TB:บทที่ 157 พวกฟานชิง
“คุณเฉินใช่ไหมคะ ฉันหลินยู่นะคะ คนที่มาส่งมอบเครื่องเพชรให้คุณ คุณผู้จัดการจางน่าจะโทรมาหาคุณแล้ว” หลินหยู่ว่าพร้อมรอยยิ้ม
คงเป็นเรื่องที่ปฎิเสธไม่ได้ที่หากไม่นับกลิ่นอายความเป็นปิศาจแล้ว หลินหยู่ถือว่ามีความงามที่หาใครเทียบเคียงยาก และด้วยสิ่งที่เป็นอยู่นี้หลินหยู่จึงส่งความรู้สึกที่ยากจะจัดการออกมา ทำให้หลายๆคนอดไม่ได้ที่จะเห็นใจเธอ
ด้วยรอยยิ้มที่จู่ๆก็ปรากฏ เฉินหลงเปิดประตูให้หลินหยู่และกล่าวว่า “ทางนี้คือคุณหลินสินะครับ เชิญเข้ามาครับ เชิญเข้ามาเลย แต่ก่อนอื่น ผมคิดไว้นะครับว่าคุณหลินน่าจะหน้าตาเป็นอย่างไร ผมคาดไม่ถึงเลยว่าคุณหลินจะเป็นคนสวยขนาดนี้”
แม้ว่าพลังของหลินหยู่จะแข็งแกร่งแต่พลังของเธอยังไม่ไปถึงระดับลมปราณและระดับจิตวิญญาณอันทรงพลัง และแม้พลังของเขาจะไม่แข็งกล้าเท่าหลินยู่แต่เขาก็มี “สุนัข” ระดับกำเนิดที่จะช่วยเขาอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวเธอ
“เอาล่ะ คุณเฉิน คุณพูดเก่งนี่” หลินหยู่ยิ้มให้เฉินหลงและเดินเข้าไป “คุณเฉินคะ คุณนี่รวยจริงๆเลยนะคะ วิลล่าแบบนี้น่าจะมีมูลค่าเยอะมากเลยในปักกิ่ง”
“คุณหลินครับ คุณก็รวยนี่ครับ คุณมากับเบนท์ลีย์แบบนั้นที่น่าจะแพงกว่าห้าล้านหยวนอีก แล้วเพื่อจะมาส่งมอบของ” เฉินหลงกล่าว เขาเหลือบมองรถที่จอดอยู่ภายนอก
“รถคันนี้บริษัทจัดมาให้น่ะค่ะ อย่างเพชรที่คุณเฉินสั่งมานี่ก็แพงมากๆ ดังนั้นแล้วจึงต้องการรถแบบนี้เพื่อให้เหมาะสมน่ะค่ะ อ๋อ แล้วก็นะคะ เครื่องเพชรที่บริษัทเราทำ เชิญดูก่อนได้เลยค่ะ”
เมื่อกล่าวจบหลินหยู่ก็ยื่นกล่องเครื่องเพชรให้เฉินหลง
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกครับ ผมจะเข้าไปข้างในแล้วค่อยดูนะครับ คุณหลิน คุณอยากจะเข้ามาแล้วนั่งพักสักครู่ไหมครับ” เมื่อรับกล่องไปแล้วเฉินหลงไม่ได้เปิดดูในทันที เขาหันไปหาหลินหยู่
“ถ้าไม่เป็นการรบกวน….” หลินหยู่เดินไป
ตอนแรกเธอคิดจะให้เฉินหลงวางใจไม่ระแวงเธอก่อนแล้วจึงจะเริ่มต้น แต่การที่เฉินหลงออกปากเชิญเธอให้เข้าไปนั่งในห้องแบบนี้ เธอไม่ปฏิเสธ
“ไม่รบกวนหรอกครับ ไม่เลยสักนิด เชิญครับ เชิญ” เฉินหลงแกล้งทำเป็นไม่รีรอ
เมื่อเข้าไปในวิลล่าแล้วเฉินหลงเชิญให้หลินหยู่นั่งลง แล้วเขาจึงเปิดกล่องเครื่องเพชรเพื่อดูของข้างใน
“โห ดีนี่ครับ ผมพอใจเลยล่ะ” เฉินหลงมองแหวนและสร้อยคอย่างระมัดระวัง แล้วเขาก็เงยหน้า
“อย่างนั้นหรือคะ” แสงประหลาดในดวงตาของหลินหยู่วาบขึ้นอีกครั้ง
หลังจากที่ดูเครื่องเพชรแล้ว น่าจะเป็นช่วงที่เฉินหลงไม่ระวังตัวที่สุด และนี่คือช่วงเวลาที่หลินหยู่จะเริ่มจัดการ
เมื่อได้เห็นแสงประหลาดในตาของหลินหยู่ เฉินหลงรู้สึกทันทีถึงพลังงานบางอย่างที่เข้าสู่สมองเขา จากนั้นความรู้สึกสับสนก็เข้ามา
ถึงอย่างไรเฉินหลงก็ระวังตัวอยู่เสมอ พลังของเขามีพอที่จะสลายพลังงานนั่นไปในทันที แต่เขายังคงแสดงออกไปว่าเขาสับสนและกำลังจิตใจว้าวุ่น
ในขณะนั้นเอง เฉินหลงได้บอกเสี่ยวเฮยหมายเลขสองและหมายเลขสามไม่ให้ทำอะไรหุนหัน
“ฮ่ะฮ่า อี้หยางโดนไอ้โง่แบบนี้ฆ่าหรือ เขาคงตายตาหลับ” เมื่อเธอเห็นเฉินหลงต้อง “มนต์สะกด” ด้วยมนต์ของเธอ หลินหยู่หัวเราะออกมา
“พยายามหน่อยสิ ทำอะไรได้บ้างเนี่ย” เมื่อหัวเราะแล้ว หลินถามถึงความสามารถของเฉินหลง เธออยากรู้เหลือเกินว่าเขามีความสามารถอะไร และหากพลังเฉินหลงแข็งแกร่งมากแล้ว เช่นนั้นเธอจะทำให้เขาเป็นหุ่นรบชักใยด้วยวิชาลับของ “พวกใช้มนต์เสน่ห์”
“ผมก็ ควบคุมไฟได้ สะกดรอย ชี้จุด รู้วิชาการแพทย์ ยิงปืนได้ ควบคุมสิ่งของ สวรรค์ โลกหล้า ดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์….”
เฉินหลงพูดความสามารถที่เขารู้จักด้วยเสียงต่ำ
ตอนแรกๆที่เธอฟังหลินรู้สึกว่าเฉินหลงทำได้หลากหลายอย่าง แต่แล้วเมื่อเขาพูดต่อไปเธอรู้สึกว่าเขารู้มากไป ความสามารถบางอย่างเป็นสิ่งที่ยากเกินจะเรียนรู้ เธอจึงรู้ได้ทันที ว่าเขาหลอกเธอเข้าแล้ว รอยยิ้มของเธอเข้าไปใกล้เฉินหลงแล้วเธอก็สับคอเฉินหลงออกด้วยมือข้างเดียว
เมื่อ “มนต์สะกด” ใช้ไม่ได้ผลก็แค่ต้องฆ่าเขาเสีย
แต่ถึงกระนั้นเมื่อหลินโจมตีเฉินหลง เสี่ยวเฮยหมายเลขสองและหมายเลขสาม แยกเขี้ยวโชว์ฟันขาว พวกมันไม่ได้มองว่าหลินเป็นคนสวย และพวกมันจะไม่มีความเมตตาให้กับคนที่กล้าทำร้ายเจ้านายของพวกมัน คนที่ทำร้ายเขาจะต้องตาย
สัตว์สีดำสองตัวกระโจนเข้าหาหลินหยู่ที่หน้าตาเปลี่ยนไป
ความเร็วของสุนัขทั้งสองตัวนี้รวดเร็วมาก และหากหลินหยุ่ยังกล้าทำร้ายเฉินหลงต่อ เธอคงยากที่จะเลี่ยงไม่ให้พวกมันกัดเธอ เธอมองปากของพวกมัน ไม่ว่าเธอจะโดนกัดตรงไหนก็คงเป็นแผลฉกรรจ์
อย่างไรเสียหลินหยู่ทำได้เพียงหดมือที่จะทำร้ายเฉินหลงกลับมา และวาดวงกลมรอบสิ่งที่เกิดขึ้นและลูบหัวเสี่ยวเฮยที่สองและสามอย่างมีแผนการ
ตอนแรกหลินหยู่คิดว่าฝ่ามือทั้งสองของเธอจะฆ่าสุนัขสองตัวนี้ได้ แต่แล้วมือที่ลูบหัวพวกมันอยู่ก็มีพลังส่งกลับมาจากที่ส่งไปทำร้ายพวกมัน
“พลังของพวกมันเป็นระดับกำเนิดได้อย่างไรกัน”
หลินหยู่รับรู้ได้ถึงพลังที่แท้จริงของสุนัขทั้งสองนี้
พลังของ “สุนัข” ทั้งสองตัวที่ล้อมรอบตัวเฉินหลงจริงๆแล้วเป็นระดับกำเนิด หลินหยู่จะไม่ตกใจได้อย่างไรกัน
หลินหยู่ที่กำลังตกใจถอยห่างออกไป ทำให้มีช่องว่างระหว่างหลินหยู่และเฉินหลง
“คุณหลินครับ ไม่ใช่ว่าอยากรู้พลังของผมหรือ ทำไมจะฆ่าผมแทนที่จะฟังละครับ ผมยังมีความสามารถอีกมากเลยที่ยังไม่ได้บอกไป” เฉินหลงแตะหัวของเสี่ยวเฮยหมายเลขสองและสาม ที่ในตอนนี้กลับมาอยู่ข้างเขาแล้ว เขามองหลินหยู่พร้อมด้วยรอยยิ้ม ไม่มีสัญญาณของสติที่หลุดลอยในดวงตาเขาแล้ว
“นายรู้ว่าฉันเป็นใครตั้งแต่แรก แต่นายก็ปล่อยและดูว่าฉันทำอะไรต่อ แล้วนายจะฆ่าฉันทิ้งทั้งอย่างนี้เลยใช่ไหม” หลินหยู่จ้องเฉินหลงด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ
แต่แม้สายตาของหลินหยู่จะเต็มไปด้วยความอาฆาต สายตาคู่นั้นยังคงมีอะไรที่พิเศษอยู่
“พอรู้แล้วว่าคุณจะฆ่าผมตรงนี้ ทำไมผมจะทำตัวเหมือนลิงไม่ได้ละครับ” สายตาเฉินหลงนิ่งสงบ
“ฉันอยากช่วยชีวิตนาย แต่ดูเหมือนจะไม่จำเป็นแล้ว” หลินหยู่ว่า มือทั้งสองกลายเป็นมีดสั้นที่ส่องประกายเย็นเยือกในทันใด
เฉินหลงลูบหัวเสี่ยวเฮยหมายเลขสองและสามและกล่าวว่า “คุณต้องข้ามศพเพื่อนผมสองตัวนี้ให้ได้ก่อน แล้วเราค่อยคุยกันเรื่องอื่นกัน”
หลังจากนั้นเฉินหลงสั่งเสี่ยวเฮยหมายเลขสองและสาม
“มาดูกันว่าหมาของแกจะอยู่ได้นานแค่ไหน” หลินหยู่เผยยิ้มเยือกเย็น ร่างของเธอเปล่งแสงวาบ เธอก้าวเท้าอย่างแปลกประหลาดและเข้าโจมตีเสี่ยวเฮยหมายเลขสองและสาม
จากนั้นคนหนึ่งคนและหมาอีกสองตัวก็ต่อสู้กัน
มีดคู่ของหลินหยู่ลอยขึ้นและร่วงลงมา พวกมันป้องกันการโจมตีของเสี่ยวเฮยหายเลขสองและสามด้วยมุมที่ไม่น่าเชื่อได้ทุกครั้ง อีกทั้งยังทิ้งแผลไว้บนตัวเสี่ยวเฮยหมายเลขสองและสามด้วย
แค่อย่างไรก็ตามแผลนั้นก็ตื้นเกินไปและไม่ทำให้พวกมันบาดเจ็บอะไร
ไม่ว่าเสี่ยวเฮยหมายเลขสองและสามจะมีแผลบนตัวมากเพียงไรพวกมันก็ยังพุ่งเข้าโจมตีหลินหยู่อย่างกล้าหาญ และพยายามจะฉีกกระชากเธอเป็นชิ้นๆ
เมื่อได้เห็นหมาทั้งคู่ยากที่จะจัดการแล้ว คิ้วหลินหยู่ขมวดแน่น พวกมันเป็นแค่หมาสองตัว หากเฉินหลงเข้ามาร่วมสู้แล้วเธอรับมือได้อีกแค่ไม่นานแน่ๆ เมื่อคิดได้เช่นนั้นหลินหยู่จึงเริ่มจะถอย