ภาคที่ 4 ช่วงชิงตำแหน่งสูงสุด ตอนที่ 20 ชายผู้พึ่งโชคชะตาในการกิน

กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ

ตอนที่ 20 ชายผู้พึ่งโชคชะตาในการกิน โดย Ink Stone_Fantasy

ในโลกนี้ จะมีการแข่งขันที่เที่ยงธรรมอยู่ได้อย่างไร

มองผิวเผิน กฎของหวังลู่อาจจะดูเข้าทางสำนักเซียนหมื่นเวทอยู่เล็กน้อย อย่างไรเสีย พรสวรรค์เชิงวิชาการด้านการคำนวณและการจัดการของพวกเขาย่อมสูงกว่าสำนักกระบี่วิญญาณหลายขุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวหน้ากลุ่มโดยนิตินัยของสำนักกระบี่วิญญาณ หลิวหลี

ทว่าในเมื่อการแข่งครั้งนี้จัดขึ้นในถิ่นของพวกเขา หวังลู่จะมีใจโน้มเอียงให้สำนักเซียนหมื่นเวทได้อย่างไร ครั้งนี้ถึงตาสำนักกระบี่วิญญาณใช้ข้อได้เปรียบของการเป็นเจ้าบ้าน ซึ่งมาในรูปแบบแม่ครัว หรือก็คืออาย่า นอกจากศิษย์ของสำนักกระบี่วิญญาณแล้ว ไม่มีใครหน้าไหนจะต้านทานรสชาติอาหารจากโรงอาหารแห่งยอดเขาเร้นลับได้ คนทั่วไปไม่คุณสมบัติพอที่จะเอาชนะฝีมือของอาย่าได้แน่

แน่นอนว่าทันทีที่เจ้าเจียนยวันแห่งสำนักเซียนหมื่นเวทเขมือบบะหมี่เนื้อตุ๋นทั้งชามลงไป สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน เขาอ้าปากค้างราวกับว่าอยากจะอาเจียน ทว่าหลังจากเขย่าตัวเล็กน้อย เขาก็กลืนมันลงไปได้ และความฮึกเหิมในการจะสกัดคู่แข่งด้วยการอวดความแข็งแกร่งของตนก็พลันสลายไป

“นี่มันบ้าอะไรเนี่ย!?”

เจ้าเจียงยวันถามเสียงแหบอย่างโกรธเกรี้ยว

หวังลู่วางไพ่ในมือลง จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ พลางตอบ “บะหมี่เนื้อตุ๋นไง”

“บะหมี่เนื้อตุ๋นจะมีรสชาติระยำเช่นนี้ได้อย่างไร!?พวกเจ้าขี้โกงชัดๆ!”

หวังลู่ยังคงขำอยู่ “ไม่อาจมีรสชาติเช่นนั้นแปลว่าเราโกงงั้นหรือ ทั้งชีวิตข้าไม่เคยได้ยินสักครั้งว่าพันธมิตรหมื่นเซียนกำหนดไว้ว่าบะหมี่เนื้อตุ๋นควรมีรสชาติอย่างไร แถมในชามบะหมี่ที่เจ้าเพิ่งกินไปก็มีสารอาหารครบถ้วนตามชื่ออาหาร สำหรับผู้บำเพ็ญเซียนนั้น รสชาติของอาหารสำคัญกว่าคุณค่าทางโภชนาการในอาหารจานนั้นๆ หรือ ข้าจำได้ว่าสำนักเซียนหมื่นเวทยืนยันเรื่องนี้เป็นมั่นเป็นเหมาะนี่นา”

เจ้าเจียงยวันอ้าปากค้าง แม้รสชาติของบะหมี่จะพิลึกพิลั่น แต่มันก็มีคุณค่าทางโภชนาการสอดคล้องตามชื่ออาหาร สิ่งที่ยากเกินจะเข้าใจก็คือ แม่ครัวปรุงอาหารออกมารสชาติระยำขนาดนี้ทั้งที่ยังรักษาคุณค่าทางโภชนาการได้อย่างครบถ้วนได้อย่างไร!

หวังลู่กล่าวต่อ “หากเจ้ายังไม่เชื่อ งั้นข้าเอาชามเดียวกับเจ้าก็ได้” พูดจบเขาก็หยิบไพ่บะหมี่เนื้อตุ๋นและเรียกชามบะหมี่ดังกล่าวออกมา เขาหยิบตะเกียบและกินบะหมี่ทั้งชามหมดภายในคำเดียวไม่ต่างจางเจ้าเจียงยวัน ตลอดเวลานั้น สีหน้าเขาไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด

เจ้าเจียงยวันรับรู้รสชาติของบะหมี่นั้นอย่างดี เขามองฉากตรงหน้าด้วยใบหน้าซีดเผือด

เมื่อเห็นใบหน้าสงบสุขุมของหวังลู่ เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าไม่แน่หมอนี่อาจจะมีกระเพาะที่ทรงพลังเอาเรื่อง… “แน่ละว่านี่ต้องเป็นหลุมพราง ข้ารู้ว่าพวกเขาย่อมไม่มีทางใจดีเช่นนี้แน่!”

ทว่าแล้วอย่างไรเล่า หากคิดว่าจะหยุดสำนักเวียนหมื่นเวทได้ด้วยเล่ห์กลพรรค์นี้ คนพวกนี้ก็จะพาซื่อเกินไปแล้ว

เจ้าเจียงยวันปิดปากบังคับให้สิ่งที่ย้อนขึ้นมากลับลงไปในกระเพาะ จากนั้นก็หยิบบางอย่างออกมาจากย่ามสีเหลืองหม่นและกลืนมันลงไป เขาพลันรู้สึกสดชื่นขึ้นในทันที

โอสถช่วยย่อยกระเพาะแข็งแรง เป็นยาวิเศษของสำนักเซียนหมื่นเวท บรรเทาปัญหาที่เกี่ยวกับการย่อยซึ่งเกิดจากหลากหลายสาเหตุ ตัวอย่างเช่น หากใครที่ไม่อยากอาหารกินโอสถนี้เข้าไป แม้ ‘อาหาร’ นั้นจะเป็นเพียงดินขาว คนผู้นั้นก็จะกินอย่างเอร็ดอร่อย

จากนั้นเจ้าเจียงยวันก็หันไปสบตากับหวังลู่ เขาเหยียดยิ้มพลางดึงไพ่ใบหนึ่งออกมา “บะหมี่ผักดองหม้อดินเผา”

เหมือนไพ่พื้นฐานใบอื่นๆ ไพ่บะหมี่ผักดองหม้อดินเผามีห้าสิบคะแนน มีแต้มโภชนาการสีแดงสองแต้ม สีเขียวสี่แต้ม และสีเหลือสามแต้ม ทว่าหลังจากที่เจ้าเจียงยวันกินอาหารรายการนี้ไป เขากลับไปรับแต้มโภชนาการมากกว่าที่ระบุไว้บนไพ่ เขาได้สีแดงสามแต้ม สีเขียวหกแต้ม และสีเหลืองห้าแต้ม!

เหล่าศิษย์สำนักกระบี่วิญญาณที่ดูการแข่งขันครั้งนี้อยู่ต่างพากันตกตะลึง จากนั้นก็มีเสียงกระซิบกระซาบดังออกมาจากหมู่คนเหล่านั้น ทว่าผู้บำเพ็ญเซียนจากสำนักเซียนหมื่นเวทไม่รู้สึกแปลกใจกับผลลัพธ์ที่ออกมาแม้แต่น้อย

สิ่งที่เรียกว่าผู้บำเพ็ญเซียนที่กินได้ดีหมายความว่าอะไรกันแน่ มันคือผู้บำเพ็ญเซียนที่สามารถย่อยสารอาหารได้มากกว่าและผลิตของเสียได้น้อยกว่าจากอาหารชนิดเดียวกัน! เจ้าเจียงยวันไม่เพียงมีความอยากอาหารสูง แต่ความสามารถในการย่อยของเขานั้นแข็งแกร่งและอาจกล่าวได้ว่าเหนือกว่าทุกคน! ในจุดนี้จ้านจื่อเย่เองก็ไม่อาจเทียบได้ และสิ่งเดียวที่สำนักกระบี่วิญญาณจะจัดการเขาได้ก็คงมีเพียงแม่ครัวที่มีฝีมือทำอาหารที่น่าสะพรึง ทว่าเมื่อมีโอสถช่วยย่อยกระเพาะแข็งแรง เขายังจำเป็นต้องใส่ใจให้รสชาติแปลกประหลาดของอาหารมาหยุดเขาได้อีกหรือ

หลังจากที่กินบะหมี่ผักดองหม้อดินเข้าไป เจ้าเจียงยวันยังคงไม่ละความพยายามในการกินบะหมี่ต่อเนื่องกันอีกสี่ชาม เขาสะสมคะแนนได้ทั้งหมดสามร้อยคะแนน และแต้มโภชนาการอีกเป็นสิบ จากนั้นเขาก็แลกคะแนนของเขาเป็นไพ่ใบใหม่สองใบ นั่นคือหมูผัดใส่ปลา และเต้าหู้มาโฝ ซึ่งเพิ่มความหลายหลายให้กับอาหาร ในขณะเดียวกัน จางจื่อเย่ ลู่เฉียนไช่และคนอื่นๆ ก็ไม่ได้ชักช้า แต่ละคนกินบะหมี่สามชาม จากนั้นจางจื่อเย่ก็ทำในสิ่งที่ผิดความคาดหมายโดยแลกเอาไพ่ใบที่ไม่สำคัญมา นั่นคือซุปเนื้อทะเลสาบตะวันตก แม้คะแนนและแต้มโภชนาการจะไม่สูง แต่เขาก็มีแผนอยู่ในใจ ในขณะเดียวกัน เย่เฟยเฟย ลู่เฉียนไช่และไห่อวิ๋นฟานต่างก็ทำผลงานได้อย่างน่าทึ่ง ศิษย์แห่งสำนักเซียนหมื่นเวทมีระบบย่อยอาหารที่เหนือมนุษย์อย่างแท้จริง พวกเขาแต่ละคนได้รับคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าที่ระบุไว้บนไพ่ด้วย

กลับกัน ศิษย์สำนักกระบี่วิญญาณกลับทำผลงานได้ปกติทั้งยังใช้ความเร็วในการกินตามมาตรฐาน แม้แต่เหย่ยวินที่พยายามที่สุดก็ยังไม่สามารถกินได้เร็วกว่าเย่เฟยเฟย หญิงสาวคนเดียวในหมู่คู่แข่งขันของสำนักเซียนหมื่นเวท หนำซ้ำในเมื่อพวกเขาไม่รู้วิธีการย่อยพิเศษ พวกเขาจึงรวบรวมแต้มโภชนาการได้ช้ากว่า การแข่งกินในครั้งนี้จำกัดเวลา และจากความเร็วที่เป็นอยู่นี้ เมื่อเวลาหมด แต้มโภชนาการของสำนักเซียนหมื่นเวทย่อมสูงกว่าสำนักกระบี่วิญญาณหลายเท่าแน่นอน!

เมื่อการแข่งขันดำเนินไปได้พักใหญ่ ช่องว่างของทั้งสองฝ่ายก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เหล่าผู้อาวุโสของสำนักเซียนหมื่นเวทยังคงไม่ไหวติง พวกเขาต่างคิดในใจว่า หากอีกฝ่ายไม่ได้ซ่อนไพ่ไม้ตายไว้ พวกเขาจะประกาศชัยชนะในตอนนี้เลยก็ย่อมได้ ทว่า…

ขณะที่พวกเขากำลังคิดว่าอีกฝ่ายจะตระเตรียมไพ่ไม้ตายไว้ล่วงหน้าอย่างไรบ้างภายใต้กฎที่เป็นอยู่ เสียงหนึ่งก็ดังมาจากที่ไกลๆ

“เยี่ยมมาก ตอนนี้เห็นได้ชัดเลยว่าผู้แข่งขันจากสำนักเซียนหมื่นเวทนั้นนำหน้าไปไกล ผู้แข่งขันที่รวดเร็วที่สุด เจ้าเจียงยวันได้ไพ่ระดับสามไปถึงสามใบและมีแต้มโภชนาการนำหน้าผู้แข่งขันคนอื่น ตรงข้ามผู้แข่งขันจากสำนักกระบี่วิญญาณยังไม่ได้ทำผลงานใดที่ควรค่าให้เอ่ยถึง พวกเขาเปิดไพ่ระดับสองได้เพียงไม่กี่ใบเท่านั้น ในฐานะฝ่ายเจ้าบ้าน ทุกคนคงอยากจะรู้ว่า พวกเขาจะมีกลยุทธ์อะไรที่จะมาพลิกสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ได้บ้าง”

เหล่าผู้ชมต่างพากันหันมามองต้นเสียง แล้วก็ได้พบกับหญิงสาวในชุดขาวที่ตั้งโต๊ะไว้ที่ด้านหนึ่งของโรงอาหาร และยังคงส่งเสียงรายงานสถานการณ์ต่อไป

ผู้อาวุโสของสำนักกระบี่วิญญาณหลายคนหลุดหัวเราะออกมาทั้งที่พยายามกลั้นไว้แล้ว แต่พวกเขาต่างก็ไม่ได้ใส่ใจนาง เพราะตัวเองในครั้งนี้นั้นไม่ใช่คนนอก

“อยากพลิกสถานการณ์งั้นหรือ งั้นดูนี่” ที่โต๊ะแข่งขัน หวังลู่ซึ่งนั่งเงียบมาตลอด ฉีกยิ้มและวางชามของเขาลง จนถึงตอนนี้เขากินบะหมี่ไปยี่สิบหกชาม หากเทียบกับคนทั่วไปแล้ว ความอยากอาหารของเขาเรียกได้ว่า ‘ฝืนมติสวรรค์’ ทว่าบนโต๊ะที่มีผู้แข่งขันสิบคนนั่งอยู่นั้น เขากลับรั้งท้าย ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าคือเขายังไม่ได้ใช้คะแนนที่รวบรวมไว้หนึ่งพันสามร้อยคะแนนเลย

หรือเขาต้องการจะเก็บไว้แลกไพ่พิเศษทีเดียว ทว่าตามกฎ การจะแลกไพ่ระดับสูง เขาต้องมีไพ่ระดับกลางรวมถึงมีแต้มโภชนาการจำนวนหนึ่งเสียก่อน ตอนนี้ในมือของเขามีเพียงไพ่ระดับหนึ่ง แม้ว่าเขาจะตั้งหน้าตั้งตาเก็บคะแนนต่อไป แต่เขาก็สามารถแลกได้เพียงไพ่ระดับสองเท่านั้น…

ทว่าไม่นานทุกคนก็ได้รูแผนการของหวังลู่

“1,280 คะแนน ข้าต้องการเสี่ยงโชคสิบเอ็ดครั้งรวด”

หวังลู่ยกมือขึ้น ครู่ต่อมา คะแนนบนศีรษะของเขาเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันเหลือเพียงยี่สิบคะแนนเท่านั้น ในขณะเดียวกัน ลูกบอลสีทองสดใสที่หมุนวนอย่างรวดเร็วก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

“เสี่ยงโชค!?”

ผู้เข้าแข่งขันอีกเก้าคนบนโต๊ะต่างตกตะลึง โดยเฉพาะห้าคนที่มาจากสำนักเซียนหมื่นเวท ต่างคนต่างหมองหน้าหวังลู่อย่างไม่เชื่อสายตา

เงื่อนไขเกี่ยวกับการเสี่ยงโชคไม่ได้ระบุไว้ในกฎ ทว่านี่เป็นทางเดียวที่ผู้แข่งขันจะสามารถได้ไพ่ระดับสูงจากการใช้คะแนน พวกเขาต้องใช้หนึ่งร้อยสามสิบคะแนนในการหมุนหนึ่งครั้ง และ 1,280 คะแนนเพื่อหมุนสิบเอ็ดครั้งในคราวเดียว ทว่าโอกาสการถูกรางวัลนั้นไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง โอกาสที่จะได้รับไพ่ระดับสูงอยู่ที่หนึ่งในหนึ่งพัน หากคิดเป็นคะแนน มันต้องใช้คะแนนสูงกว่าหนึ่งแสนคะแนนเพื่อได้รับไพ่ระดับสูงสองใบ ซึ่งสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงของไพ่มาก ดังนั้นในสายตาของผู้มีพรสวรรค์ด้านวิชาการ การเสี่ยงโชคพรรค์นี้ก็ไม่ต่างจากความพยายามที่เปล่าประโยชน์ของพวกบ้ารำห่ำ การใช้คะแนนอันมีค่าไปกับการเสี่ยงโชคนั้นช่างไม่สมเหตุสมผลสำหรับพวกเขาเลย!

ทางฝ่ายผู้อาวุโสของสำนักเวียนหมื่นเวท ดวงตาของพวกเขาจ้องเขม็งไปที่ลูกบอลที่หมุนเร็วจี๋ พยายามตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันไม่ได้ถูกสำนักกระบี่วิญญาณปรับแต่ง… จากนั้นท่ามกลางสายตาของทุกคน ลูกบอลก็เริ่มคายไพ่ออกมา

ไพ่ระดับหนึ่ง ‘เต้าหู้หวาน’ไพ่ระดับหนึ่ง ‘เกี๊ยวเนื้อ’ไพ่ระดับหนึ่ง ‘ข้าวปั้นหน้าเนื้อ’…

เจ้าเจียงยวันหัวเราะเสียงดังจนแทบจะพ่นเอาหมูย่างที่กำลังกินอยู่ออกมา แน่ละว่า ไพ่พวกนี้เป็นเพียงไพ่ขยะเท่านั้น!

แม้มันจะเป็นไพ่ระดับหนึ่ง แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ต่างจากระดับศูนย์! นอกจากคะแนนจะน้อยนิดแล้ว แต้มโภชนาการส่วนใหญ่ยังเป็นสีเข้ม เช่น สารพิษ อีกด้วย! ซึ่งจะส่งผลต่อแต้มโภชนาการโดยรวม ดังนั้นไพ่พวกนี้จึงสมควรถูกโยนลงถังขยะแล้ว!

ทว่าเมื่อถึงตาไพ่ใบที่สี่ เจ้าเจียงยวันก็ยิ้มไม่ออกอีกต่อไป

ไพ่ระดับสาม ‘เต้าหู้เนื้อปู’

ไพ่ใบที่สี่นี้เป็นใบเดียวกับที่เขาเพิ่งแลกมา ไพ่ใบนี้มีคะแนนและแต้มโภชนาการที่สมดุลกัน ถือเป็นไพ่ระดับสามคุณภาพสูง เพื่อไพ่ใบนี้ เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในรอบไพ่ระดับสอง แต่หวังลู่กลับได้มันมาโดยตรง!

หนำซ้ำมันยังไม่จบเพียงเท่านี้ พอถึงตาไพ่ใบที่ห้า เจ้าเจียงยวันก็ตะโกนออกมาอย่างเจ็บแค้น “เป็นไปไม่ได้!”

ไพ่ระดับหก ‘เนื้อไก่แล่บางฝีมือเถ้าแก่เนี้ย’

ถัดไปเป็นไพ่ใบที่หก ไพ่ระดับห้า ‘โซเม็งฝีมือเถ้าแก่เนี้ย’ ไพ่ใบที่เจ็ด ไพ่ระดับห้า ‘เล่าปิ่งฝีมือเถ้าแก่เนี้ย’ ไพ่ใบที่แปด ไพ่ระดับสี่ ‘ปลาทอดกับมันฝรั่ง’ ไพ่ใบที่เก้า ไพ่ขยะ ‘แหงนมองดารา’ ไพ่ใบที่สิบ ไพ่ขยะ ‘ขนมไหว้พระจันทร์ห้ารส’ และไพ่ใบที่สิบเอ็ด ไพ่ระดับหก ‘เครื่องปรุงรสสีทองหนึ่งขวด’!

ท่ามกลางอาการตกตะลึงของเหล่าผู้ชม หวังลู่ก็เก็บไพ่ใส่มืออย่างสุขุมจากนั้นก็ทำลายไพ่ขยะหลายใบเพื่อเรียกคืนคะแนนสิบกว่าคะแนนกลับมา ขณะเดียวกันเขาก็รวมไพ่ระดับหกสองใบ ซึ่งก็คือ ‘เครื่องปรุงรสสีทองหนึ่งขวด’ และ ‘เนื้อไก่แล่บางฝีมือเถ้าแก่เนี้ย’ เข้าด้วยกันจนกลายเป็นไพ่ระดับหกขั้นสูง ‘เนื้อไก่แล่บางอย่างประณีตฝีมือเถ้าแก่เนี้ย’!

เนื้อไก่แล่บางชามเล็กที่อุดมไปด้วยไอของพลังปราณฟ้าดิน มีคะแนนเท่ากับหกร้อยคะแนนและมีแต้มโภชนาการสิบแต้ม เมื่อเทียบกับบะหมี่เนื้อตุ๋นระดับหนึ่งแล้ว สัดส่วนความคุ้มค่าต่อราคานั้นมากถึงสิบเท่า!

ผู้แข่งขันจากสำนักเซียนหมื่นเวททั้งหมดมีใบหน้างุนงง ลู่เฉียนไช่ถึงกับไอออกมาหลายครั้งหลังจากเผลอกินบะหมี่เข้าไปทางรูจมูก

ทว่าผู้บรรยายคนเดิมกลับยินดีเหลือล้น “ไพ่ระดับหก! ไพ่ระดับหก! ไพ่ระดับหกในตำนาน! ไม่น่าเชื่อเลยว่า การแข่งขันเพิ่งเข้าสู่ช่วงกลาง แต่ผู้แข่งขันกลับได้ไพ่ระดับหกมาครองแล้ว ซึ่งสามารถพลิกสถานการณ์ของพวกเขาได้ในทันที! เขาคู่ควรที่จะเป็นผู้แข่งขันที่ยอดเยี่ยมที่สุดของสำนักกระบี่วิญญาณ ทั้งยังมีอนาคตที่รุ่งโรจน์ที่สุด หวังลู่ผู้นี้นี่เอง! ผู้แข่งขันจากสำนักเซียนหมื่นเวทพึ่งความสามารถด้านวิชาการและทักษะกินข้าว แต่ศิษย์จากสำนักกระบี่วิญญาณของเรากลับพึ่งหน้าตากินข้าว! ข้าว่าในแง่การพัฒนาเช่นนี้ สำนักควรขึ้นค่าอาหารให้กับยอดเขาไร้ลักษณ์ของเขา! โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้กับ…”

หลังจากนั้นผู้บรรยายก็ถูกเหล่าผู้อาวุโสของสำนักกระบี่วิญญาณไล่ออกจากโรงอาหารไป

ทว่าการแสดงสลับฉากนี้ไม่ส่งผลใดๆ ต่อบรรยากาศเงียบสงัดที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ศิษย์จากสำนักเซียนหมื่นเวทไม่อาจกินต่อได้ พวกเขาทำเพียงจ้องมองไพ่ระดับหกขั้นสูงในมือของหวังลู่ราวกับว่ากำลังอยู่ในความฝัน

“นี่คือวิธีแข่งของสำนักกระบี่วิญญาณหรือ” ในฐานะพี่ใหญ่ จ้านจื่อเย่จึงมีหน้าที่เปิดฉากประท้วง ทว่าก่อนที่เขาจะทันได้พูดต่อ หยวนฉาวเหนียนผู้เป็นอาจารย์ก็ถอนใจออกมาและพูดว่า “จื่อเย่ เงียบปากไป นี่ไม่ใช่การโกง”

ดวงตาของจ้านจื่อเย่เบิกกว้าง “ไม่ใช่การโกง!?”

“คนบางคนเกิดมาพร้อมวาสนามหาศาล เจ้าไม่ควรจะริษยา”

“นะ นี่คือวาสนาล้วนๆ หรือ!?”

หยวนฉาวเหนียนพยักหน้าแต่ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม แนวคิดเรื่องวาสนานั้นยังเร็วไปที่จะสอนให้จ้านจื่อเย่เข้าใจได้… สิ่งที่เกินความคาดหมายของเขาก็คือวาสนามหาศาลนี้ตกลงสู่มือของหวังลู่อย่างไม่คาดฝัน

เมื่อผู้อาวุโสกล่าวเช่นนั้น การแข่งขันจึงดำเนินต่อไป ทว่าบรรยากาศกลับเลวร้ายลงอย่างมาก ศิษย์จากสำนักเซียนหมื่นเวทไม่ได้มีท่าทีสบายๆ ราวกับว่าผู้ชนะก็เห็นๆ อยู่เหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป เพราะบุคคลที่มีวาสนามหาศาลนั้นได้รับไพ่ระดับห้าหลายใบรวมทั้งยังมีไพ่ระดับหกอีกหนึ่งใบ และในเวลาสั้นๆ ฝ่ายตรงข้ามอาจจะไล่ตามแต้มโภขนาการของพวกเขาทันก็ได้ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานพวกเขาจะต้องถูกแซงแน่!

“ระยำแท้ ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย” สุดท้ายลู่เฉียนไช่ก็ไม่อาจอดกลั้นได้อีก เขายกมือขึ้น “1,280 คะแนน เสี่ยงโชคสิบเอ็ดครั้ง!”

“ศิษย์น้อง เจ้าอย่าบุ่มบ่าม!”

เคราะห์ร้ายที่คำเตือนนั้นมาช้าเกินไป คะแนนของลู่เฉียนไช่ถูกหักไปแล้ว ไม่นานนัก ไพ่ทั้งสิบเอ็ดใบก็ถูกพ่นออกมา

ลู่เฉียนไช่ปรายตามองเพียงแค่ครั้งเดียว จากนั้นสีหน้าของเขาก็ขาวซีดในทันที ไพ่ทั้งหมดล้วนเป็นไพ่ขยะ!

อึดใจถัดมา เรื่องกลับแย่เข้าไปอีก ลู่เฉียนไช่รู้สึกราวกับว่ากระเพาะของเขากำลังจะระเบิด เขาอยากจะอาเจียน ทว่าเขาได้ใช้พลังอิทธิฤทธิ์สะกดปฏิกิริยาของร่างกายเอาไว้และกลืนอาเจียนกลับลงท้องไปได้ แม้กระนั้นความอยากอาหารของเขาก็ลดลงไปมหาศาล ทำให้ไม่อาจกินอะไรได้อีกต่อไป

จ้านจื่อเย่ส่งสายตาฉงนมาให้ “ศิษย์น้อง?”

ลู่เฉียนไช่ส่ายหัวอย่างไม่เต็มใจ “ศิษย์พี่ ดูเหมือนว่าฤทธิ์ของโอสถช่วยย่อยกระเพาะแข็งแรงจะตีกลับ ขะ ข้ารู้สึกพะอืดพะอมเหลือกำลัง!”

จ้านจื่อเย่ตื่นตระหนก เกิดอะไรขึ้นกับแม่ครัวของที่นี่กันแน่ ขนาดโอสถช่วยย่อยกระเพาะแข็งแรงยังเอาไม่อยู่เลย!?

จากนั้นเขาก็เหลือบสายตาดูเหล่าศิษย์สำนักกระบี่วิญญาณที่มีสีหน้าไม่ยินดีแต่ก็ยังคงรักษาความเร็วในการกินได้อย่างต่อเนื่อง ความรู้สึกชื่นชมสว่างวาบในดวงตาของเขา

พวกป่าเถื่อนเหล่านี้… ช่างแข็งแกร่งอย่างแท้จริง!

………………………………………………