“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าน้อยก็จะส่งมันไปที่หอนภาหอมเพื่อให้แยกแยะให้ชัดเจน!” ซย่าโหวฉิงเทียนเอ่ยกล่าวด้วยท่าที่เป็นการเป็นงาน
“ได้ยินว่าเหล่าอาจารย์ที่หอมนภาหอมเปี่ยมด้วยความรู้และประสบการณ์ จะต้องแยกแยะจริงเท็จออกอย่างแน่นอน”
“พอดีเลยกับในช่วงนี้ข้าน้อยกำลังร้อนเรื่องเงิน หากว่าเป็นตำราพิชัยยุทธ์ของจริงละก็ จะได้ขายให้กับหอนภาหอมเสียเลย ไม่แน่ว่าอาจจะได้ราคาดี…”
ซย่าโหวฉิงเทียนเพิ่งจะกล่าวจบ ลมบางอย่างก็พัดพามา ฉับพลัน ‘ตำราพิชัยยุทธ์หลัวเหอ’ ที่อยู่ในมือของเขาก็ไปตกอยู่ในมือของอวี้จิงเหลยเสียแล้ว
“หลินเจียงอ๋อง ท่านกระทำเช่นนี้นับว่าผิดแล้ว!”
เมื่ออวี้จิงเหลยได้ฟังความหมายของซย่าโหวฉิงเทียนนั่นก็คือเขาจะนำ ‘ตำราพิชัยยุทธ์หลัวเหอ’ ขายทิ้งไป ฉับพลันอวี้จิงเหลยก็โกรธเกรี้ยวจนหนวดกระดิกตาลุกวาว
ต่อให้ต้องขายบ้านขายเรือน ก็จะขายตำราพิชัยยุทธ์ไม่ได้!
“ผู้อาวุโสสั่งสอนได้ถูกต้อง ข้าน้อยผิดไปแล้ว!”
มองดูท่าทีรู้สึกผิดหลังจากที่ถูกตำหนิของซย่าโหวฉิงเทียนเช่นนั้น อวี้เฟยเยียนก็หัวเราะออกมา
ที่ดินโดยรอบแม่น้ำเชียงล้วนแต่เป็นศักดินาที่ดินของซย่าโหวฉิงเทียนทั้งสิ้น แล้วเขาจะเงินขาดมือได้อย่างไร! จะมีก็แต่ใช้ไม่หมดท่านั้นเอง!
เสียงหัวเราะของอวี้เฟยเยียนทำให้อวี้จิงเหลยได้สติขึ้นมา
จริงสิ!
ซย่าโหวฉิงเทียนคืออ๋องผู้ที่ร่ำรวยมากที่สุด แล้วจะขาดแคลนเงินได้อย่างไร!
“เจ้ามันกลิ้งกลอก!”
อวี้จิงเหลยโมโหฟึดฟัด แล้วนำ ‘ตำราพิชัยยุทธ์หลัวเหอ’ ส่งคืนให้กับซย่าโหวฉิงเทียนทันที
แต่เจ้าตำราพิชัยยุทธ์นี่ราวกับทาน้ำมันเอาไว้ก็ไม่ปาน เหนียวติดมืออวี้จิงเหลยจนแกะไม่ออก
ไม่อยากคืนให้เลย!
อยากจะเปิดดูเนื้อหาด้านในยิ่งนัก!
แค่ครู่เดียวก็ยังดี…
“ท่านปู่ ท่านเก็บไว้เถอะ!” ซย่าโหวฉิงเทียนเห็นเช่นนั้นก็อมยิ้มเล็กน้อย
“นี่เป็นสิ่งที่ข้าน้อยแสดงความเคารพต่อท่าน!”
“ใครเป็นท่านปู่ของท่าน!”
ถึงแม้ว่ารับของจากเขามาแล้วย่อมต้องตอบแทนเขาบ้าง แต่อวี้จิงเหลยก็ไม่ได้รับปากว่าจะเป็นปู่ของซย่าโหวฉิงเทียนเสียหน่อย
แค่ตำราพิชัยยุทธ์เพียงเล่มเดียวก็จะมาคว้าหลานสาวสุดที่รักของเขาไป ไม่มีทางเสียหรอก!
“ท่านปู่!”
เห็นผู้เป็นปู่มัวแต่สับสนลังเลท่ามกลางความขัดแย้งในใจ อวี้เฟยเยียนจึงหยิบตำราพิชัยยุทธ์ นั้นใส่มือเขาเสียเลย
“พวกเราไม่ต้องสนใจเขาหรอก! เขายิ่งร้ายกาจขึ้นทุกวันแล้ว!”
“แกล้งคนแก่ สนุกนักหรือ”
อวี้เฟยเยียน สบถออกมาคำหนึ่ง แล้วถลึงตาจ้องมองซย่าโหวฉิงเทียน
“ฮ่าๆ! เจ้าพูดถูกต้องเลย! เขาร้ายกาจ ไม่ดีๆ! เยียนเอ๋อร์เจ้าอย่าไปหลงกลเขานะ!”
ปากก็พูดเช่นนี้ แต่มือของอวี้จิงเหลยกลับเอื้อมคว้าตำราพิชัยยุทธ์นั้นยัดใส่ในแขนเสื้อของตนเอง
มีหลานสาวให้ท้ายอยู่ เขาไม่กลัวหรอก!
ของขวัญส่งมอบออกไปแล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนก็คลายความกังวลลงไปได้เปลาะหนึ่ง
ก่อนที่จะมาที่นี่ ซย่าโหวจวินอวี่ได้วิเคราะห์ลักษณะนิสัยของอวี้จิงเหลยให้เขาฟังก่อนแล้ว อวี้จิงเหลยเป็นคนที่ ข้าจะไม่ระรานใครก่อน หากเขาไม่มาระรานข้า
ซย่าโหวฉิงเทียนจึงเตรียมตัวเตรียมใจมาล่วงหน้า
ในเมื่อต้องการหลานสาวสุดรักสุดหวงดั่งแก้วตาดวงใจของเขาไป ก็จะต้องเตรียมรับมือกับการทดสอบต่างๆ นานา
หากเทียบกับจะได้ครองรักหวานชื่นกับอวี้เฟยเยียนแล้ว เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก!
เมื่อได้ของดีแล้ว อวี้จิงเหลยก็แทบจะไล่ซย่าโหวฉิงเทียนกลับไปในทันที
‘ตำราพิชัยยุทธ์หลัวเหอ’ เป็นสิ่งที่เขาใฝ่ฝันอยากจะได้มานาน ดังนั้นสิ่งที่อวี้จิงเหลยอยากจะทำมากที่สุดในตอนนี้นั่นก็คือปิดประตูลงกลอน อ่านหนังสือ!
แต่ว่า การมาของซย่าโหวฉิงเทียนในครั้งนี้ยังมีเรื่องอื่นด้วย
ถึงแม้ว่าอวี้จิงเหลยจะใช้สายตาส่งสัญญาณให้กับซย่าโหวฉิงเทียนไม่หยุดหย่อนเพื่อไล่ให้เขารีบกลับไปเสีย ข้าไม่รั้งเจ้าเอาไว้แล้ว แต่ซย่าโหวฉิงเทียนก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น นั่งนิ่งอยู่ที่เดิมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป
หลานเขยไม่รู้ความเช่นนี้ น่ารำคาญที่สุด!
ปู่ไม่ชอบเอาเสียเลย!
มองออกว่าซย่าโหวฉิงเทียนต้องการพูดคุยอย่างลูกผู้ชายกับอวี้จิงเหลย อวี้เฟยเยียนก็อมยิ้มแล้วปิดประตูลง
เมื่อแน่ใจว่าอวี้เฟยเยียนออกไปแล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนก็มองไปที่อวี้จิงเหลยเอ่ยด้วยท่าทีจริงจัง
“ผู้อาวุโส จริงๆ แล้วที่ข้าน้อยมาที่ในวันนี้เพราะมีเรื่องอยากจะสอบถามท่านสักหน่อย แมวน้อย คือลูกสาวแท้ๆ ของอวี้เชียนสวินจริงหรือ”
อวี้จิงเหลยครุ่นคิดอยู่เป็นนานกว่าที่จะรู้ว่า ‘แมวน้อย’ ที่ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวถึงนั้น หมายความถึงอวี้เฟยเยียนนั่นเอง
สิ่งที่ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวออกมาทำให้อวี้จิงเหลยเริ่มหวาดระแวง เขาจ้องมองซย่าโหวฉิงเทียนด้วยอาการประหม่า แล้วเอ่ยเสียงเข้ม
“หลินเจียงอ๋อง ท่านถามเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”
เห็นอากัปกิริยาของอวี้จิงเหลย ซย่าโหวฉิงเทียนก็พอจะได้ผลสรุปของคำตอบอยู่ในใจแล้ว
“ผู้อาวุโสมิต้องตกใจ ที่ข้าถามเช่นนี้เพราะในระยะนี้เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น!”
ด้วยเกรงว่าอวี้จิงเหลยจะคิดเป็นอื่น ซย่าโหวฉิงเทียนจึงเอ่ยเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้เขาฟังทั้งหมดโดยละเอียด แม้กระทั่งคำพูดของตี้อู่เฉินทุกคำก็ถ่ายทอดให้เขาฟังโดยไม่มีบิดเบือนผิดเพี้ยน
“อะไรนะ เป็นไปได้อย่างไร!”
เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด อวี้จิงเหลยถึงกับวางตำราในมือลง สีหน้าหนักใจ
เรื่องที่ว่าเผ่าตันแบ่งแยกออกเป็นตันซ้ายตันขวานั้นอวี้จิงเหลยไม่เคยรู้มาก่อน
อีกทั้งเมื่อได้ยินซย่าโหวฉิงเทียนเอ่ยอีกว่าเทพธิดาแห่งตันขวารูปร่างหน้าตาเหมือนกันกับอวี้เฟยเยียน อวี้จิงเหลยก็ถึงกับเม้มริมฝีปากแน่น สมองกำลังครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว
จะใช่ตี้อู่เยียนเอ๋อร์หรือเปล่านะ
ไม่น่าจะเป็นไปได้นี่นา!
ตี้อู่เยียนเอ๋อร์จิตใจงดงาม ไปช่วยเหลือเผ่าตันขวามิเท่ากับช่วยเหลือคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญหรอกหรือ
หรือว่า ตี้อู่เยียนเอ๋อร์ถูกกักขังอยู่ที่ตันขวา
“เทพธิดาที่ตี้อู่เฉินว่าก็อายุสิบห้าปีเท่ากับอายุของแมวน้อยเช่นกัน” ซย่าโหวฉิงเทียนที่อยู่ข้างๆ เอ่ยสำทับขึ้น
‘อายุเท่ากัน’
‘เช่นนั้นนางคือใครกันนะ’
อวี้จิงเหลยรู้สึกสับสนงงงวยเป็นอย่างมาก การปรากฏของเทพธิดาแห่งตันขวา กำลังก่อกวนทำให้สภาพจิตใจและอารมณ์ของเขาวุ่นวาย
เขาหวนระลึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ได้ไปเห็นเมื่อไปถึงหุบเขาหงส์เพลิง ในปีนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทั่วทุกหัวระแหงราบเป็นหน้ากลองและเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด อวี้เฟยเยียนในวัยทารกอยู่ในห่อผ้าสีเหลืองกำลังร้องไห้ด้วยเสียงที่อ่อนแรง ไม่เห็นแม้แต่เงาของอวี้เชียนสวินและตี้อู่เยียนเอ๋อร์
ในตอนนั้นอวี้จิงเหลยที่อุ้มอวี้เฟยเยียนเอาไว้ในอ้อมอก เขายังเป็นกังวลอยู่ด้วยซ้ำว่าเด็กน้อยผู้นี้ยังเล็กนัก ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดหรือไม่
ตี้อู่เยียนเอ๋อร์คือเทพธิดาแห่งเผ่าตัน วิชาแพทย์สูงส่ง สุขภาพร่างกายของนางก็แข็งแรงสมบูรณ์ดี ตนเองก็เป็นแพทย์ แล้วเหตุใดบุตรสาวของนางถึงได้สุขภาพร่างกายอ่อนแอเช่นนี้
หรือว่า…นางตั้งครรภ์เด็กแฝด