อวี้จิงเหลยจินตนาการถึงเช่นนั้นก็ตกใจเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นว่าอวี้จิงเหลยเงียบลงไปนาน ซย่าโหวฉิงเทียนจึงลุกยืนขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาเขา เอ่ยถามว่า
“ผู้อาวุโส แมวน้อยคือลูกของใครกันแน่!”
ก่อนหน้านี้ ซย่าโหวฉิงเทียนเคยสืบเรื่องราวของสกุลอวี้โดยละเอียด ก็ได้พบเบาะแสบางอย่าง
คุณชายรองแห่งสกุลอวี้อวี้เชียนหานและภรรยาของเขายังเป็นปริศนามาโดยตลอดจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ซึ่งคนในสกุลอวี้น้อยนักที่จะเอ่ยถึงเขา ทำให้ทุกคนค่อยๆ ลืมเลือนไป
ซย่าโหวฉิงเทียนเคยได้พบอวี้ซิงฉง เขารูปร่างสูงใหญ่ ท่าทางสง่างาม สมกับเป็นลูกหลานสกุลอวี้โดยแท้
แต่อวี้เฟยเฉียวรูปร่างเล็กอรชร หน้าตาสะสวย ซึ่งรูปร่างหน้าตาของพวกเขาพี่น้องแตกต่างกันอย่างลิบลับ
คุณชายสามแห่งสกุลอวี้ อวี้เชียนสวินหน้าตาคล้ายคลึงกับอวี้จิงเหลย รูปร่างสูงใหญ่
ภรรยาของเขาหลิวเย่ว์หรง คือบุตรสาวของลูกน้องคนสนิทของอวี้จิงเหลย หญิงแกร่งปราดเปรียวแข็งแกร่งเปี่ยมด้วยความสามารถ ไม่ใช่หญิงสาวเรียบร้อยอ่อนหวานบอบบาง
ถึงแม้ว่าอวี้เชียนเสวี่ยจะได้รับฉายาว่าคุณชายน้อยหน้าหยก แต่หากจะบอกว่าลูกชายคนไหนของสกุลอวี้ที่หน้าตาหล่อเหลา ท่าทางสง่างามมากที่สุด เห็นทีจะต้องยกให้อวี้เชียนหาน
เท่าที่รู้มา อวี้เชียนหานยอดเยี่ยมกว่าใครทั้งบุ๋นและบู๊ เมื่อครั้งที่เขาอายุสิบหกปีนั้นได้ปิดบังฐานะเข้าร่วมการสอบจอหงวนบู๊ คว้าอันดับที่หนึ่ง เป็นจอหวนบู๊ที่ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงแต่งตั้ง
ในตอนนั้นอวี้เชียนหานคือบุรุษในดวงใจของสาวน้อยสาวใหญ่ในเมืองหลวงมากมาย
ว่าตามหลักปฏิบัติของสกุลอวี้ที่ลูกหลานทุกคนจะต้องเป็นทหาร เมื่ออวี้เชียนหานเข้าเป็นทหาร ถูกให้ประจำการรักษาชายฝั่งมหาสมุทรทางตะวันออกเฉียงใต้ ภายในระยะเวลาสามปี สร้างผลงานคุณูปการมากมาย
แต่ดาวดวงใหม่ที่กำลังเจิดจรัสนี้ จู่ๆ ก็หายสาบสูญไปเมื่อครั้งที่มีอายุเพียงยี่สิบปีเท่านั้น โดยไม่มีข่าวคราวของเขาอีกเลย
ภายหลัง อวี้เชียนหานก็ค่อยๆ เลือนหายไป
หากกล่าวถึงรูปร่างหน้าตาละก็ อวี้เฟยเยียนกลับไม่คล้ายคลึงกับอวี้เชียนสวินและหลิวเย่ว์หรงเลย ดังนั้นความเป็นไปได้ที่จะเป็นลูกสาวของเขาพวกเขานั้นจึงมีน้อยมาก!
หากว่ากันตามอายุ จากระยะเวลาที่อวี้เชียนหานหายสาบสูญไปเท่ากับอายุของอวี้เฟยเยียนพอดิบพอดี
เช่นนั้นเป็นไปได้หรือไม่ว่า อวี้เฟยเยียนคือลูกสาวของอวี้เชียนหาน
“นางเป็นลูกสาวของอวี้เชียนหานใช่หรือไม่”
“ไม่! ไม่ใช่!” อวี้จิงเหลยหลุดปากปฏิเสธทันควัน
การปรากฏของตันขวาทำให้อวี้จิงเหลยเริ่มระแวดระวังมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าเทพธิดาแห่งตันขวาจะเป็นใคร ฐานะของอวี้เฟยเยียนก็จะต้องเป็นความลับ! มิเช่นนั้นหากว่าชาวตันขวาหาตามหานางถึงที่ ไม่แน่ว่าอวี้เฟยเยียนจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้
เขาสูญเสียลูกชายและลูกสะใภ้ไปแล้ว ฉะนั้นหลานสาวของเขาจะต้องปลอดภัย!
แม้ปากจะไม่ยอมรับ แต่อากัปกิริยาและท่าทีของเขาก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนให้กับซย่าโหวฉิงเทียน
เห็นทีว่าอวี้เฟยเยียนจะเป็นบุตรสาวของอวี้เชียนหานจริงๆ!
และมารดาบังเกิดเกล้าของนางอาจมีความเกี่ยวข้องกับเผ่าตัน!
ในปีนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ อวี้จิงเหลยถึงได้ประกาศต่อภายนอกว่าอวี้เฟยเยียนคือลูกสาวของอวี้เชียนสวิน…
“เห็นทีว่าผู้อาวุโสยังไม่ค่อยเชื่อใจข้าเท่าไหร่นัก!”
ซย่าโหวฉิงเทียนเข้าใจดีถึงความเป็นห่วงกังวลของอวี้จิงเหลย อวี้เชียนหานสายสาบสูญไปทั้งผัวทั้งเมีย ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย ดังนั้นอวี้จิงเหลยถึงได้มีห่วงอะไรบางอย่าง
“ท่านวางใจได้เลย ไม่มีใครจะมาทำร้ายแมวน้อยได้ เว้นเสียแต่ว่าพวกมันต้องข้ามศพข้าไปเสียก่อน!”
คำพูดของซย่าโหวฉิงเทียน กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงใจ
อวี้จิงเหลยจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ไม่รู้ว่าจะเลือกปฏิเสธหรือเลือกที่จะเชื่อเขาดี
“หลินเจียงอ๋อง ท่านกลับไปเสียเถอะ!”
ในท้ายที่สุด อวี้จิงเหลยก็โบกไม้โบกมือปฏิเสธ สีหน้าอ่อนล้า
“ข้าต้องการอยู่เงียบๆ คนเดียว!”
ถึงแม้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะแสดงเจตนาที่ชัดเจน แต่อีกฝ่ายคือตันขวาแห่งเมืองอู๋โยวนะสิ…
“ผู้อาวุโสไม่เชื่อในความสามารถของข้า”
ซย่าโหวฉิงเทียนยังดื้อดึงไม่ยอมไป
เมื่อเห็นเช่นนั้น อวี้จิงเหลยจึงหยิบ ‘ตำราพิชัยยุทธ์หลัวเหอ’ รวมทั้ง ‘ตำราเบญจพิชัยยุทธ์’ ที่ได้มาก่อนหน้าคืนให้กับซย่าโหวฉิงเทียนไปด้วยกันเสียเลย
“ท่านกลับไปเสียเถอะ!”
ยิ่งอวี้จิงเหลยทำเช่นนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนก็ยิ่งไม่ยอมไป
“ผู้อาวุโส หลบหลีปัญหาคือการแสดงออกของคนขี้ขลาด ท่านปิดบังเอาไว้เช่นนี้ มันยุติธรรมกับแมวน้อยแล้วหรือ นางมีสิทธิ์ที่จะได้รู้เรื่องราวบิดามารดาของนาง!”
“มีเรื่องอะไรกัน”
ในตอนนั้นเองอวี้เฟยเยียนก็ผลักประตูเข้ามาพร้อมกับหูฉลามสองถ้วยในมือ
“ท่านปู่ ฉิงเทียน พวกท่านกำลังพูดคุยเรื่องอะไรกันอยู่หรือ”
“ไม่มีอะไรหรอก!”
“พวกเราก็คุยกับไปเรื่อย”
อวี้จิงเหลยปิดบังซ่อนเร้นเช่นนี้ แต่ซย่าโหวฉิงเทียนกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น
“แมวน้อย พวกเรากำลังคุยกันเรื่องชาติกำเนิดของเจ้า”
คำพูดของซย่าโหวฉิงเทียนเป็นดั่งระเบิดก้อนใหญ่ก็ไม่ปาน ทำเอาอวี้เฟยเยียนถึงกับตกตะลึงงัน
“ชาติกำเนิดของข้า”
“เจ้าไม่ใช่ลูกสาวของอวี้เชียนสวิน พ่อบังเกิดเกล้าของเจ้าคืออวี้เชียนหาน”
ซย่าโหวฉิงเทียนหาได้สนใจสายตาที่อวี้จิงเหลยส่งมาให้ไม่ เขาโพล่งคำตอบให้กับอวี้เฟยเยียนได้ฟัง
“หลินเจียงอ๋อง!”
ในที่สุดอวี้จิงเหลยก็โมโหโกรธาขึ้นมา ถึงกับเขวี้ยงตำราสองเล่มคืนใส่อกของซย่าโหวฉิงเทียน
“เชิญท่านออกไป! จวนจงอี้โหวของเราไม่ต้อนรับท่าน! เชิญท่านกลับไปเสีย!”
“ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องกลับไปด้วย!”
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชาติกำเนิดของอวี้เฟยเยียน ซย่าโหวฉิงเทียนจึงคิดว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรผิด ดังนั้นจึงถกเถียงอวี้อวี้จิงเหลยขึ้นมาทันที
“ท่าน…”
อวี้จิงเหลยโมโหจนหนวดกระดิก เขาถลึงตาจ้องมองซย่าโหวฉิงเทียนแล้วเอ่ยว่า
“ในเมื่อเชิญดีๆ ท่านไม่กลับ เช่นนั้นข้าก็จะโยนท่านออกไปเอง!”
กล่าวจบอวี้จิงเหลยก็พุ่งเข้าใส่ซย่าโหวฉิงเทียนทันที ทั้งสองคนต่อสู้กันตั้งห้องหนังสือไปจนถึงลานด้านล่าง
ปึ่งๆ!
อวี้จิงเหลยต่อสู้โดยไม่มียั้งมือเลยแม้สักนิด ผิดกลับซย่าโหวฉิงเทียนที่ยังเห็นแก่ที่เขาคือท่านปู่ของอวี้เฟยเยียน จึงใช้พลังวิเศษเพียงแค่ระดับจอมเทวาเท่านั้น
“ข้าไม่ต้องการให้ท่านออมมือให้!”
อวี้จิงเหลยใบหน้าแดงก่ำ เห็นทีว่าจะโกรธเกรี้ยวไม่น้อย
“แสดงความสามารถที่แท้จริงของท่านออกมาให้ข้าเห็น ดูสิว่าท่านคู่ควรกับเยียนเอ๋อร์ของข้าหรือไม่ “
ในเมื่ออวี้จิงเหลยลั่นวาจาออกมาเช่นนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนจึงไม่จำเป็นต้องเกรงใจอีกต่อไป ที่อวี้จิงเหลยไม่เอ่ยปากบอกความจริง ก็เพราะกำลังกังวลใจว่าซย่าโหวฉิงเทียนไม่สามารถปกป้องดูแลอวี้เฟยเยียนได้
ครั้งนี้ เขาจะต้องทำให้ผู้อาวุโสอวี้ยอมรับทั้งกายและใจ!
“ที่นี่ออกจะคับแคบเกินไปหน่อย หากผู้อาวุโสไม่ถือสาละก็ พวกเราไปหาที่กว้างๆ ข้างนอก สู้กันสักตั้ง เป็นอย่างไร…”
ประโยคนี้ของซย่าโหวฉิงเทียนช่างอวดดีสามหาวเป็นที่สุด ซึ่งมันทำให้อวี้จิงเหลยโมโหโกรธาเป็นอย่างมาก
“ได้!”
กว่าที่อวี้เฟยเยียนจะเข้าใจเรื่องราวตรงหน้า คนทั้งสองก็ลอยตัวขึ้นไปกลางอากาศเสียแล้ว คนหนึ่งอยู่ด้านหน้าคนหนึ่งตามหลังออกไปจากจวนจงอี้โหว โดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง