขาขมวดคิ้ว และเฉินเกอก็รีบถาม “มีคนมาถามถึงเขาก่อนผมเหรอ?”

“หลายวันก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งที่แซ่เอี๋ยนมายืนยันบางอย่างกับฉัน”

“หัวหน้าเอี๋ยน? เขาถามอะไรคุณเหรอ?” เฉินเกอนึกถึงหัวหน้าเอี๋ยนขึ้นมา

“ส่วนมากแล้วก็เป็นเรื่องที่ฉันจำได้เกี่ยวกับเจียหมิง เด็กนั่นมาจากบ้านนอก เขาซื่อสัตย์แล้วก็ขยัน และข้อเสียของเขาก็มีแค่เขาดื้อรั้นและยังโชคร้าย” ในน้ำเสียงของหญิงชราแฝงความเศร้าเมื่อพูดถึงเจียหมิง

“อย่างนั้นเขาถามไหมว่าทำไมเจียหมิงถึงย้ายออกไป?” เฉินเกอพบว่าเขาประเมินตำรวจต่ำไป ก่อนที่เจียหมิงจะถูกจับกุม หัวหน้าเอี๋ยนก็ตรวจสอบเบื้องหลังและประวัติทั้งหมดของเขาแล้ว

“เขาถาม แต่บอกตามตรง กระทั่งฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมเด็กนั่นถึงได้รีบย้ายออก เขาไม่เอากระเป๋าหรือของไปด้วยด้วยซ้ำ ฉันอยากจะส่งมันให้เขาแต่เขาก็ปฏิเสธฉัน”

“อย่างนั้นคุณยังจำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนก่อนที่เขาจะย้ายออก? มันน่าจะเป็นวันนั้นที่เขากลับบ้านดึกมาก” เฉินเกออยากจะยืนยันเรื่องที่เจียหมิงเล่าจากฝั่งหญิงชรา

“คืนนั้นฉันอยู่ในห้องฉันและไม่ได้…” จู่ ๆ หญิงชราก็ชะงัก และเธอก็มองหน้าเฉินเกออยู่นาน “เราเคยพบกันที่ไหนมาก่อนไหม?”

“พวกเราเคยพบกันเหรอครับ?” คราวนี้ เฉินเกอประหลาดใจอย่างแท้จริง

“ใช่ ฉันคิดว่าฉันจำได้แล้ว คืนนั้น ฉันได้ยินเจียหมิงเดินอยู่ในบ้านและฉันก็คิดว่าเขาทะเลาะกับเสี่ยวหลิง ดังนั้นจึงคิดที่จะเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยให้พวกเขา แต่ตอนที่ฉันขึ้นไปถึงชั้นสอง ฉันก็เห็นมีคนยืนอยู่ที่ประตูห้องเขา” หญิงชรายกแขนผอมบางของเธอขึ้นช้า ๆ ชี้ไปที่เฉินเกอ “เป็นเธอ เธอเป็นคนที่ยืนอยู่ที่ประตูห้องเขาคืนนั้น!”

หญิงชราเริ่มตื่นตระหนก จากแนวโน้มแล้ว เฉินเกออาจจะเผยยิ้มชั่วร้ายออกมาจากนั้นก็พูดอะไรอย่าง ‘ในเมื่อคุณเห็นหน้าผมแล้ว ผมก็คงปล่อยให้คุณมีชีวิตอยู่เพื่อไปบอกคนอื่นไม่ได้’ แต่อันที่จริง เฉินเกอกลับขยับตัวออกห่างจากหญิงชราเสียเองและเขาก็เริ่มใคร่ครวญอย่างละเอียด

หญิงชราเองก็เห็นคนที่ดูคล้ายเฉินเกอเช่นกัน นี่ยืนยันว่าเงานั่นมีความสัมพันธ์กับเฉินเกอ หรืออย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็มีหน้าตาคล้ายกัน

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเด็กชายกับผู้หญิงคนนั้นถึงเอาแต่จ้องหน้าฉันตอนที่พวกเขาเห็นฉัน– พวกเขาน่าจะตกใจเหมือนกัน” เฉินเกอพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง และจากนั้นเขาก็หันมามองหญิงชรา “คุณยาย คืนนั้น คุณเห็นคนที่ดูเหมือนผม เขากำลังทำอะไรแปลก ๆ หรือเปล่า?”

หญิงชราส่ายหน้า “ทั้งหมดที่เขาทำก็คือยืนอยู่ตรงนั้น อ้อ ใช่แล้ว ฉันถือไฟฉายไปด้วยตอนนั้น แต่หลังจากที่แสงกระทบตัวเขา ฉันก็พบว่า ผู้ชายคนนั้นเหมือนจะไม่มีเงา”