ตอนที่ 115-2 ผู้อาวุโส ท่านยังอ่อนหัดนัก

จำนนรักชายาตัวร้าย

อวี้จิงเหลยจินตนาการถึงเช่นนั้นก็ตกใจเป็นอย่างมาก 

 

 

เมื่อเห็นว่าอวี้จิงเหลยเงียบลงไปนาน ซย่าโหวฉิงเทียนจึงลุกยืนขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาเขา เอ่ยถามว่า 

 

 

“ผู้อาวุโส แมวน้อยคือลูกของใครกันแน่!” 

 

 

ก่อนหน้านี้ ซย่าโหวฉิงเทียนเคยสืบเรื่องราวของสกุลอวี้โดยละเอียด ก็ได้พบเบาะแสบางอย่าง 

 

 

คุณชายรองแห่งสกุลอวี้อวี้เชียนหานและภรรยาของเขายังเป็นปริศนามาโดยตลอดจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ซึ่งคนในสกุลอวี้น้อยนักที่จะเอ่ยถึงเขา ทำให้ทุกคนค่อยๆ ลืมเลือนไป 

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนเคยได้พบอวี้ซิงฉง เขารูปร่างสูงใหญ่ ท่าทางสง่างาม สมกับเป็นลูกหลานสกุลอวี้โดยแท้ 

 

 

แต่อวี้เฟยเฉียวรูปร่างเล็กอรชร หน้าตาสะสวย ซึ่งรูปร่างหน้าตาของพวกเขาพี่น้องแตกต่างกันอย่างลิบลับ 

 

 

คุณชายสามแห่งสกุลอวี้ อวี้เชียนสวินหน้าตาคล้ายคลึงกับอวี้จิงเหลย รูปร่างสูงใหญ่ 

 

 

ภรรยาของเขาหลิวเย่ว์หรง คือบุตรสาวของลูกน้องคนสนิทของอวี้จิงเหลย หญิงแกร่งปราดเปรียวแข็งแกร่งเปี่ยมด้วยความสามารถ ไม่ใช่หญิงสาวเรียบร้อยอ่อนหวานบอบบาง 

 

 

ถึงแม้ว่าอวี้เชียนเสวี่ยจะได้รับฉายาว่าคุณชายน้อยหน้าหยก แต่หากจะบอกว่าลูกชายคนไหนของสกุลอวี้ที่หน้าตาหล่อเหลา ท่าทางสง่างามมากที่สุด เห็นทีจะต้องยกให้อวี้เชียนหาน 

 

 

เท่าที่รู้มา อวี้เชียนหานยอดเยี่ยมกว่าใครทั้งบุ๋นและบู๊ เมื่อครั้งที่เขาอายุสิบหกปีนั้นได้ปิดบังฐานะเข้าร่วมการสอบจอหงวนบู๊ คว้าอันดับที่หนึ่ง เป็นจอหวนบู๊ที่ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงแต่งตั้ง 

 

 

ในตอนนั้นอวี้เชียนหานคือบุรุษในดวงใจของสาวน้อยสาวใหญ่ในเมืองหลวงมากมาย 

 

 

ว่าตามหลักปฏิบัติของสกุลอวี้ที่ลูกหลานทุกคนจะต้องเป็นทหาร เมื่ออวี้เชียนหานเข้าเป็นทหาร ถูกให้ประจำการรักษาชายฝั่งมหาสมุทรทางตะวันออกเฉียงใต้ ภายในระยะเวลาสามปี สร้างผลงานคุณูปการมากมาย 

 

 

แต่ดาวดวงใหม่ที่กำลังเจิดจรัสนี้ จู่ๆ ก็หายสาบสูญไปเมื่อครั้งที่มีอายุเพียงยี่สิบปีเท่านั้น โดยไม่มีข่าวคราวของเขาอีกเลย 

 

 

ภายหลัง อวี้เชียนหานก็ค่อยๆ เลือนหายไป 

 

 

หากกล่าวถึงรูปร่างหน้าตาละก็ อวี้เฟยเยียนกลับไม่คล้ายคลึงกับอวี้เชียนสวินและหลิวเย่ว์หรงเลย ดังนั้นความเป็นไปได้ที่จะเป็นลูกสาวของเขาพวกเขานั้นจึงมีน้อยมาก! 

 

 

หากว่ากันตามอายุ จากระยะเวลาที่อวี้เชียนหานหายสาบสูญไปเท่ากับอายุของอวี้เฟยเยียนพอดิบพอดี 

 

 

เช่นนั้นเป็นไปได้หรือไม่ว่า อวี้เฟยเยียนคือลูกสาวของอวี้เชียนหาน 

 

 

“นางเป็นลูกสาวของอวี้เชียนหานใช่หรือไม่” 

 

 

“ไม่! ไม่ใช่!” อวี้จิงเหลยหลุดปากปฏิเสธทันควัน 

 

 

การปรากฏของตันขวาทำให้อวี้จิงเหลยเริ่มระแวดระวังมากยิ่งขึ้น 

 

 

ไม่ว่าเทพธิดาแห่งตันขวาจะเป็นใคร ฐานะของอวี้เฟยเยียนก็จะต้องเป็นความลับ! มิเช่นนั้นหากว่าชาวตันขวาหาตามหานางถึงที่ ไม่แน่ว่าอวี้เฟยเยียนจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้ 

 

 

เขาสูญเสียลูกชายและลูกสะใภ้ไปแล้ว ฉะนั้นหลานสาวของเขาจะต้องปลอดภัย! 

 

 

แม้ปากจะไม่ยอมรับ แต่อากัปกิริยาและท่าทีของเขาก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนให้กับซย่าโหวฉิงเทียน 

 

 

เห็นทีว่าอวี้เฟยเยียนจะเป็นบุตรสาวของอวี้เชียนหานจริงๆ! 

 

 

และมารดาบังเกิดเกล้าของนางอาจมีความเกี่ยวข้องกับเผ่าตัน!  

 

 

ในปีนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ อวี้จิงเหลยถึงได้ประกาศต่อภายนอกว่าอวี้เฟยเยียนคือลูกสาวของอวี้เชียนสวิน… 

 

 

“เห็นทีว่าผู้อาวุโสยังไม่ค่อยเชื่อใจข้าเท่าไหร่นัก!” 

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนเข้าใจดีถึงความเป็นห่วงกังวลของอวี้จิงเหลย อวี้เชียนหานสายสาบสูญไปทั้งผัวทั้งเมีย ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย ดังนั้นอวี้จิงเหลยถึงได้มีห่วงอะไรบางอย่าง 

 

 

“ท่านวางใจได้เลย ไม่มีใครจะมาทำร้ายแมวน้อยได้ เว้นเสียแต่ว่าพวกมันต้องข้ามศพข้าไปเสียก่อน!” 

 

 

คำพูดของซย่าโหวฉิงเทียน กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงใจ 

 

 

อวี้จิงเหลยจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ไม่รู้ว่าจะเลือกปฏิเสธหรือเลือกที่จะเชื่อเขาดี 

 

 

“หลินเจียงอ๋อง ท่านกลับไปเสียเถอะ!” 

 

 

ในท้ายที่สุด อวี้จิงเหลยก็โบกไม้โบกมือปฏิเสธ สีหน้าอ่อนล้า 

 

 

“ข้าต้องการอยู่เงียบๆ คนเดียว!” 

 

 

ถึงแม้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะแสดงเจตนาที่ชัดเจน แต่อีกฝ่ายคือตันขวาแห่งเมืองอู๋โยวนะสิ… 

 

 

“ผู้อาวุโสไม่เชื่อในความสามารถของข้า” 

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนยังดื้อดึงไม่ยอมไป 

 

 

เมื่อเห็นเช่นนั้น อวี้จิงเหลยจึงหยิบ ‘ตำราพิชัยยุทธ์หลัวเหอ’ รวมทั้ง ‘ตำราเบญจพิชัยยุทธ์’ ที่ได้มาก่อนหน้าคืนให้กับซย่าโหวฉิงเทียนไปด้วยกันเสียเลย 

 

 

“ท่านกลับไปเสียเถอะ!” 

 

 

ยิ่งอวี้จิงเหลยทำเช่นนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนก็ยิ่งไม่ยอมไป 

 

 

“ผู้อาวุโส หลบหลีปัญหาคือการแสดงออกของคนขี้ขลาด ท่านปิดบังเอาไว้เช่นนี้ มันยุติธรรมกับแมวน้อยแล้วหรือ นางมีสิทธิ์ที่จะได้รู้เรื่องราวบิดามารดาของนาง!” 

 

 

“มีเรื่องอะไรกัน” 

 

 

ในตอนนั้นเองอวี้เฟยเยียนก็ผลักประตูเข้ามาพร้อมกับหูฉลามสองถ้วยในมือ 

 

 

“ท่านปู่ ฉิงเทียน พวกท่านกำลังพูดคุยเรื่องอะไรกันอยู่หรือ” 

 

 

“ไม่มีอะไรหรอก!” 

 

 

“พวกเราก็คุยกับไปเรื่อย” 

 

 

อวี้จิงเหลยปิดบังซ่อนเร้นเช่นนี้ แต่ซย่าโหวฉิงเทียนกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น 

 

 

“แมวน้อย พวกเรากำลังคุยกันเรื่องชาติกำเนิดของเจ้า” 

 

 

คำพูดของซย่าโหวฉิงเทียนเป็นดั่งระเบิดก้อนใหญ่ก็ไม่ปาน ทำเอาอวี้เฟยเยียนถึงกับตกตะลึงงัน 

 

 

“ชาติกำเนิดของข้า” 

 

 

“เจ้าไม่ใช่ลูกสาวของอวี้เชียนสวิน พ่อบังเกิดเกล้าของเจ้าคืออวี้เชียนหาน” 

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนหาได้สนใจสายตาที่อวี้จิงเหลยส่งมาให้ไม่ เขาโพล่งคำตอบให้กับอวี้เฟยเยียนได้ฟัง 

 

 

“หลินเจียงอ๋อง!” 

 

 

ในที่สุดอวี้จิงเหลยก็โมโหโกรธาขึ้นมา ถึงกับเขวี้ยงตำราสองเล่มคืนใส่อกของซย่าโหวฉิงเทียน 

 

 

“เชิญท่านออกไป! จวนจงอี้โหวของเราไม่ต้อนรับท่าน! เชิญท่านกลับไปเสีย!” 

 

 

“ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องกลับไปด้วย!” 

 

 

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชาติกำเนิดของอวี้เฟยเยียน ซย่าโหวฉิงเทียนจึงคิดว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรผิด ดังนั้นจึงถกเถียงอวี้อวี้จิงเหลยขึ้นมาทันที 

 

 

“ท่าน…” 

 

 

อวี้จิงเหลยโมโหจนหนวดกระดิก เขาถลึงตาจ้องมองซย่าโหวฉิงเทียนแล้วเอ่ยว่า 

 

 

“ในเมื่อเชิญดีๆ ท่านไม่กลับ เช่นนั้นข้าก็จะโยนท่านออกไปเอง!” 

 

 

กล่าวจบอวี้จิงเหลยก็พุ่งเข้าใส่ซย่าโหวฉิงเทียนทันที ทั้งสองคนต่อสู้กันตั้งห้องหนังสือไปจนถึงลานด้านล่าง 

 

 

ปึ่งๆ! 

 

 

อวี้จิงเหลยต่อสู้โดยไม่มียั้งมือเลยแม้สักนิด ผิดกลับซย่าโหวฉิงเทียนที่ยังเห็นแก่ที่เขาคือท่านปู่ของอวี้เฟยเยียน จึงใช้พลังวิเศษเพียงแค่ระดับจอมเทวาเท่านั้น 

 

 

“ข้าไม่ต้องการให้ท่านออมมือให้!” 

 

 

อวี้จิงเหลยใบหน้าแดงก่ำ เห็นทีว่าจะโกรธเกรี้ยวไม่น้อย 

 

 

“แสดงความสามารถที่แท้จริงของท่านออกมาให้ข้าเห็น ดูสิว่าท่านคู่ควรกับเยียนเอ๋อร์ของข้าหรือไม่ “ 

 

 

ในเมื่ออวี้จิงเหลยลั่นวาจาออกมาเช่นนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนจึงไม่จำเป็นต้องเกรงใจอีกต่อไป ที่อวี้จิงเหลยไม่เอ่ยปากบอกความจริง ก็เพราะกำลังกังวลใจว่าซย่าโหวฉิงเทียนไม่สามารถปกป้องดูแลอวี้เฟยเยียนได้ 

 

 

ครั้งนี้ เขาจะต้องทำให้ผู้อาวุโสอวี้ยอมรับทั้งกายและใจ! 

 

 

“ที่นี่ออกจะคับแคบเกินไปหน่อย หากผู้อาวุโสไม่ถือสาละก็ พวกเราไปหาที่กว้างๆ ข้างนอก สู้กันสักตั้ง เป็นอย่างไร…” 

 

 

ประโยคนี้ของซย่าโหวฉิงเทียนช่างอวดดีสามหาวเป็นที่สุด ซึ่งมันทำให้อวี้จิงเหลยโมโหโกรธาเป็นอย่างมาก 

 

 

“ได้!” 

 

 

กว่าที่อวี้เฟยเยียนจะเข้าใจเรื่องราวตรงหน้า คนทั้งสองก็ลอยตัวขึ้นไปกลางอากาศเสียแล้ว คนหนึ่งอยู่ด้านหน้าคนหนึ่งตามหลังออกไปจากจวนจงอี้โหว โดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง