กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1108 ขอความช่วยเหลือ
สำนักศึกษาวังหลวง เป็นที่ซึ่งเขาเจอนางเป็นครั้งแรก เขาเป็นคนชอบจับปลาเวลาเรียน ทำให้ถูกลงโทษอยู่เป็นประจำ
ในการชุมนุมแข่งขันวิชาการ พวกเขาทำลายทุกคน และได้รับผลประโยชน์เป็นอย่างมาก
บนภูเขาที่แห้งแล้งพวกเขาร่วมมือกันรักษาเยี่ยเฟิง และพวกเขาทั้งสามรวมถึงเยี่ยเฟิงก็กลายเป็นเพื่อนตาย
หุบเขาตันหุย เสียงร้องของนางทำให้ทุกคนตกใจ และร่วมสู้กับเขาเพื่อต่อต้านศัตรู
แล้วก็ยังมี……
ในค่ำคืนที่ฝนตก เขากับนางตัดขาดความสัมพันธ์ทั้งหมด และไม่ติดต่อกันอีกตลอดเวลาที่ผ่านมา
หัวใจของเซี่ยวอวี่เซวียนราวกับถูกมีดกรีด
นั่นเป็นช่วงเวลาที่เขาอ่อนแอที่สุด เขาหวังว่านางจะยืนเคียงข้างเขาเหมือนกับวันวานที่ผ่านมา
ภาพตรงหน้าเริ่มเลือนราง
ในเผ่าหยก นางทำลายคำสาปด้วยหัวใจและจิตวิญญาณของ และเป็นห่วงเขาก่อนที่นางจะจากไป
และหลังจากนางได้เกิดใหม่ พวกเขาก็ได้รู้จักกันอีกครั้ง ณ ดินแดนวิญญาณเยือกแข็ง
ทุกฉากทุกตอน เหมือนกับเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวาน
เขาเคยรัก เคยรู้สึกผูกพัน เคยโกรธ เคยเกลียด และก็เคยหลงใหล……
และตั้งแต่รู้จากปากของฮวาอิ่งว่านางคือกู้ชูหน่วน
เขา……เขาก็ไม่รู้ว่าควรปฏิบัติต่อนางเช่นไร
“เสี่ยวเซวียนเซวียน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ยังไหวหรือไม่?”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างหูของเขาด้วยความเป็นห่วง
และเขาก็เคยได้ยินคำว่าเสี่ยวเซวียนเซวียนนับครั้งไม่ถ้วนในความฝันของเขา
เซี่ยวอวี่เซวียนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น แต่ไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปอย่างไร
เฉินหลิงรีบวิ่งมาข้างกายของเซี่ยวอวี่เซวียน ใช้ร่างกายของนางพยุงร่างของเขาไว้
“พี่หลาน นี่คือลูกปัดเฟยสิง ใช้กำลังภายในของเจ้าเพื่อบดขยี้มัน ความเร็วจะเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า เจ้าหนีออกไปจากที่นี่ก่อน……”
เฉินหลิงยังพูดไม่จบ แต่เซี่ยวอวี่เซวียนกลับผลักนางออกไปก่อน
หรือพูดอีกอย่างก็คือ เขาผลักนางออกไปตั้งแต่นางเข้ามาใกล้
ราวกับว่า……
เกรงว่าผู้อื่นจะเข้าใจผิดถึงความสัมพันธ์ของพวกเขา
เฉินหลิงรู้สึกเสียใจจนแทบรับไม่ไหว
คนของเผ่าเพลิงฟ้าโจมตีไม่สำเร็จ พวกเขาโกรธเป็นอย่างมาก
ไม่ง่ายเลยกว่าที่พวกเขาจะหาร่องรอยของเซี่ยวอวี่เซวียนพบ และไม่ง่ายเลยกว่าจะรู้ว่าแผ่นอักษรสีเหลืองเองก็อยู่ที่เขา
เพื่อที่จะกำจัดเขา ยอดฝีมือขั้นหกในเผ่าหลายคนต้องเปิดเผยตัวตนออกมา ร่วมมือกันเพื่อสังหารเซี่ยวอวี่เซวียน เพื่อแก้แค้นให้กับผู้คนในเผ่าที่ถูกฆ่าตายอย่างอนาถ และเพื่อให้ได้แผ่นอักษรสีเหลืองมาครอบครอง
แต่วันนี้กลับมีผู้หญิงคนหนึ่งมาทำให้เรื่องราวทั้งหมดต้องพังพินาศ
และเมื่อมองไปที่รูปลักษณ์ของผู้หญิงคนนั้น
นี่……
นี่มันจักรพรรดินีแห่งรัฐปิงไม่ใช่หรือ นางคือภรรยาของหัวหน้าเผ่าไม่ใช่หรือไง?
“เหตุใดถึงเป็นเจ้า เจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” ผู้อาวุโสฉื่อกล่าวออกมาด้วยความตกใจ
“ผู้อาวุโสฉื่อ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? เหตุใดข้าจึงรู้สึกคุ้นตายิ่งนัก?”
“นางคือจักรพรรดินีแห่งรัฐปิง……”
ควับ……
เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้นมา สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป
แม้แต่ปู่และหลานสาวเฉินหลิงเองก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน
แม้ว่าท่าทางของเซี่ยวอวี่เซวียนจะยังคงไร้ความรู้สึก
แต่ในใจของเขานั้นเต็มไปด้วยคลื่นที่โหมกระหน่ำ
หลังจากที่หายไปเพียงไม่กี่เดือน เวลานี้นางกลายเป็นจักรพรรดินีแห่งรัฐปิงไปเสียแล้ว
และยังแต่งงานกับเหวินเส่าอี๋ เยี่ยจิ่งหาน รวมถึงซือม่อเฟย
อ่า……
ทุกคนที่มาจากดินแดนเยี่ยอวี่ นอกจากเขาแล้ว ดูเหมือนพวกเขาทั้งหมดจะแต่งงานเป็นสามีภรรยากัน ยกเว้นเขา
“อะไรนะ เจ้าคือจักรพรรดินี้อย่างนั้นหรือ?”
กู้ชูหน่วนเก็บดาบของตนเอง กล่าวอย่างเหยียดหยามคนทางฝั่งของเผ่าเพลิงฟ้า “ในเมื่อพวกเจ้ารู้แล้วว่าข้าเป็นใคร เช่นนี้พวกเจ้าก็รีบจากไปเสีย”
“เซี่ยวอวี่เซวียนสังหารคนในเผ่าเพลิงฟ้าของพวกข้าไปมากมาย เขาสมควรตาย นี่คือความแค้นระหว่างพวกข้ากับเขา จักรพรรดิแห่งรัฐปิงได้โปรดอย่ายื่นมือเข้ามายุ่ง”
เฉินหลิงพูดแทรกเข้ามา “พี่สาว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการแย่งแผ่นอักษรสีเหลืองไปจากพี่หลาน”
กู้ชูหน่วนผงะอยู่ครู่หนึ่ง
แผ่นอักษรสีเหลือง?
อยู่ในมือของเซี่ยวอวี่เซวียนงั้นหรือ?
หรือว่าอาจารย์ของหยางเหมยก็คือปู่และหลานสาวคู่นี้?
เขาไม่ได้บอกว่าอาจารย์ของเขามีนามว่าซานจี และศิษย์น้องของเขามีนามว่าฮวาฮวางั้นหรือ?
เรียกเฉินหลิงว่าศิษย์น้อง
คุณปู่ของเฉินหลิงก็คืออาจารย์ของเขา?
นี่มันความสัมพันธ์แบบไหนกัน?
ไม่สนว่าจะเป็นเช่นไร แผ่นอักษรสีเหลืองอยู่ในมือของเซี่ยวอวี่เซวียน กู้ชูหน่วนเองก็รู้สึกโล่งใจ
กู้ชูหน่วนกำหมัดพร้อมกล่าวว่า “ผู้อาวุโสทั้งหลาย เห็นแก่หน้าข้า พวกท่านสามารถปล่อยเซี่ยวอวี่เซวียนไปได้หรือไม่”
“หากเป็นคนอื่น แน่นอนว่าพวกข้าต้องเห็นแก่หน้าท่าน แต่เซี่ยวอวี่เซวียนผู้นี้ไม่ได้ มือของเขาแปดเปื้อนไปด้วยเลือดของเผ่าเพลิงฟ้า และอีกอย่าง เขาขโมยแผ่นอักษรสีเหลืองของพวกเราไป”
เซี่ยวอวี่เซวียนพ่นลมหายใจออกมา แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะได้ แต่เขาก็ไม่เห็นคนของเผ่าเพลิงฟ้าอยู่ในสายตา
“ข้าไม่รู้ว่า เผ่าเพลิงฟ้าเป็นของเผ่าเพลิงฟ้าอย่างพวกเจ้าตั้งแต่เมื่อใด”
“โอหัง เซี่ยวอวี่เซวียน วันนี้จะต้องเป็นวันตายของเขา”
กู้ชูหน่วนหรี่ตาลงอย่างเยือกเย็น กล่าวออกมาด้วยเสียงต่ำจากก้นบึ้งของหัวใจ
“พูดเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรท่านผู้อาวุโสก็ไม่คิดจะไว้หน้าข้าอย่างนั้นหรือ?”
เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าเพลิงฟ้ามองหน้ากัน
และพวกเขาก็ไม่คิดที่จะไว้หน้านาง
แต่……
นางเป็นถึงจักรพรรดินีแห่งรัฐปิง และเป็นภรรยาหัวหน้าเผ่าของพวกเขา
นี่มัน……
ผู้อาวุโสคนหนึ่งก้าวออกมาทันที
“ฝ่าบาทเอ่ยปากออกมาเช่นนี้ แน่นอนว่าพวกข้าต้องไว้หน้าฝ่าบาท ปู่และหลานสาวคู่นั้น พวกข้าเผ่าเพลิงฟ้าจะปล่อยพวกเขาไป ไม่สังหารพวกเขา”
“อ่า สิ่งที่ข้าต้องการคือปล่อยให้เซี่ยวอวี่เซวียนจากไปอย่างปลอดภัย”
“ฝ่าบาท นี่ท่านกำลังทำให้พวกข้าลำบากใจงั้นหรือ? อย่างน้อยหัวหน้าเผ่าของพวกเราก็เป็นเฟิงโห้วแห่งวังหลังของท่าน ฝ่าบาททำเช่นนี้ก็เท่ากับว่าฝ่าบาทไม่ไว้หน้าหัวหน้าเผ่าของพวกข้าเช่นกัน”
“เซี่ยวอวี่เซวียนเป็นพี่น้องของข้า เป็นพี่น้องร่วมสาบาน หากคิดจะฆ่าเขา พวกเจ้าก็ต้องข้ามศพข้าไปก่อน”
เซี่ยวอวี่เซวียนรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก ดวงตาอันล้ำลึกของเขาก็ต้องอยู่ในภวังค์อันมืดมน
นอกจากค่ำคืนฝนตกที่พังพินาศ
นางยังคงปกป้องเขาเหมือนเช่นเคย
เพียงแต่……
ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็เป็นได้แค่พี่น้องของนางเท่านั้น
ดวงตาของเฉินหลิงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ดวงตาของพี่หลานเต็มไปด้วยภาพเงาของพี่สาวคนนั้น ความโหยหา ความคิดถึง ความรัก……
ที่แท้ผู้หญิงในใจของพี่หลานก็คือจักรพรรดินีแห่งรัฐปิงของพวกเขา
มันก็ใช่……
พี่หลานมีหน้าตาหล่อเหล่าถึงเพียงนี้ คนที่เหมาะสมกับเขาก็มีแต่นางเท่านั้น
แต่นางกลับ……
เผ่าเพลิงฟ้ารู้สึกโกรธกู้ชูหน่วนเป็นอย่างมาก
หากนางไม่ใช่ผู้นำของรัฐปิง พวกเขาจะต้องกำจัดนางทันทีโดยไม่ลังเล
เหล่าผู้อาวุโสเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง
ผู้อาวุโสฉื่อกัดฟันแน่น
“ในเมื่อฝ่าบาทต้องการปกป้องพวกเขา เช่นนั้นพวกข้าก็ต้องขอล่วงเกินแล้ว”
“ก่อนที่พวกเจ้าจะลงมือ พวกเจ้าจงคิดให้ดีเสียก่อน ข้าคือจักรพรรดินีแห่งรัฐปิง หากมีอะไรเกิดขึ้นกับข้า กองทัพของรัฐปิงจะต้องไปบดขยี้เผ่าเพลิงฟ้าของพวกเจ้าเป็นแน่”
“เจ้า……เจ้าคิดว่าเผ่าเพลิงฟ้าของพวกข้าจะกลัวอย่างนั้นหรือ?”
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็ลองดู”
“มันจะมากเกินไปแล้ว แม้ว่าเจ้าจะเป็นจักรพรรดินี แต่เจ้าก็ไม่สามารถรังแกผู้อื่นเช่นนี้ได้ วันนี้……ต่อให้เป็นการสู้รบเพื่อชี้ชะตาของทั้งสองฝ่าย ข้าก็จะ……”
“ผู้อาวุโสฉื่อ ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด……นางเป็นจักรพรรดินี หากเกิดอะไรไม่คาดฝันขึ้นที่นี่ เกรงว่าเผ่าเพลิงฟ้าของพวกเขาคงต้องวุ่นวายกันอีกครั้ง”
“ใช่ หากต่อสู้กันขึ้นมา เลือดจะไหลดุจลำธาร เผ่าเพลิงฟ้าของพวกเราไม่จำเป็นต้องไปเผชิญหน้ากับนาง”
“อีกอย่า หัวหน้าเผ่าของพวกเรายังเป็นเฟิงโห้ว มีความเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย และหัวหน้าเผ่าของพวกเราก็ไม่ได้สั่งให้แตกความสามัคคีกับนาง”
“อีกหนึ่งเรื่อง บรรพบุรุษของพวกเรามีสิ่งที่สืบต่อกันมาว่าจะไม่มีใจเป็นปฏิปักษ์กับรัฐปิงเป็นอันขาด”
เหล่าผู้อาวุโสต่างกล่าวกันออกมา ทำให้ผู้อาวุโสฉื่อโกรธจนหน้าซีด
“แม้ว่าบรรพบุรุษของเผ่าเพลิงฟ้าจะมีการสืบทอดเช่นนั้นอยู่ แต่นั่นเป็นเพราะจักรพรรดิของรัฐปิงมีเผ่าเพลิงฟ้าอยู่ในมือ เวลานี้เผ่าเพลิงฟ้าไม่ได้อยู่ในมือของพวกเขาแล้ว เหตุใดพวกเราจะไม่สามารถต่อต้านนางได้”
“แม้จะพูดเช่นนั้น แต่หัวหน้าเผ่าก็ไม่ได้ออกคำสั่งมา พวกเราอย่าทำอะไรล่วงเกินจะดีกว่า”
เสียงของพวกเขาเบาลง
แต่กู้ชูหน่วนและพวกของเซี่ยวอวี่เซวียนก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน
กู้ชูหน่วนนำมือทั้งสองข้างขึ้นมากอดอก รอพวกเขาทำการตัดสินใจ
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้อาวุโสฉื่อก็พูดออกมาด้วยความขมขื่น
“เมื่อฝ่าบาทพูดออกมาถึงเพียงนี้ เผ่าเพลิงฟ้าของพวกข้าก็จะหลีกทางให้ ครั้งนี้พวกข้าจะปล่อยเซี่ยวอวี่เซวียนไป แต่เผ่าเพลิงฟ้าจะเป็นต้องนำออกมา นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดที่พวกข้าต้องการ”
“หากแม้แต่เรื่องนี้ฝ่าบาทยังเข้ามายุ่ง เช่นนั้นพวกข้าก็คงทำได้เพียงล่วงเกินท่านแล้ว”