“หมายความว่าไง?” เปปเปอร์หรี่ตา
อะไรที่เรียกว่า เรื่องที่พ่อของเขาได้เจอมาในปีนั้น?
ปีนั้นพ่อเขาต้องเจอกับอะไรงั้นเหรอ?
พูดถึงปิยศักดิ์ พิศมัยก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปโศกเศร้าหงอยเหงาขึ้นมา
เธอยันที่วางแขนของโซฟาแล้วนั่งลงไป ดวงตาทั้งคู่ค่อนข้างเหม่อลอย บนใบหน้าที่วางมาดใหญ่โตและไม่มีความเมตตามาโดยตลอด ตอนนี้ไม่นึกว่าจะเปลี่ยนไปอ่อนโยน ถึงขั้นที่มีความรู้สึกผิดปรากฏขึ้นมาลางๆ
“สิบปีก่อน สิ่งที่แม่กับพ่อของแกได้รับตอนแต่งงาน ไม่ใช่คำอวยพรของคนอื่น แต่กลับเป็นการเยาะเย้ยของคนอื่นแทน แม่คงไม่ต้องบอกนะ ที่ในแวดวงสังคมไม่มีใครยอมรับแม่สักคน ส่วนพ่อของแกก็กลายเป็นตัวตลกในแวดวงสังคม เพราะเขาแต่งงานกับแม่ แต่งกับแม่ที่ชาติกำเนิดไม่ดี ไม่มีการศึกษา เป็นผู้หญิงที่ไม่มีอะไรน่าอวดในทุกๆด้าน”
พิศมัยสัมผัสแหวนบนนิ้วนางด้วยความรัก
แหวนวงนั้นเป็นแหวนเพชรทองคำขาว แต่กลับไม่เปล่งประกายเลยสักนิด ทั่วทั้งวงมัวหมอง ดูแล้วล้าสมัยมาก แค่เห็นก็รู้ว่าสวมมาหลายปีแล้ว ทั้งยังไม่เคยถอดออกมาทำความสะอาดเลยสักครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้นรอบวงแหวนก็ค่อนข้างเล็กไปสำหรับเธอ ทำให้นิ้วนางของเธอ ถูกรัดจนกลายเป็นสองท่อน เนื้อทั้งสองด้านปลิ้นขึ้นมา
แม้จะเป็นอย่างนี้ เธอก็ยังไม่ถอดออก
แสดงให้เห็นว่าแหวนวงนี้ สำหรับเธอแล้ว มันสำคัญมาก
พิศมัยก้มหน้ามองแหวนบนนิ้วมือ แหวนแต่งงานที่ปีนั้นปิยศักดิ์เป็นคนสวมให้เธอ พูดขึ้นอย่างช้าๆ: “พ่อของแกน่ะ เดิมทีก็เป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมที่สุดในแวดวงสังคม แต่หลังจากที่แต่งงานกับแม่ คนในแวดวง ก็ห่างเหินพ่อของแกไปเลย เพราะพวกเขารู้สึกว่าการที่พ่อแกพาแม่เข้าไปในแวดวงระดับสูง เป็นการลดระดับของแวดวงสังคมนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงเหยียดหยามว่าพ่อของแกตาไม่ถึงอยู่บ่อยๆ แล้วก็ชอบวางแผนทำให้แม่กลายเป็นตัวตลก สร้างความอับอายให้พ่อของแก”
พูดถึงตรงนี้ มืออวบๆของพิศมัย ก็ออกแรงกุมแน่นขึ้นมาทันที ใบหน้าที่อ่อนโยน ดุดันขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาแดงก่ำ
“เรื่องพวกนั้นที่เล่ามายังไม่ร้ายแรงที่สุดนะ ที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ ผู้หญิงในแวดวงพวกนั้น รู้ว่าแม่ไม่มีการศึกษา จึงรวมตัวกันจัดการแม่ บอกให้แม่เอาสัญญาสำคัญหลายๆฉบับของบริษัทตระกูลนวบดินทร์มาให้พวกเธอ ให้พวกเธอเอาให้สามีของพวกเธอดู หลังจากดูเสร็จก็จะร่วมงานกับบริษัทตระกูลนวบดินทร์ ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้บริษัทตระกูลนวบดินทร์พัฒนาไปอย่างยิ่งใหญ่มากขึ้น”
“แม่ทำเหรอ?” เปปเปอร์เลิ่กคิ้ว
พิศมัยพยักหน้า “ใช่ แม่ไม่เข้าใจอะไรเลย แต่แม่อยากช่วยพ่อแก อยากเป็นเหมือนคุณนายคนอื่นๆ ที่สามารถช่วยสามีของตนเองได้ แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากที่แม่ทำอย่างนั้น ไม่เพียงไม่ได้ช่วยพ่อแกกับบริษัทตระกูลนวบดินทร์ แต่กลับทำร้ายพ่อแก ทำให้สัญญาสำคัญของพ่อแกหายไป จนเป็นเหตุให้สถานการณ์ของบริษัทตระกูลนวบดินทร์ในหนึ่งปีนั้นไม่มั่นคงอย่างรุนแรง”
“เรื่องนี้ผมรู้ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์ดันๆแว่นตา “ปีนั้นบริษัทตระกูลนวบดินทร์ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ท้ายที่สุดถ้าไม่ได้ท่านย่าที่ออกมากอบกู้สถานการณ์เลวร้าย บริษัทตระกูลนวบดินทร์คงแย่ไปแล้วจริงๆ ได้ยินว่าคุณผู้ชายก็โดนท่านย่าปลดออกจากตำแหน่งประธานด้วย”
“พ่อสูญเสียสัญญาสำคัญหลายฉบับ ทำให้สถานการณ์ของบริษัทไม่มั่นคง ถ้าท่านย่าไม่ปลดเขาออกจากตำแหน่ง ก็คงจนปัญญาที่จะอธิบายกับหุ้นส่วนให้ชัดเจนได้” เปปเปอร์พูดอย่างไม่ใส่ใจ
สีหน้าของพิศมัยยิ่งตำหนิตัวเองยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น “ใช่ ช่วงเวลานั้น พ่อแกจึงกลัดกลุ้มใจ ทุกๆคืนต้องดื่มเหล้ามากมาย สุดท้ายแล้วยังเป็นท่านย่าที่ทนดูต่อไปไม่ได้ เสนอให้พ่อของแกไปทำงานที่ต่างประเทศ ได้ร่วมงานกับตระกูลนายทุนที่ต่างประเทศ จึงสามารถทำให้พวกหุ้นส่วนมองเขาใหม่อีกครั้ง และได้กลับมาอยู่ในตำแหน่งประธานเหมือนเดิม แต่คิดไม่ถึงว่า……”
เธอปิดหน้า ความรู้สึกแตกสลายไปในทันที ร้องไห้โฮออกมา
เปปเปอร์กำหมัดแน่น เสียงแหบพร่า “คิดไม่ถึงว่าครั้งนั้น พ่อจะตายอยู่ที่โรงแรมในต่างประเทศ”
พิศมัยพยักหน้าทั้งน้ำตา
เปปเปอร์ให้ผู้ช่วยเหมันตร์เข็นตนเองมาที่ด้านหน้าโต๊ะน้ำชา แล้วดึงทิชชู่สองแผ่นส่งไปให้เธอ “ตอนนี้ผมรู้แล้ว ว่าทำไมแม่ถึงเอาแต่บอกว่ามายมิ้นท์ไม่เหมาะสมกับผม ตระกูลกิตติภัคโสภณตกต่ำ หลุดออกจากอันดับของวงศ์ตระกูลที่ร่ำรวยและมีอิทธิพล แม่จึงคิดว่ามายมิ้นท์ไม่มีทางช่วยเหลือผม ไม่มีทางช่วยเหลือบริษัทตระกูลนวบดินทร์ได้ มิหนำซ้ำยังอาจจะเป็นตัวถ่วงของผมอีก ทำให้ผมเป็นเหมือนพ่อของผม โดนคนในแวดวงดูถูกหัวเราะเยาะ”
“ใช่” พิศมัยเงยหน้ามองเขา “แม่ก็คิดอย่างนี้ แม่ทำร้ายพ่อแกจนตายไปแล้ว แม่ไม่อยากให้แกเดินทางเดียวกับพ่อของแก”
ดังนั้นหกปีก่อน ถึงได้ดูถูกมายมิ้นท์ แต่ชอบส้มเปรี้ยวขนาดนั้น
เพราะตระกูลภักดีพิศุทธิ์ไม่ได้หลุดออกจากอันดับของวงศ์ตระกูลที่ร่ำรวยและมีอิทธิพล ด้านหลังของส้มเปรี้ยวยังมีเยี่ยมบุญอีกคนที่คอยสนับสนุนอยู่ เทียบกับเด็กกำพร้าอย่างมายมิ้นท์แล้วดีกว่าเยอะเลย
ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลภักดีพิศุทธิ์มีส้มเปรี้ยวเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว ภายหลังถ้าเยี่ยมบุญตายไป ทุกอย่างของตระกูลภักดีพิศุทธิ์ ก็จะตกเป็นของเปปเปอร์ แล้วบริษัทตระกูลนวบดินทร์ก็จะยิ่งใหญ่อีกครั้ง ความรู้สึกผิดในใจปีนั้น ก็จะปล่อยวางลงได้บ้าง
แต่คิดไม่ถึง ไม่นึกว่าส้มเปรี้ยวจะกลายเป็นคนไร้ค่าอย่างนั้น
“แม่ ขอบคุณที่คิดถึงและเป็นห่วงผมนะครับ” เปปเปอร์วางทิชชู่ลงในมือของเธอ สีหน้าอ่อนโยนขึ้นแล้ว
ไม่ว่าจะพูดยังไง ที่เธอไม่ชอบมายมิ้นท์ ไม่ยินยอมให้เขากับเธอคบกัน ก็เพราะหวังดีกับเขา
เขาไม่สามารถปฏิเสธความหวังดีของเธอได้ แต่ถึงจะเห็นชอบด้วย ทว่าเขาก็ไม่ยอมรับอยู่ดี
ดังนั้นเปปเปอร์จึงมองพิศมัย พูดอย่างจริงจัง: “แต่ยังไงผมก็จะคบกับมายมิ้นท์”
“อะไรนะ?” พิศมัยเบิกตาโพลง “ยังอยากจะคบกับเธออยู่อีกงั้นเหรอ?”
เธอพูดไปตั้งเยอะแยะ ถึงขั้นเล่าอดีตอันแสนเศร้าที่ตนเองไม่ยินยอมจะพูดถึงออกมาด้วย เดิมทีคิดว่าจะสามารถโน้มน้าวเขาได้ แต่ไม่นึกเลยว่าเขายังคงแน่วแน่ที่จะแต่งงานกับมายมิ้นท์อีกครั้งให้ได้
ความรู้สึกที่เธอพูดไปมากมาย ล้วนแต่เปล่าประโยชน์ทั้งนั้น
“ใช่สิครับ” เปปเปอร์พยักหน้า “ผมกับมายมิ้นท์จะไม่เจอเรื่องพวกนั้นที่แม่กับพ่อประสบพบเจอมาแน่นอน เพราะมายมิ้นท์กับแม่ไม่เหมือนกัน”
“ตรงไหนที่ไม่เหมือนกัน?” พิศมัยไม่เข้าใจ
เธอยอมรับว่า ชาติกำเนิดของมายมิ้นท์ดีกว่าเธอ
แต่ตระกูลกิตติภัคโสภณไม่ใช่ตระกูลที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลอีกแล้ว แม้จะมีเทนเดอร์กรุ๊ปอยู่ก็ตาม
เพียงแต่ขนาดคนอย่างเธอที่ไม่เข้าใจเรื่องธุรกิจเลยก็ยังรู้ว่า เทนเดอร์กรุ๊ปในตอนนี้ไม่ทำเงิน
จึงบอกได้เลยว่า แม้แต่เงินมายมิ้นท์ก็ไม่มี
ดังนั้นมายมิ้นท์ที่เป็นอย่างนี้ ไม่เหมือนกับเธอในอดีตตรงไหน?
“ตรงไหนก็ไม่เหมือนครับ” เปปเปอร์วางมือเข้าไปในกระเป๋าสูท ลูบๆดวงใจสีครามด้วยความรักแล้วตอบกลับ: “ตอนนี้มายมิ้นท์ไม่มีอะไรเลยจริงๆ แต่เธอมีความทุ่มเท แล้วก็มีพรสวรรค์ด้านการทำธุรกิจที่ไม่ธรรมดา เทนเดอร์กรุ๊ปที่อยู่ในมือของเธอจะสามารถเติบโตขึ้นมาได้ ดังนั้น ตระกูลกิตติภัคโสภณจะกลับเข้าสู่อันดับของวงศ์ตระกูลที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลอีกครั้ง แค่ต้องรอเวลา ยิ่งไปกว่านั้น”
ไม่รู้ว่าเปปเปอร์คิดถึงอะไรอยู่ จึงอมยิ้มขึ้นมา “ถ้ามีคนกล้ามาดูถูกเธอ หัวเราะเยาะเธอ เธอในตอนนี้คงทำได้เพียงตอบโต้กลับไป แต่ไม่ใช่นั่งเฉยๆยินยอมให้ใครหัวเราะเยาะ ในจุดนี้ เธอแข็งแกร่งกว่าแม่ ถ้าปีนั้นแม่กล้าพอที่จะทำอย่างนี้ บางทีสถานการณ์ของแม่กับพ่อคงไม่รุนแรงขนาดนั้น อีกอย่าง ในตอนนี้ผมทำให้บริษัทตระกูลนวบดินทร์พัฒนาให้ก้าวหน้าไปมากๆแล้ว เทียบกับตอนที่อยู่ในมือของพ่อ ก็เจริญรุ่งเรืองมากกว่าหลายเท่าตัว ดังนั้นตระกูลนวบดินทร์ของพวกเราไม่ต้องการการแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์เพื่อรักษาความยิ่งใหญ่เกรียงไกรเอาไว้ ความสามารถของผมจึงเป็นเหตุผลที่ใหญ่ที่สุดที่ทำให้ตระกูลนวบดินทร์แข็งแกร่งอย่างแท้จริง”
“ไม่ต้องการ……” พิศมัยพึมพำด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความงุนงง
จะไม่ต้องการได้ยังไงล่ะ?
ด้วยความเข้าใจของเธอ ตระกูลที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลต่างก็ต้องแต่งงานเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กันทั้งนั้นนี่นา
“ใช่ครับ ไม่ต้องการ การพึ่งพาการแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์เพื่อรักษาความแข็งแกร่งของวงศ์ตระกูล ล้วนแต่ไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่แท้จริง แม่ ตระกูลนวบดินทร์ในตอนนี้ไม่ใช่ตระกูล นวบดินทร์ในอดีตแล้ว ดังนั้นแม่ไปคิดดูให้ดีๆ ผมคาดหวังด้วยใจจริงว่าแม่จะยอมรับมายมิ้นท์ ระหว่างแม่กับมายมิ้นท์ผมไม่อยากเลือกทิ้งใครสักคนเลย แต่ถ้าต้องทิ้งจริงๆ นั่นก็จะไม่ใช่เธอแน่นอน” เปปเปอร์จ้องไปที่พิศมัยพูดออกมา
พิศมัยแข็งทื่อไปทั้งตัว ราวกับทั้งร่างกายตกลงไปในอุโมงค์เก็บน้ำแข็ง
ไม่ใช่มายมิ้นท์ งั้นก็เป็นเธอน่ะสิ?
ตอนนี้ พิศมัยมึนงงไปหมดแล้ว หน้าตาซีดเผือด