บทที่ 6 บทที่ 12 หน้าประตู

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

แน่นอนว่าเสี่ยวเซิ่งเกออยู่ไนต์คลับต่ออีกไม่ได้…เขากำลังแช่ตัวอยู่ในถังเก็บน้ำเหนือตึกแห่งหนึ่ง

จนกระทั่งน้ำในถังเก็บน้ำเริ่มเดือดขึ้นมาแล้ว เสี่ยวเซิ่งเกอถึงได้กระโดดออกมาให้ลมหนาวพัดผ่านจนสบายตัวขึ้นหน่อย

แต่ผู้หญิงที่ทำให้เขาทุลักทุเลเช่นนี้ ก็ยังไม่รู้ที่มา…เรียกว่าผู้หญิงก็แล้วกัน

 “ฮ่า มาจากไหนกันแน่”

เสี่ยวเซิ่งเกอยืนอยู่บนดาดฟ้าของตึก ถ้าหากเป็นปีศาจเขาก็ต้องเคยเห็น สำหรับพวกปีศาจที่แข็งแกร่ง…ราชาปีศาจที่ถือว่าแข็งแกร่งที่สุดบนแผ่นดินเทพตอนนี้ ที่จริงแล้วก็เป็นปีศาจน้ำที่แข็งแกร่งแต่ชื่อเท่านั้น

 “ค่อยไปถามยัยหลงซีรั่ววันหลังแล้วกัน อ้า ช่วงนี้อากาศชื้นไปหน่อย หรือจะเลยไปครอบแก้วดูดพิษ*ดี?”

เมื่อคิดแบบนี้ เสี่ยวเซิ่งเกอก็ยื่นมือออกไปดึงผมหลังท้ายทอยออกมาเส้นหนึ่ง เขาลูบๆ มันจากนั้นก็เป่าออกไป เห็นเพียงผมเส้นนั้นขยายใหญ่ขึ้นในพริบตา จากนั้นหน้าประตูมายาของเสี่ยวเซิ่งเกอก็กลายเป็นหมอก…ดูคล้ายกระจก

 “ฮา ให้ข้าดูหน่อยสิว่าพวกเจ้าเป็น…”

เสี่ยวเซิ่งเกอยังพูดไม่จบ สีหน้าก็เปลี่ยน กระจกตรงหน้าของเขาระเบิดออกในพริบตา

ละอองหมอกที่ระเบิดออกมารมทั้งหน้าเขา

เสี่ยวเซิ่งเกอลูบหน้า หลังจากกะพริบตาหลายครั้งแล้ว ถึงได้แยกเขี้ยวพูดออกมาว่า “พบเร็วจริงๆ…”

เสี่ยวเซิ่งเกอกระโดดลงจากอาคารสูง กระโดดข้ามช่องว่างระหว่างตึกไปเหมือนกระโดดอยู่ในป่า

เขาตัดสินใจจะกลับไปที่ของตนเองก่อน…เปลี่ยนเสื้อผ้าและหวีผมให้กลับเป็นทรงเดิมเสีย

ซูจื่อจวินกอดอกนั่งตัวตรงอยู่ตรงหน้ากุยเชียนอี และก็ยัง…สั่นขา

เดิมกุยเชียนอีก็อยากพูดว่าสังเกตเห็นท่าทางนี้ แต่หลังสบตากับเด็กสาวเจ้าปัญหาผู้นี้แล้ว ผู้จัดการเอลิเซียมบาร์ก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น

กุยเชียนอีถอนหายใจ ยังดีที่ฝ่าบาทไม่อยู่แล้ว มิเช่นนั้นหากมองเห็นกิริยาสั่นขาเช่นนี้คงกริ้วจนกระโดดออกจากโลงศพเป็นแน่

ทันใดนั้นซูจื่อจวินก็ถลึงตามอง กุยเชียนอีเห็นดังนั้นก็เหงื่อตก “องค์หญิง มี มีเรื่องอะไรงั้นหรือ”

 “ถึงเวลาแล้ว” ซูจื่อจวินขมวดคิ้วพูด “คำตอบที่เจ้าต้องเอามาให้ข้าละ? เร็ว! ตอนนี้ข้ารังเกียจจะตายอยู่แล้ว ข้าอยากไปจากที่นี่เสียที!”

 “แต่…แต่คนที่ส่งออกไปสืบยังไม่กลับมาเลย กระหม่อมเองก็จนปัญญา” กุยเชียนอีเช็ดเหงื่อพูดออกมา “องค์หญิง ท่านรออีกนิดเถอะ ให้กระหม่อมไปหาอะไรมาให้ทานดีหรือไม่ เลือดปีศาจแมวสาวเป็นอย่างไร อีกอย่าง ยังเหลืออีกตั้งสิบห้านาทีมิใช่หรือ ไม่รีบ ไม่รีบ”

 “ไม่จำเป็น” ซูจื่อจวินหยุดสั่นขา ยืนขึ้นในทันใด “มีข่าวอะไรแล้วให้แจ้งข้า ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ ตอนนี้”

 “รับคำสั่ง” กุยเชียนอีกุมสองมือคำนับซูจื่อจวินด้วยความเคารพ “กระหม่อมน้อมส่งองค์หญิง”

 “เจ้าไม่ต้องส่ง! หากให้เจ้าส่ง ถึงฟ้าสว่างข้าก็ยังไม่ได้ออกไป!” ซูจื่อจวินพูดและเปิดประตูโดยไม่หันกลับมามองอีก

เวลานี้เอง ลุงวัยกลางคนสวมชุดบ๋อยคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาพูดว่า “ผู้จัดการ ผู้จัดการ เรื่องที่ท่านให้ถามข้าถามมาได้แล้ว”

ลุงวัยกลางคนมองซูจื่อจวินที่ยืนอยู่หน้าประตูแวบหนึ่ง…เขาไม่รู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้มีที่มาอย่างไร รู้แต่เพียงว่าผู้จัดการกุยดูเคารพมาก…เขาเพิ่งมาทำงานใหม่

 “ถามได้ความแล้วหรือ” กุยเชียนอียิ้ม พยักหน้าพูดว่า “เช่นนั้น…”

 “มีเรื่องอะไรก็พูดมาตรงๆ!” ซูจื่อจวินพูดตัดบทพูดที่ชักช้าของกุยเชียนอีพร้อมออกคำสั่ง

ลุงวัยกลางคนพยักหน้า ไม่กล้าชักช้า รีบพูดออกไปว่า “ข้าถามพวกปีศาจ มีคนพบเห็นซูโย่วมาที่นี่เมื่อคืนวานจริงๆ แต่ต่อมาเขาก็ออกไปแล้ว”

 “ออกไปเองหรือว่าไปกับใคร?” ซูจื่อจวินเอ่ยถามเสียงเข้ม

ลุงวัยกลางคนพูดว่า “ถามแล้ว เขาไปเองคนเดียว แต่ช่วงเวลาใกล้สว่าง มีแมลงปีกแข็งหนวดยาวตนหนึ่งบอกว่าตอนที่เขาเมาแล้วกลับบ้านนั้นเหมือนเห็นซูโย่วอยู่แถวบ้านเขา แต่เรียกหลายรอบก็ไม่เห็นเลย”

 “บ้านเขาอยู่ที่ไหน”

 “ไม่ไกล อยู่เนินเขาเล็กๆ แถวชานเมือง ไม่มีชื่อเป็นเนินเขารกร้างแห่งหนึ่ง”

 “จริงเหรอ” ซูจื่อจวินถามเสียงเข้ม

 “จริง!” ลุงวัยกลางคนพยักหน้า…คนที่มีรูปลักษณ์เหมือนเด็กผู้หญิงคนนี้มองมาก็ให้ทั้งกดดันทั้งหวาดกลัว

ซูจื่อจวินสบถเสียงเย็นออกมา พูดขึ้นอย่างฉับพลันว่า “แมลงปีกแข็งหนวดยาวตนนั้นอยู่ที่ไหน”

 “ดื่มเหล้าอยู่ด้านล่าง” ลุงวัยกลางคนหัวเราะพูดว่า “ปีศาจจนๆ ตนนี้ ช่วงนี้ไม่รู้ว่ารวยหรืออย่างไร สองสามวันมาครั้งแล้วก็สั่งแต่ของแพงๆ”

 “พาเขามาพบข้า” ซูจื่อจวินพยักหน้า แต่ก็ขมวดคิ้วขึ้นในทันที เปลี่ยนความคิดพูดว่า “ไม่ พาข้าไปหาเขา เร็วเข้า…ไม่ทันแล้ว!”

ซูจื่อจวินสีหน้าเปลี่ยน ก่อนที่กุยเชียนอีกับลุงวัยกลางคนจะรู้สึกตัว เธอก็ทำลายกระจกและกระโดดลงไปที่บาร์ด้านล่างทันที

ท่าร่างของสาวน้อยดูสง่างามมากถึงจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่การมีคนกระโดดลงมาจากหน้าต่างกระจกด้านบนแบบนี้ ก็ทำให้ลูกค้าที่นี่สังเกตเห็นกันหมด

ทุกคน…ปีศาจทุกตนพากันมองมาที่ซูจื่อจวิน

กุ่ยอิงที่กำลังคุ้มครองผีเสื้อน้อยตกตะลึงในทันที รีบวิ่งเข้ามาขมวดคิ้วถามว่า “ลูกพี่ใหญ่ เกิดเรื่องอะไรขึ้น เต่าเฒ่าล่วงเกินท่านใช่ไหม”

 “กุยเชียนอีไม่กล้าหรอก” ซูจื่อจวินพูดและมองไปรอบๆ พูดตรงๆ ว่า “คนไหนคือแมลงปีกแข็งหนวดยาว ออกมาเดี๋ยวนี้ ข้ามีอะไรจะถาม”

เห็นกลุ่มปีศาจพากันแสดงท่าทีมึนงงออกมา แต่กลับมีตนหนึ่งที่นัยน์ตาหดตัวลงเล็กน้อย ซูจื่อจวินมีสายตาเฉียบคม สบถอย่างเย็นชาไปคำหนึ่ง “ข้าหาเจ้าพบแล้ว!”

ไม่รู้ว่านางเคลื่อนไหวอย่างไร…อยู่ดีๆ ก็หายตัวไปจากสายตาของปีศาจทุกตน จากนั้นก็ไปปรากฏตัวอยู่อีกที่หนึ่ง นี่ถือเป็นการเคลื่อนไหวไหม

 “เป็นใครกัน…ดูเหมือนจะร้ายกาจมาก” ปีศาจกระบือเฒ่าเมามายตัวหนึ่งขยี้ตาเอ่ยถามเพื่อนกินเหล้าของตนเอง

 “ไม่รู้สิ แต่มีกลิ่นคาวเลือดที่ฉุนมาก”

บรรดาปีศาจพากันวิเคราะห์ ดีเจที่กำลังเล่นเพลงอยู่ก็ปิดเสียงดนตรีลงอย่างฉับพลัน

ตอนนี้เห็นเพียงซูจื่อจวินยื่นมือออกไปหิ้วร่างที่มีสัดส่วนแตกต่างจากนางโดนสิ้นเชิงขึ้นมา…สองเท้าของเจ้านั่นลอยจากพื้น ทั้งยังทำท่าวิ่งหนี ความจริงแล้วตัวเขาสูงไม่ถึงหนึ่งเมตรด้วยซ้ำ 

 “เจ้าเป็นใคร ข้า ข้าไม่เคยล่วงเกินเจ้า…ปล่อยข้า” ปีศาจแมลงปีกแข็งหนวดยาวตนนั้นพูดอย่างหวาดกลัว…เขารู้สึกเหมือนเลือดในร่างกายกำลังไหลย้อนกลับ หัวใจเต้นแรง

 “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสนใจ”

ซูจื่อจวินดึงอีกฝ่ายขึ้นมาพูดว่า “เจ้าแค่ต้องบอกข้าว่าบ้านเจ้าอยู่ที่ไหน แล้วเจอซูโย่วอยู่ที่ไหนก็พอ บอกข้ามา แล้วต่อจากนี้หนึ่งเดือนเจ้ากินฟรีดื่มฟรีที่นี่ได้เลย!”

 “ได้! ไม่มีปัญหา!” ปีศาจแมลงปีกแข็งหนวดยาวตื่นเต้นขึ้นมา ไหนเลยจะสนใจเรื่องกลัวไม่กลัวอีก

 “เจ้าไปรอข้าด้านนอก รีบไป!” ซูจื่อจวินพูดที่ข้างหูของแมลงปีกแข็งหนวดยาวอย่างรวดเร็วประโยคหนึ่ง จากนั้นก็ผลักปีศาจแมลงปีกแข็งหนวดยาวออกไปนอกกลุ่มปีศาจ ไปตกลงตรงหน้าประตูบาร์

ซูจื่อจวินไม่ดูว่าแมลงปีกแข็งหนวดยาวตนนั้นจะเคลื่อนไหวอย่างไรอีก หันมาพูดว่า “ไปเถอะ ผีเสื้อน้อย…คนละ?”

ซูจื่อจวินขมวดคิ้วขึ้นชั่วขณะ เพราะเธอมองไม่เห็นลั่วเพียนเซียนที่ควรอยู่ตรงหน้าบาร์!

 “กุ่ยอิง คนที่ข้าพามาละ?”

 “เอ๊ะ?” กุ่ยอิงมองไปรอบด้านอย่างมึนงง “นี่…ลูกพี่ใหญ่ เมื่อครู่ผมยังเห็นเธออยู่ตรงนั้นอยู่เลย คงไม่ได้เดินพลัดหลงไปเองในช่วงชุลมุนตะกี้หรอกนะ น่าจะไม่ได้เดินไปไหนไกล อาจจะยังอยู่ด้านใน”

ซูจื่อจวินขมวดคิ้ว สูดจมูกดมกลิ่น…แต่เป็นเพราะมีปีศาจอยู่ที่นี่เยอะเกินไป กลิ่นอายผสมปนเป เธอจึงไม่สามารถดมหากลิ่นของลั่วเพียนเซียนได้ในพริบตา

 “ลูกพี่ใหญ่?”

 “ไม่ทันแล้ว” ซูจื่อจวินพูดอย่างรวดเร็ว “ฟังให้ดีกุ่ยอิง หากเธอยังอยู่ด้านใน แกก็ต้องดูแลเธอให้ดี ใครแตะต้องเธอ แกก็ตอนมันซะ เอาให้ตาย!”

 “รับทราบ!”

พูดแล้วซูจื่อจวินก็วาบหายไปจากสายตา…กุ่ยอิงรู้ว่าลูกพี่ใหญ่ผู้นี้จากไปแล้ว

เขาไม่แปลกใจว่าเหตุใดซูจื่อจวินถึงรีบไปอย่างนี้ เพราะอีกครู่เดียวถัดมา เถ้าแก่ของเอลิเซียมบาร์ก็กลับมาถึง

แผ่นเหล็กเหนือบาร์เปิดออกเป็นรูหนึ่งอย่างฉับพลัน เห็นเพียงเงาร่างสายหนึ่งยืนอยู่ที่ปากทางเข้า กำลังมองลงมา กางแขนทั้งสองออก “ฮา! จื่อจวิน ที่รักของข้า! เจ้ามาแล้วใช่ไหม! ข้าหัวใจเต้นแรงมาแต่ไกล ยากที่จะควบคุมได้…เอ๊ะ คนละ?”

 “เถ้าแก่ กางเกงของท่านหลุด…”

ลมพัดมาจน**เย็น

กลับถึงจะถูกลงโทษหรือไม่

ไท่อินจื่อถือของที่เจ้าของสมาคมเพิ่งซื้อมาด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เป็นถึงภูตดำผู้เชื่อมั่นในร็อกแอนด์โรล เขาจึงรู้ว่าของในนี้คืออะไร

แต่ไท่อินจื่อก็รู้ความ ข่มกลั้นความตื่นเต้นของตนเองไว้ ก้มหัวลง เว้นระยะห่างประมาณสิบเมตรเดินตามเจ้าของสมาคมไปเงียบๆ

เหตุใดจึงไม่ตามไปข้างหน้างั้นหรือ

ตอนนี้เจ้าของสมาคมกับคุณหนูสาวใช้กำลังเดินเคียงข้างกัน…ตอนนี้เป็นเวลาตีสามกว่าๆ แล้วบนท้องถนนก็เงียบสงัดไร้คน

 “บางครั้งเดินเล่นแบบนี้บ้างก็ไม่เลว”

ลั่วชิวมองความมืดมิด

ไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ หลังจากดูคอนเสิร์ตจบก็พาคู่ขากลับไปส่งตามธรรมเนียมขั้นพื้นฐาน

เจ้าของสมาคมบอกว่า ‘คืนนี้โยวเย่เป็นคู่ขาของเขา คู่ขาไม่เหมือนกับสาวใช้ ดังนั้นต้องมาส่ง’

 “นายท่าน ถึงแล้ว”

เมื่อมองเห็นประตูของสมาคมแล้ว โยวเย่ก็หันกลับมา…สำหรับคุณหนูสาวใช้แล้ว นี่อาจเป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิต

ลั่วชิวหัวเราะขึ้นมาในทันที มองไปข้างหน้า “คิดไม่ถึงว่าจะมีลูกค้ามาอีก”

 “ค่ะ” คุณหนูสาวใช้ยิ้มบางๆ มองตามสายตาของเจ้าของสมาคมไป

เห็นบนถนนมีเงาร่างหนึ่งกำลังซวนเซเดินเข้ามา

ใบหน้าของเธอแดงก่ำเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่โง่เขลา สองมือกอดขวดอะไรบางอย่าง เดินไปสะอึกไป บนแผ่นหลังมีปีกสีสันสดใสคู่หนึ่งกระพือออกมา…เห็นได้ชัดว่าเป็นปีศาจผีเสื้อน้อยลั่วเพียนเซียนที่เพิ่งเปลี่ยนร่างได้ไม่นาน

โยวเย่ยิ้มหวาน “ดูเหมือนจะเมา”

สุดท้ายผีเสื้อน้อยก็พุ่งเข้ามาตรงหน้าของทั้งสองคน

*ครอบแก้วดูดพิษ เป็นการบำบัดรักษาทางเลือกของแพทย์แผนจีนชนิดหนึ่ง