เขาต้องการเปิดประตูในจิ่วเจียงตะวันตก
“ชายไร้เงา?” หากนี่เป็นคนเป็น เขาก็ต้องมีเงา นอกเสียจากว่าเขาจะไม่ใช่คนเป็น หรือเขาเป็นเงาของคนอื่นหลุดออกมา เฉินเกอตัดสินใจจะยืนยันเรื่องนี้กับหญิงชราอีกครั้ง “คุณยาย คุณยายแน่ใจเหรอครับว่าไม่ได้ดูผิด?”
“ใช่” ในความทรงจำของหญิงชรา คนผู้นั้นดูคล้ายเฉินเกอ เธอจ้องเฉินเกอแล้วความรู้สึกประหลาดก็ท่วมท้นขึ้นมา “วันนั้น เขายืนอยู่ด้านนอกห้อง ฉันถามเขาว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แต่เขาไม่ตอบ เขาพึมพำชื่อของคนคนหนึ่ง”
“ชื่อของคนคนหนึ่ง? คุณยายจำชื่อนั้นได้ไหมครับ?” เพื่อกำจัดข้อสงสัยที่ยังติดอยู่ในใจหญิงชรา เฉินเกอดึงโทรศัพท์ของตัวเองออกมาส่องไฟไปที่ตัวเองเพื่อให้เห็นว่าเขายังมีเงาอยู่ “คุณยาย ผมมาพร้อมกับเงา ดูสิ คนที่คุณเห็นน่าจะแค่มีใบหน้าคล้ายผมเท่านั้น”
“ความทรงจำของฉันอาจจะหลอกฉัน ฉันจะโทรบอกเธอถ้านึกชื่อนั่นได้” หญิงชราแลกเบอร์โทรศัพท์กับเฉินเกอ
“คุณยาย นอกจากนี้แล้ว คุณยังจำอะไรเกี่ยวกับคนผู้นั้นได้อีกไหม? เขายืนอยู่ที่ประตูนานแค่ไหน? หลังจากเขากลับไปแล้ว มีอะไรเปลี่ยนไปไหมในตึกนี่?” เฉินเกอนั้นกลัวว่าเงานั่นจะทิ้งกับดักเอาไว้ในตึก อย่างไรเสีย ศัตรูของเขาคนนี้ก็รวบทั้งจิ่วเจียงตะวันออกมาอยู่ในแผนการของมันเอง ดังนั้น เฉินเกอจึงไม่ระวังให้มากเสียหน่อยไม่ได้
“หลังจากเจียหมิงวิ่งออกไปแล้ว คนที่อยู่ด้านนอกประตูก็หายไป หลังจากเขาไปแล้ว ฉันก็ตรวจดูทั้งตึกและไม่เจอว่าอะไรหายไป น่าแปลก ฉันคอยแต่จะรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องแต่ว่าฉันบอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร มันเป็นบางอย่างที่สำคัญที่ถูกชายคนนั้นเอาไป” หญิงชราถอนหายใจ เธอเดินไปทั่ว ๆ ห้อง “ฉันตรวจดูรอบ ๆ แล้ว แต่ว่าไม่มีอะไรหายไป แต่ความรู้สึกนั้นก็ไม่หายไป และฉันก็บอกไม่ได้ว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับที่ฉันนอนหลับไม่ค่อยได้หลังจากนั้น”
“คุณรู้สึกเหมือนมีบางอย่างหายไป?”
“ฉันบอกคุณทุกอย่างที่ต้องบอกแล้ว ตอนที่คุณกลับออกไป ปิดประตูให้ฉันด้วยนะ” การพูดคุยกับเฉินเกอดูเหมือนจะทำให้หญิงชรานึกถึงความทรงจำอันน่าเศร้า ดังนั้นเธอจึงรีบกลับออกไปไม่ยินดีจะพูดคุยต่อแล้ว เฉินเกอกำลังจะกลับออกมาพร้อมกับหญิงชราตอนที่เขารู้สึกว่าเสื้อถูกดึงเอาไว้
หันกลับไปมอง เขามองเห็นนิ้วหงิกงอทั้งห้ากำชายเสื้อเขาเอาไว้ และจากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็คลานออกมาจากใต้โต๊ะกาแฟ
“ผมไม่ได้จะทำร้ายเธอ…” ดวงตาของเฉินเกอกวาดมองไปยังผู้หญิงคนนั้นกับเด็กชาย จู่ ๆ เขาก็นึกบางอย่างออก หลังจากเขาเข้ามาในตึกนี้ เขาเจอแค่ผู้หญิงกับเด็ก แต่เขาไม่เจอลูกชายของหญิงชรา “ครอบครัวสามคนประสบอุบัติเหตุรถยนต์ ภรรยาและบุตรชายยังอยู่ในตึกนี้ ดังนั้นก็ไม่มีเหตุผลให้สามีไม่อยู่ที่นี่ด้วย”
เขาเชื่อมโยงมันกับสิ่งที่หญิงชราพูดก่อนหน้านี้ หลังจากเงานั่นจากไป เธอก็รู้สึกเหมือนเธอทำบางอย่างที่สำคัญหายไป เป็นไปได้ไหมว่าดวงวิญญาณของลูกชายของหญิงชราถูกเงานั่นลักพาตัวไป?
เฉินเกอตั้งใจจะตรวจสอบเรื่องนี้ หลังจะเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ถาม “หลายปีก่อน พวกคุณน่าจะเจอกับวิญญาณร้ายที่หน้าตาคล้ายผม คุณบอกผมทุกอย่างที่คุณรู้เกี่ยวกับเขาได้ไหม?”
ผีทั้งสองอยู่ห่างจากเขา ดวงตาของพวกเขามองเฉินเกออย่างละเอียดและพวกเขาก็กำลังคิดถึงบางอย่าง
“ถ้าผมไม่ฆ่าเขา วันหนึ่งผมก็จะถูกเขาฆ่า ถ้าคุณเคยถูกเขาทำร้าย อย่างนั้นเราก็เป็นเพื่อนกันเพราะว่ามีศัตรูคนเดียวกัน” เฉินเกอเอนตัวลงและเอื้อมมือไปจับนิ้วที่ผิดรูปและเปื้อนเลือดของเธอเอาไว้ “ผมช่วยคุณได้ และผมก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อเล่นสนุกเท่านั้น”
เมื่อผีผู้หญิงสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของเฉินเกอที่จะจับมือกับเธอ เธอก็ถอยออกไปทันที หลายวินาทีให้หลัง เด็กชายก็วิ่งเข้าไปในห้องนอนและลากกระเป๋านักเรียนขาดวิ่นออกมาจากใต้เตียง เขาดึงปากกาด้ามหนึ่งกับกระดาษออกมาวางเอาไว้บนโต๊ะกาแฟ เส้นผมของผู้หญิงคืบคลานมาขดรอบปากกา แล้วตัวอักษรขยุกขยุยก็เริ่มปรากฏขึ้นบนกระดาษ
“เขายังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ตายไปโดยสมบูรณ์ เงานั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเขาเท่านั้น สามีของฉันบอกให้พวกเราหนี และเขารั้งอยู่เพื่อช่วยพวกเราหนี เขากินสามีของฉันลงไป– เขาแข็งแกร่งขึ้น” เฉินเกอ่านคำที่บนกระดาษ
“หมายความว่าอะไรกันที่บอกว่าเขายังมีชีวิต? ร่างกายของเงานั่นยังมีชีวิต? เขาเป็นคนเป็น ๆ คนหนึ่ง? แต่ทำไมคนผู้นั้นถึงกินผีได้ล่ะ?” เฉินเกอไม่รู้ว่าตายของผู้หญิงคนนั้นหมายความว่าอย่างไร แต่เขาเชื่อว่ามันต่างไปจากคำจำกัดความทางการแพทย์ แต่ว่า ถึงอย่างนั้น ข้อมูลนี้ก็เพียงพอให้เฉินเกอตกใจแล้ว “ร่างจริงของเขานั้นไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นผี หรือไม่อย่างนั้น เขาก็ต่างไปจากผีทั่วไป ศัตรูผู้นี้ช่างน่าประหลาด”
ตอนที่เขาสู้กับสมาคมเล่าเรื่องผี ถึงแม้ว่าสมาชิกจะลึกลับมาก อย่างน้อยที่สุดเฉินเกอก็สามารถยืนยันได้ว่าพวกเขาล้วนเป็นคนเป็น ๆ สมาคมนั้นก่อตังขึ้นโดยคนเป็น และผีนั้นอันที่จริงก็เป็นเพียงเครื่องมือเท่านั้น แต่ความรู้สึกของเฉินเกอต่อคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องที่เมืองจิ่วเจียงนี้ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง กระทั่งตอนนี้ เขาก็ยังบอกไม่ได้ว่าคนร้ายเป็นผีหรือเป็นคน หลังจากอ่านข้อความของผีผู้หญิงแล้ว ความสงสัยนั้นก็ยิ่งมากขึ้น
“แค่นั้นเหรอ?” เฉินเกอวางกระดาษลง และผีผู้หญิงก็ควบคุมปากกาแล้วเริ่มเขียนอีกครั้ง “ตอนที่เขากินสามีของฉัน เขาบอกว่า ด้วยแต่ละความตายนี้ ความแค้นในหัวใจของเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น และการกินแต่ละครั้งก็จะทำให้เขาเข้าใกล้ผู้ชายคนนั้นมากขึ้น สักวันหนึ่ง เขาจะกลับไปที่จิ่วเจียงตะวันตกเพื่อเปิดประตูบานนั้นด้วยตัวเอง”
คำที่เขียนนั้นดูผิวเผินเหมือนไม่เป็นเหตุเป็นผลนัก แต่มันกลับทำให้เฉินเกอขนลุก ประโยคเหล่านี้เผยข้อมูลมากมายออกมา โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย ที่เงานั่นพูดว่ามันต้องการเปิดประตูที่ในจิ่วเจียงตะวันตกด้วยตัวเอง เฉินเกอสงสัยเป็นอย่างมากว่าประตูที่ว่านั้นคงไม่ใช่บานไหนนอกจากบานที่ในห้องน้ำในบ้านผีสิง
บ้านผีสิงกำลังได้รับความนิยม แต่หากประตูในห้องน้ำเปิดออก ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไปภายในแค่คืนเดียว ทุกความพยายามที่เขาทุ่มเทลงไปหลังจากได้โทรศัพท์เครื่องดำมาก็จะสูญเปล่าไป
“คนผู้นี้คือใครกันแน่?” ประตูที่บ้านผีสิงนั้นเป็นขีดจำกัดล่างของเฉินเกอ เขาจะสู้จนตายไปข้างหนึ่งกับคนที่กล้าเพ่งเล็งประตูบานนั้น ไม่มีการต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้น
ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้ว่าเฉินเกอกำลังคิดอะไร เธอเขียนกระดาษต่อ “มีสถานที่สิบแห่งในจิ่วเจียงตะวันออกที่เป็นจุดกำเนิดเรื่องผีที่น่ากลัวที่สุด ผู้ชายคนนั้นกินผีในที่เหล่านั้นไปห้าแห่งแล้ว และเขาก็ได้รับบาดเจ็บเป็นครั้งแรกที่อุโมงค์ถ้ำมังกรขาว เงานั่นจะปรากฏตัวขึ้นเฉพาะตอนกลางคืน มันเกลียดแสงไฟและเสียงเด็กร้อง”
หลังจากเขียนทั้งหมดนั่นแล้ว ผีผู้หญิงก็มองเฉินเกอและอุ้มเด็กชายขึ้นก่อนที่ทั้งคู่จะหายตัวไป
“คนในจิ่วเจียงตะวันออกนั้นค่อนข้างเชื่อโชคลาง และฉันก็เคยได้ยินเรื่องผีทั้งสิบนี่มาก่อน แต่ฉันไม่รู้เลยว่าอีกห้าที่เหลืออยู่นั้นมีอะไรบ้าง แล้วก็ ครั้งแรกที่เงานั่นเจออุปสรรคก็คือที่อุโมงค์ถ้ำมังกรขาว และเมื่อคืนนี้ เจียหมิงก็บังเอิญถูกพบหมดสติอยู่ที่ปากอุโมงค์ เป็นไปได้ไหมว่าเขาหมดสติอยู่ที่นั่นโดยมีจุดประสงค์เพื่อล่อฉันเข้าไปในอุโมงค์เพื่อตรวจสอบและใช้ฉันรับมือกับศัตรูของเขา?” เงานั่นเป็นคนเจ้าเล่ห์ที่สุดในใจเฉินเกอ ดังนั้นเขาจึงตรึกตรองทุกอย่างจากมุมเลวร้ายที่สุดที่จะเป็นไปได้
“แต่ฉันสามารถใช้จุดอ่อนที่มันไม่ชอบแสงและเสียงเด็กร้องได้อยู่บ้าง ฉันคิดว่าอย่างนั้น” เฉินเกอยัดกระดาษที่บนโต๊ะเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ ตอนที่เขาเตรียมตัวกลับนั้น เขาก็นึกได้ว่าเขาลืมถามว่าแม่ลูกคู่นั้นอยากจะไปกับเขาด้วยหรือไม่ ย้ายไปยังที่ที่สบายกว่า
หลังจากคิดแล้ว เฉินเกอก็ดึงกระดาษอีกแผ่นออกมาจากกระเป๋าของเด็กชายและใช้ปากกาที่ผู้หญิงคนนั้นใช้ก่อนหน้านี้ทิ้งข้อความเอาไว้ “ถ้าพวกคุณเจอปัญหาอะไร ให้ไปหาผมได้ที่บ้านผีสิงที่สวนสนุกนิวเซนจูรี่จิ่วเจียงตะวันตกได้นะครับ ลองคิดดูสักนิด เด็กอายุไม่น้อยแล้ว และผมก็มีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญและเด็กวัยเดียวกับเขาอยู่ที่บ้านผีสิงของผม คุณควรจะคิดถึงอนาคตของเขานะครับ”
เขาวางกระดาษลงในจุดที่สะดุดตาที่สุดแล้วหันกลับออกจากห้องมา ฝีเท้าของเขาเงียบกริบ เป็นผลมาจากการทำภารกิจทดลองมากมาย ตอนที่เขามาถึงชั้นแรก ประตูห้องหญิงชราจู่ ๆ ก็เปิดออก
“คุณยาย? มีอะไรให้ผมช่วยครับ?”
หญิงชรามองเฉินเกอ ริมฝีปากของเธอขยับ แต่สุดท้ายแล้ว เธอก็ส่ายหน้าแล้วกลับเข้าห้องไป
เฉินเกอยืนอยู่ที่ประตู และเขาก็เดาได้ว่าหญิงชรารู้อยู่แล้วว่าครอบครัวของเธอนั้นไม่ได้จากไปไหน แต่ไม่มีฝ่ายไหนอยากจะเปิดเผยเรื่องนี้ออกมาเท่านั้น
“พวกเขาเองก็ไม่ได้อยากให้คุณอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนโลกนี้เพียงลำพังหรอกครับ”
ออกจากตึกแล้ว เฉินเกอก็เรียกแท็กซี่กลับไปที่สวนสนุก แล้ววันใหม่ก็เริ่มต้นขึ้น