ตอนที่ 114-5 ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีสิ่งมาหักล้างกันได้เสมอ ท่านอ๋องกลัวเมีย

จำนนรักชายาตัวร้าย

ฮึ่ย…

 

 

มองไปยังทิศทางของวังหลวง อวี้จิงเหลยก็ทอดถอนใจยาว

 

 

“ฝ่าบาท พระองค์ใช้วิธีการ ‘ชั่วร้าย’ เช่นนี้ พวกเรายังจะเป็นฮ่องเต้กับขุนนางได้อย่างสนิทใจอยู่อีกหรือ”

 

 

หลังจากที่ได้ข่าวว่าอวี้จิงเหลยกลับมาแล้ว อวี้เฟยเยียนก็รีบโผลเข้าไปหาด้วยความคิดถึง

 

 

“ท่านปู่ ท่านปู่กลับมาเสียที หลานคิดถึงท่านปู่จะแย่อยู่แล้ว!”

 

 

“ฮ่าๆ! ปู่ก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน!”

 

 

อวี้จิงเหลยรูปร่างสูงใหญ่ เขาถึงกับใช้สองมืออุ้มอวี้เฟยเยียนขึ้นมาราวกับเด็กน้อยอย่างไรอย่างนั้น!

 

 

“มา ให้ปู่ดูหน่อยสิ! ผอมลงไป! เรื่องราวที่เกิดขึ้นปู่ได้ยินมาแล้ว เจ้าคงเหนื่อยแย่เลยสินะ!”

 

 

“ที่ไหนกันท่านปู่ ตอนนี้ผอมหน่อยต่างหากถึงนับว่าสวย!”

 

 

อวี้เฟยเยียนแก้มแดงระเรื่อ จ้องมองอวี้จิงเหลยด้วยความดีใจ

 

 

“ท่านปู่ ท่านป้าสามตั้งครรภ์แล้ว ข้าก็จะได้เป็นพี่สาวแล้วใช่ไหมคะ! ไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง! นี่ข้าตั้งหน้าตั้งตารอเลยทีเดียว!”

 

 

เดิมทีอวี้เชียนเสวี่ยและมู่เหนียนซีตั้งใจจะเดินทางกลับมาพร้อมกับอวี้จิงเหลย

 

 

เพียงแต่ระหว่างทางมู่เหนียนซีตรวจพบว่าตนเองตั้งครรภ์

 

 

เมื่อไตร่ตรองแล้วว่านี่เป็นท้องแรก สามเดือนแรกจึงค่อนข้างอันตราย อวี้จิงเหลยจึงให้อวี้เชียนเสวี่ยหยุดพักก่อน รอจนกระทั่งครรภ์ของมู่เหนียนซีแข็งแรงดีแล้วค่อยเดินทางต่อ

 

 

เมื่อเอ่ยถึงมู่เหนียนซีตั้งครรภ์ อวี้เชียนเสวี่ยจะเป็นพ่อคน อวี้จิงเหลยก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก!

 

 

แต่ไหนแต่ไรมาสกุลอวี้ก็มีลูกหลานไม่มาก เช่นนั้นข่าวนี้นับว่าเป็นข่าวที่น่ายินดีมากเลยทีเดียว!

 

 

ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็ดีทั้งนั้น!

 

 

อวี้จิงเหลยไม่เคยมีความคิดว่าผู้ชายจะสำคัญกว่าผู้หญิงเลย

 

 

‘ดูสิ!’

 

 

หลานสาวของเขาอวี้เฟยเยียน เป็นหญิง แต่เรื่องที่นางกระทำได้แม้แต่ผู้ชายบางคนยังเทียบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!

 

 

“รอให้ท่านป้าสามกลับมา ข้าจับชีพจรตรวจให้นางก็รู้แล้ว!”

 

 

ระยะนี้อวี้เฟยเยียนค่อนข้างยุ่งกับงาน เมื่อได้อ่านจดหมายที่อวี้จิ้งเหลยส่งมาถึงได้รู้ข่าวน่ายินดีนี้

 

 

แต่ไม่ว่านางจะยุ่งอย่างไร ก็ยังหาเวลามาเรียบเรียง ‘คู่มือช่วงตั้งครรภ์’ ขึ้นแล้วให้คนส่งไปให้อวี้เชียนเสวี่ยและมู่เหนียนซี

 

 

ตอนนี้ได้ยินว่ามู่เหนียนซีสุขสบายทุกดีอย่าง อวี้เฟยเยียนจึงค่อยวางใจ

 

 

มองดูอวี้เฟยเยียนพูดคุยกับผู้เป็นปู่เรื่องลูกของเชียนเยี่ยเสวี่ยด้วยอาการตื่นเต้นดีใจ วูบหนึ่งในแววตาของซย่าโหวฉิงเทียนก็ฉายแววอะไรบางอย่างออกมา ‘แมวน้อย ชอบเด็กจริงๆ ด้วย!’

 

 

ปู่กับหลานพูดคุยกันอย่างออกรส จนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ อวี้เฟยเยียนจึงได้นึกถึงซย่าโหวฉิงเทียนขึ้นมา

 

 

ในขณะเดียวกันอวี้จิงเหลยก็เหลือบมองมายังซย่าโหวฉิงเทียนเช่นกัน อ๋องผู้นี้แย่งชิงหลานสาวสุดที่รักของเขาไป ซึ่งอวี้จิงเหลยเองก็ไม่ได้อารมณ์ดีเสียด้วย

 

 

“เฮอะ!”

 

 

อวี้จิงเหลยสบถออกมาคำหนึ่งแล้วเชิดใบหน้าขึ้น

 

 

“ไม่รู้ว่าหลินเจียงอ๋องให้เกียรติมาถึงที่นี่ มีกิจอันใดหรือ”

 

 

เพียงแค่อวี้เฟยเยียนย่างก้าวเข้าประตูมา อวี้จิงเหลยก็เห็นซย่าโหวฉิงเทียนแล้ว แต่กลับเลือกที่จะทำเป็นมองไม่เห็น

 

 

ฮ่องเต้ทรงทุ่มเทแรงกายแรงใจไม่น้อยเพื่อที่จะให้ซย่าโหวฉิงเทียนชักจูงใจผู้คนได้ ซึ่งจุดนี้อวี้จิงเหลยขอยกข้อหาไปลงที่ซย่าโหวฉิงเทียนทั้งหมด

 

 

เพียงแค่มองหน้าอวี้เฟยเยียน อวี้จิงเหลยก็รู้ในทันทีว่านางหวั่นไหว ชอบซย่าโหวฉิงเทียนเข้าแล้วจริงๆ

 

 

ยิ่งเป็นเช่นนี้ อวี้จิงเหลยก็ยิ่งไม่อยากที่จะเห็นหน้าซย่าโหวฉิงเทียนมากขึ้นไปอีก

 

 

กว่าจะเลี้ยงหลานสาวมาจนโตกระทั่งมีคนที่นางชอบพอนั้นแสนยากลำบาก ทำให้อวี้จิงเหลยเศร้าสร้อยยิ่งนัก

 

 

ลูกหลานโตขึ้น ถึงเวลาก็ต้องแต่งงานออกเรือน เดิมทีนับเป็นเรื่องปกติธรรมชาติ

 

 

แต่อวี้จิงเหลยยังตัดใจไม่ได้!

 

 

ในสายตาของเขา ไม่มีใครที่คู่ควรกับหลานสาวคนเล็กของเขาทั้งนั้น

 

 

คิดจะแย่งหลานสาวของเขาไปจากอ้อมอก มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก!

 

 

ต่อให้เจ้าเป็นถึงอ๋อง พวกเราก็ไม่เสียดาย!

 

 

สองสามวันก่อนหน้านี้ ฮ่องเต้ได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาในการเอาอกเอาใจลูกและเมียให้มีความสุขให้กับซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

ในโลกใบนี้พ่อตากับลูกเขยเป็นมนุษย์ที่ไม่ลงรอยกันมากที่สุดมาแต่ไหนแต่ไร!

 

 

ถึงแม้ว่าคราวนี้ซย่าโหวฉิงเทียนจะไม่ต้องรับมือกับพ่อตา แต่อวี้จิงเหลยและเชียนเสวี่ยซึ่งเป็นปู่และลุงของนางก็ไม่ใช่คนที่จะล่อหลอกอะไรได้ง่ายๆ

 

 

คนที่ซย่าโหวฉิงเทียนจะขอคือแก้วตาดวงใจของสกุลอวี้ เช่นนั้นพวกเขาจะต้องสรรหาปัญหาพิสดารล้านแปดมาเพื่อกลั่นแกล้งซย่าโหวฉิงเทียนเป็นแน่ ซย่าโหวจวินอวี่จึงให้บุตรชายฝึกปรือหัวใจให้เข้มแข็ง ให้เขาได้เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้พร้อม

 

 

เห็นท่าทีของอวี้จิงเหลยในตอนนี้ ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนเข้าใจความยากลำบากของซย่าโหวจวินอวี่ในที่สุด

 

 

“ข้าน้อยบังเอิญได้พบกับ ‘ตำราพิชัยยุทธ์หลัวเหอ’ เข้า ซึ่งไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ…”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนหยิบตำราเล่มหนึ่งขึ้นมา ยื่นให้กับอวี้จิงเหลย

 

 

“ขอผู้อาวุโสช่วยแยกแยะให้ข้าที!”

 

 

แต่ก่อนซย่าโหวฉิงเทียนมักจะใช้คำเรียกตนเองคำก็ ‘ข้า’ สองคำก็ ‘ข้า’ มาตอนนี้กลับเรียกแทนตนเองว่า ‘ข้าน้อย’ ทำเอาอวี้เฟยเยียนแทบอยากจะหัวเราะออกมานัก

 

 

ที่แท้แล้วหลังจากที่ได้รับการสั่งสอนจากฝ่าบาททรง ท่านก็รู้เสียควรจะปล่อยวางมาดลงบ้าง!

 

 

“เรื่องนี้…”

 

 

ในฐานะที่เป็นคนรักในการศึกษาตำราพิชัยยุทธ์ อวี้จิงเหลยย่อมรู้ดีว่า ‘ตำราพิชัยยุทธ์หลัวเหอ’ เป็นสิ่งที่เหล่านักรบล้วนอยากได้มาครอบครองทั้งสิ้น

 

 

นี่เป็นสิ่งล้ำค่าในตำนานเชียวนะ!

 

 

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าซย่าโหวฉิงเทียนไปได้มันมาได้อย่างไร!

 

 

เหตุใดเขาถึงได้มีของดีในมือมากมายเช่นนี้

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนใช้ไม้เดิมเหมือนกันกับคราวก่อน ประมุขแห่งสกุลอวี้ไหนเลยจะไม่รู้

 

 

คิดจะใช้ ‘ตำราพิชัยยุทธ์หลัวเหอ’ มาซื้อใจเขา ไม่มีทางหรอก!

 

 

อวี้จิงเหลยเหลือบสายตามองไปที่ตำราเล่มนั้นอย่างรวดเร็ว พยายามระงับความอยากได้มันมาครอบครองเอาไว้อย่างสุดกำลัง แล้วเอ่ยตอบกลับซย่าโหวฉิงเทียนด้วยท่าทีเป็นการเป็นงาน

 

 

“ท่านอ๋องนำกำลังกรำศึกมาหลายปี นับเป็นขุนศึกที่ทรงคุณค่า ข้าเชื่อว่าด้วยความสามารถของท่านอ๋องจะสามารถแยกแยะจริงเท็จได้!”

 

 

ถึงแม้ปากจะเอ่ยด้วยวาจาที่เต็มไปด้วยวาทศิลป์เช่นนั้น แต่ในใจของอวี้จิงเหลยราวกับวานรก็ไม่ปานคันไม้คันมือยิบๆ อยากจะคว้าตำราเอาไว้เสียเดี๋ยวนั้น

 

 

ด้านหนึ่งก็คือความสุขชั่วชีวิตของหลานสาว อีกด้านก็คือ ‘ตำราพิชัยยุทธ์หลัวเหอ’ …

 

 

‘หลินเจียงอ๋อง ท่านจงใจใช่หรือไม่’

 

 

มองเห็นใบหน้าหล่อเหลาคมคายเย่อหยิ่งของซย่าโหวฉิงเทียน ฉับพลันอวี้จิงเหลยก็พาลรู้สึกเหม็นขึ้นหน้าเขาอย่างที่สุด!

 

 

‘ร้ายกาจเกินไปแล้ว!’

 

 

‘มีอย่างที่ไหนใช้วิธีการเช่นนี้มาทดสอบคน’

 

 

‘ร้ายกาจยิ่งกว่าการใช้ศาลเตี้ยลงทัณฑ์ทรมานคนให้รับสารภาพเสียอีก!’

 

 

‘หลานเขยคนนี้ เขาไม่ชอบ!’

 

 

โดยที่อวี้จิงเหลยไม่รู้ตัวเลยว่า ในขณะที่ตนเองกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ได้ใช้คำเรียก ‘หลานเขย’ เรียกขานซย่าโหวฉิงเทียนไปเสียแล้ว