TB:บทที่ 158 การแลกเปลี่ยนทักษะศิลปะป้องกันตัวและลัทธิเต๋า
เฉินหลงประหลาดใจในกำลังของหลินหยู่เช่นกัน เขาเห็นตอนที่เธอขวางการโจมตีของเสี่ยวเฮยหมายเลขสองและหมายเลขสามแต่เธอยังได้เปรียบพวกมันอยู่
“กำลังของผู้หญิงคนนี้ช่างแข็งแกร่งเกินกว่าจะสู้ตัวต่อตัวได้ ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้เธอจริงๆ”
หลินหยู่โจมตีได้ไม่นาน เธอเป็นคนใจร้อน
“ระบำเวทย์”
ร่างของหลินหยู่หมุนรอบตัวเองอย่างรวดเร็ว มีดในมือทั้งสองของเธอโจมตีเสี่ยวเฮยหมายเลขสองและสาม
“ควับ ควับ ควับ….”
อากาศจำนวนมากถูกส่งเข้าไปใส่เสี่ยวเฮยหมายเลขสองและหมายเลขสาม แผลมากมายเพิ่มขึ้นตามตัวพวกมัน แผลพวกนี้ลึกกว่าแผลที่ได้รับตอนแรกอย่างเห็นได้ชัด
“ระบำเวทย์” ของหลินหยู่ดำเนินไปถึงสามสิบวินาที เมื่อเธอลงมาบนพื้นแล้ว ในหน้าเธอก็ซีดเซียวเนื่องจากท่า “ระบำเวทย์” ที่ใช้ฉีและเลือดของเธอไปเยอะมาก
แต่เสี่ยวเฮยหมายเลขสองและหมายเลขสามอยู่ในสภาพที่แย่กว่าเธอ ตัวของพวกมันเต็มไปด้วยบาดแผล ทว่ายังคงขวางตัวของเฉินหลงไว้ พวกมันแยกเขี้ยวและมองหลินหยู่อย่างดุร้าย
บนดวงเคราะห์แห่งสัตว์อสูรสิ่งมีชีวิตจำนวนมากตายลงไปทุกวัน หากไม่อยากตายก็จะต้องสู้ หากว่าเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็ยังจำต้องสู้จนกว่าจะชีวิตจะหาไม่
แม้ว่าเสี่ยวเฮยหมายเลขสองและหมายเลขสามจะไม่ได้อยู่บนโลกที่ป่าเถื่อนนั้นแล้วแต่สัญชาตญาณในตัวพวกมันสั่งให้พวกมันยืนหยัดแม้จะใกล้สิ้นใจ
“เฉินหลงถ้าเรายังสู้กันต่อไป มีแต่เราทั้งคู่จะแพ้ หรือว่าเราควรสู้กันต่ออีกวัน” หลินหยู่เห็นสุนัขทั้งคู่ที่มองเธออย่างดุร้ายแล้วจึงกล่าวออกไปอย่างสั่นกลัว
“แพ้ทั้งสองข้าง ผมไม่คิดว่าแบบนั้นนะ ตอนนี้คุณอ่อนแอมากๆแต่ผมยังไม่ได้ใช้พลังอะไรไปเลย คุณคิดว่าใครกันละที่มีสิทธิ์ชนะมากกว่า” เฉินหลงมองหลินหยู่และกล่าวไป
เฉินหลงกังวลเริ่งความอดทนของหลินหยู่ หากเธอมีชีวิตต่อไปอีกวันเขาคงไม่แสดงความเมตตาอีกแล้ว
“ถึงพลังของฉันจะลดลงมาแล้ว แต่ฉันก็โจมตีข้างหลังนายได้ ไม่มีปัญหาอะไรเลย มีคนหน้าตาดีอย่างนายอยู่เป็นเพื่อน ฉันจะได้ไม่เหงาด้วย” หลินหยู่มองเฉินหลงด้วยรอยยิ้ม
ได้ยินหลินหยู่ว่าดังนั้น เฉินหลงขมวดคิ้วเล็กน้อย คราวที่แล้วจู่ๆอี้หยางก็ระเบิดตัวเอง หากเขาไม่มีพวกเครื่องมือคอยช่วยปกป้อง ร่างเขาคงแหลกไปแล้ว “พลังมนต์สะกด”ของหลินหยู่มีกลิ่นอายของปิศาจอยู่ ใครจะรู้ว่าเธอมีกลวิธีอะไรที่ก้นหีบกันที่มีความเฉพาะตัวเพื่อฆ่าตัวตายกันล่ะ ในตอนนี้ที่เส้นทางแห่งปิศาจหมายหัวเขา พวกเครื่องมือจึงใช้งานอยู่ในที่สำคัญๆ ที่ซึ่งเขาคิดว่าเป็นของขวัญให้ใครคนอื่น และเขาทิ้งไว้เพื่อจะช่วยชีวิตตัวเขาเอง
“เธอไปได้” เฉินหลงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกไป แต่อย่างไรเขายังต้องการจะฆ่าศัตรูตัวร้ายนี่อยู่
เมื่อได้ยินคำของเฉินหลง ใบหน้าหลินหยู่แสดงรอยยิ้มเย้ายวนออกมา เธอกล่าวกับเฉินหลง
“นายเป็นคนที่โหดร้ายจริงๆนะเนี่ย แต่ฉันชอบนะ ครั้งหน้าที่เราเจอกัน ฉันจะเอาหัวนายไปและจะดูแลมันอย่างดีเลย แล้วก็อีกอย่างหมาน้อยนายน่ารักดี”
จบคำนั้น หลินหยู่วางมีดสั้นลงและออกจากวิลล่าไป
เมื่อหลินหยู่ออกจากวิลล่า เฉินหลงถอนหายใจอย่างโล่งอก เสี่ยวเฮยหมายเลขสองและหมายเลขสามบาดเจ็บสาหัสในตอนนี้และคงสู้ต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว
แต่ถึงกระนั้น การฟื้นฟูของสัตว์อสูรพวกนี้รวดเร็วมาก อาการบาดเจ็บระดับนี้อาจจะฟื้นฟูได้อย่างมากที่สุดสามวัน ในท้ายที่สุดแล้วชีวิตและความตายก็เกิดขึ้นทุกวัน บนโลกแห่งความป่าเถื่อน หากพวกมันฟื้นฟูช้า คงกลายเป็นอาหารให้กับสัตว์อื่นไป
เมื่อเขาเห็นหลินหยู่ขึ้นรถไปแล้ว เฉินหลงถอนสายตาเขากลับมาคิดถึงพวกเส้นทางปิศาจ เขาต้องหาทางเพิ่มพลังตัวเอง
หลังจากหลินหยู่ขึ้นรถไปเขาได้เห็นคนอีกคนบนรถ
“นั่นเธอหรือ”
“ใช่แล้ว ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าคุณหลินหยู่จะแพ้ในการต่อสู้” ชายคนที่นั่งข้างฝั่งคนขับกล่าวอย่างเย็นชา เขาไม่ได้หันหลังกลับมามอง “ฉันเคยบอกไปแล้ว ตราบใดที่เราแปดคนร่วมมือกัน เฉินหลงไม่มีทางเทียบติดหรอก อย่างไรเสียพวกเธอก็ยังยืนยันว่าจะจัดการเขาด้วยตัวเอง เห็นไหมว่าไป๋ชิงเหวินไม่กล้าจะโจมตีเขาด้วยซ้ำ ตอนนี้เธอทรมานมาก แล้วถ้าหากเราไปทีละคนทีละคน อย่างไรพวกเราก็แพ้ ฉันคิดว่าเราควรไปจัดการเขาด้วยกัน”
หลินหยู่ตอบอย่างเยือกเย็น “ไม่ต้องพูด ฉันไม่ร่วมมือกับแกหรอก ฉันรู้จักพลังของตัวเองอยู่แล้ว ครั้งหน้าที่ฉันเจอมัน ตอนนั้นจะเป็นเวลาตายของมันเอง ตอนนี้แกไปได้แล้ว”
“พี่สาว พี่นี่ช่างแล้งน้ำใจเสียจริง น้องของพี่มาหาพี่แท้ๆแต่พี่กลับไล่เขาไปแบบนี้ ไม่เห็นมีเหตุผลเลย” ชายคนดังกล่าวว่า
น่าแปลกใจว่าชายคนที่นั่งเบาะหน้าและไม่หันมาคือน้องชายของหลินหยู่
“น้องชายหรือ ฉันบอกไปแล้วอย่างไรเล่าว่าแกไม่ใช่น้องฉันอีกต่อไปแล้ว ถ้ามีโอกาสฉันจะฆ่าแกด้วยตัวเอง” น้ำเสียงของหลินหยู่ช่างเย็นชาและเลวร้าย สีหน้าของเขามีความเศร้าขึ้นมา
“ก็ได้ ฉันจะฝากชีวิตฉันไว้กับพี่” จบคำชายคนนั้นเปิดประตูและจากไป
ชายคนนั้นแม้จะลงรถไปแล้วแต่เขาก็ไม่หันหน้ามา
“หลินหยู่ชา วันหนึ่ง ฉันจะเอาชีวิตแก”
หลินหยู่มองชายคนนั้นจากไป เครื่องจักรสังหารของเธอหายไปพร้อมกัน
“ขับไป”
เมื่อคนขับริ่มขับไปแล้ว หลินหยู่ได้ปิดตาและหายใจ
การใช้ “ระบำเวทย์” ลดพลังชีวิตของเธอ เธอกลัวว่าอีกสิบกว่าวันหรืออาจจะครึ่งเดือน พลังของเธอจึงจะฟื้นคืนกลับมา
เพราะหลินหยู่ชาและหลินหยู่เป็นพี่น้องกัน พวกเขาจึงมีเรื่องบาดหมางระหว่างกันอยู่
สามวันถัดมาจากวันที่หลินหยู่ไปแล้ว มีแขกที่ไม่คาดคิดหาเฉินหลงที่วิลล่า แขกคนนั้นคือซ่งเจิ้ง คนที่เฉินหลงพบมาแล้วสองครั้ง เฉินหลงกล่าวกับเขา
“อะไรหอบนายเล็กของสกุลซ่งมาที่บ้านเล็กๆของผมกัน” เมื่อเขาเห็นซ่งเจิ้ง เฉินหลงจึงกล่าวทัก
ซ่งเจิ้งยกยิ้มแห้งๆ เมื่อไม่นานมานี้พลังของเฉินหลงเทียบเท่าได้กับเขาแต่ในตอนนี้เขาไปถึงขั้นกำเนิด เพราะเหตุนี้เองที่ทำให้ซ่งเจิ้งอิจฉา ริษยา และเกลียด
“คุณเฉิน อย่ามาพูดเสียดสีเรื่องผมแบบนี้ ถึงผมจะมีสัญญากับสกุลซ่งไว้ แต่ใจจริงแล้วผมเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากในตระกูลนะครับ แต่หากเทียบกับคุณแล้วผมยังห่างชั้นนัก” ซ่งเจิ้งว่าอย่างช่วยไม่ได้
พลังของเขาแน่นอนว่าถือว่าเป็นเลิศที่สุดในหมู่คนรุ่นใหม่ของสกุลซ่ง เขายังเป็นทายาทที่จะเป็นผู้นำคนต่อไปของสกุล นั่นคือก่อนที่เฉินหลงจะปรากฏตัว ตำแหน่งนั้นเคยเป็นสิ่งที่เขาภูมิใจเป็นที่สุด
แต่อย่างไรก็ตาม การที่เฉินหลงปรากฏตัวมาพร้อมคุณสมบัติที่เลวร้าย ซ่งเจิ้งจะไม่อวดเบ่งอะไรต่อหน้าเฉินหลง
“นายเล็กสกุลซ่ง คุณคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อบอกว่าคุณอ่อนด้อยกว่าผม” เฉินหลงมองซ่งเจิ้ง
“คุณเฉิน ผมจะมาเชิญคุณไปงานแลกเปลี่ยนศิลปะป้องกันตัวน่ะครับ” ในที่สุดซ่งเจิ้งก็กลับมาสู่ตัวเขาแบบปกติและกล่าวไปพร้อมรอยยิ้ม
“งานแลกเปลี่ยนทักษะศิลปะป้องกันตัวหรือ ไม่ล่ะ ไม่สนใจ” งานนี้ควรจะเป็นงานแลกเปลี่ยนทักษะศิลปะป้องกันตัวแต่เฉินหลงไม่อยากจะดูเหมือนตัวตลก
“คุณเฉิน คุณอย่าทำตัวยุ่งจนปฏิเสธสิครับ หลังฟังผมแล้วคุณจะไม่ปฏิเสธแน่” เมื่อได้ยินคำตอบของเฉินหลง ซ่งเจิ้งกล่าวตอบอย่างใสซื่อ
ก่อนที่เขาจะมา ซ่งเจิ้งเดาไว้แล้วว่าเฉินหลงจะปฏิเสธ แต่เขายังอยากพยายามให้ดีที่สุด