ภาคที่ 4 บทที่ 144 หักหลัง (2)

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 144 หักหลัง (2)

ภายในกระโจมใหญ่ ตานปานั่งเงียบเชียบ หากแต่ในใจเต็มไปด้วยคลื่นความปั่นป่วน

ซูเฉิน !

เขาสามารถพยุงกองทัพแปดพันที่แข็งแกร่งเช่นนั้นได้ด้วยตัวคนเดียวหรือ ?

หากไม่ใช่เพราะอาซือถิงสาบานไม่หยุดว่าเขาพูดจริง ตานปาก็คงไม่เชื่อ

เขาเค้นคออาซือถิงไม่หยุด จนกระทั่งมั่นใจว่าอาซือถิงบอกความจริงทั้งหมดมาแล้ว เขาจึงได้หยุดถาม

“เจ้าจะบอกว่าเขามาที่นี่เพียงเพื่อช่วยอาจารย์นามฉือไคฮวงของเขาหรือ ? ได้เงินมาจากการขายวิชาทะลวงสู่ด่านพลังสูงกว่าในราคาต่ำด้วย ? จึงได้หินพลังต้นกำเนิดมาอย่างน้อยก็พันล้านงั้นหรือ ?”

“ขอรับ” อาซือถิงตอบ “แท้จริงแล้วยามข้าได้ยินคราแรกก็ไม่เชื่อ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับในหมู่อารามนิรันดร์อีกแล้ว อย่างไรซูเฉินก็ร่วมมือกับอารามนิรันดร์ตอนขายยาสามหยางไปแล้ว อารามนิรันดร์เองก็ได้เงินจากตรงนั้นมามาก และเมื่อ 2 ปีก่อน ตัวยาหายากบางตัวก็มีราคาสูงขึ้นเพราะพวกเขากว้านซื้อไปเป็นจำนวนมาก ไม่นานมานี้ซูเฉินก็ได้วางขายอีกวิชา ชื่อว่าโทเทมโลหิตสลาย ยังผลได้มากกับทหารพลังชั้นต่ำ สามารถเพิ่มความแกร่งได้สูง หากข้าเดาไม่ผิด วิชานั่นน่าจะเป็นเหตุที่ทำให้กองทัพกำลังสวรรค์มีกำลังเพิ่มขึ้น ใช่แล้ว โทเทมโลหิตสลายนั่นยังทำเงินให้ซูเฉินหลายร้อยล้านอีกด้วย…. คนผู้นี้มีเงินมากมายจริง ๆ”

อาซือถิงพูดไปก็ถอนใจ

“โทเทมโลหิตสลาย ?” ตานปาตกตะลึง คำว่า ‘โทเทม’ ทำให้เขารู้สึกลางไม่ดี

“ใช่แล้ว เป็นวิชาลับที่เสริมพลังผ่านอักขระโทเทม เหมือนวิชาของเผ่าคนเถื่อนเลยใช่หรือไม่ ?” อาซือถิงหัวเราะ “ข้าคิดว่าเขาคงได้มันมาจากอักขระโทเทมของเผ่าคนเถื่อนเป็นแน่”

“ฮึ่ม !”

ตานปาสูดลมหายใจเข้าลึก

เจ้าซูเฉินนั่น ! ทำเช่นนี้ได้อย่างไร ?

ภาพซูเฉินฉายขึ้นในหัว ตานปาพลันนึกบางอย่างขึ้นได้

หากปล่อยให้ซูเฉินพัฒนาเช่นนี้ต่อไป ไม่แน่ว่าอีกไม่นาน เผ่าคนเถื่อนอาจถึงคราวล่มสลายได้

เขาต้องหาทางสังหารซูเฉินให้ได้ !

ในใจตานปาเต็มไปด้วยความคิดนั้น

เขาเหลือบมองอาซือถิง “มาถึงนี่แล้วเขาไม่คิดติดต่อเจ้าเลยหรือ ?”

อาซือถิงถอนใจส่ายหน้า “อารามนิรันดร์บอกเรื่องเรากับเขาแล้ว ว่าหากต้องการให้มาขอความช่วยเหลือได้ แต่ประมุขน้อยตานปา ซูเฉินไม่เคยมาหาเราเลยจริง ๆ ไม่แน่ว่าเขาไม่คิดจะขอความช่วยเหลือมาตั้งแต่ต้นก็ได้ อาจไม่ไว้ใจเราเลยกระมัง”

“แต่เจ้าก็มอบแผนที่ให้เขา ! หากไร้แผนที่ เขาจะไปมาในเขตแดนคนเถื่อนตามใจชอบได้เช่นนี้หรือ !?” ตานปาคำรามโกรธ

“เรื่องนี้… จะโทษเราไม่ได้ เรามอบให้อารามนิรันดร์ พวกเขาต่างหากที่มอบให้เขา ไม่ใช่เรา” อาซือถิงพยายามอธิบาย

“ก็ยังมีส่วนผิด ! ไอ้พวกบัดซบทั้งหลายนี่ ! หากได้ประโยชน์ เจ้าก็พร้อมยอมขายความลับทุกอย่าง !”

อาซือถิงสบถเบา ๆ ก็หากไม่ใช่ แล้วข้าจะเอาความลับนี่มาบอกท่านหรือ ? ท่านอยากได้ผลประโยชน์ ไม่เอาผลเสียสักกะผี มีด้วยหรือการแลกเปลี่ยนเช่นนั้น ?

หากไร้ประตูฟื้นความเยาว์ ซูเฉินก็ยังหาแผนที่จากทางอื่นได้ แต่ตานปาอาจถูกวางแผนสังหารโดยไม่ทันรู้เรื่องราวเลยก็เป็นได้

การมีประตูฟื้นความเยาว์อยู่ทำให้เผ่าคนเถื่อนได้ประโยชน์มากกว่าผลเสีย เป็นเหตุผลที่พวกเขายังคงอยู่มาได้จนบัดนี้ หากแต่คำพูดของตานปากลับทำเหมือนโยนความผิดทุกอย่างมาให้พวกเขาเสียอย่างนั้น

กระนั้นเขาก็ต้องยอมรับมันไป

ไม่ใช่ต้องคิดเรื่องผิดถูก แต่ต้องคิดเรื่องกำลังของเผ่าคนเถื่อนต่างหาก

เผ่าคนเถื่อนแข็งแกร่งกว่า เผ่าอาร์คาน่าและประตูฟื้นความเยาว์จึงเป็นฝ่ายผิด

อาซือถิงได้แต่ก้มหัวว่าคำ “ไหลเอินแห่งประตูฟื้นความเยาว์เป็นคนขายแผนที่ ข้าจะไปสังหารเขาทิ้งเพื่อชดใช้ความผิดให้ประมุขน้อยเดี๋ยวนี้”

ไหลเอินมักมีปัญหากับเขาตลอด ไยไม่ยืมมือตานปามาสังหารศัตรูในองค์กรเสียเลยเล่า ?”

น่าเสียดายที่ตานปาไม่ตกหลุมพราง “หากบั่นคอคนแล้วข้าสงบใจได้ คน ๆ นั้นก็คงเป็นซูเฉินมากกว่า ข้าไม่อยากบั่นหัวคนอื่น ต้องการเพียงหัวของซูเฉินเท่านั้น”

อาซือถิงถึงกับชะงัก “ซูเฉินไม่เคยมาหาเราจริง ๆ นะขอรับ !”

“แล้วเจ้าไปหาไม่ได้หรือไร ?”

อาซือถิงตอบ “เราย่อมต้องมีข้ออ้างขอรับ หากจู่ ๆ ไปหาเช่นนั้น เขาต้องไหวตัวทันแน่”

“เช่นนั้นก็ไปหามา ข้าไม่สนว่าจะใช้วิธีใด แต่เจ้าต้องติดต่อเขาให้ได้ ไม่ว่าจะทำอย่างไรข้าก็ต้องสังหารเขา !” ตานปาเอ่ยเสียงดัง “หากทำเรื่องนี้ได้ดี ข้าจะทำให้ประตูฟื้นความเยาว์กลายเป็นเจ้าครองเขตทางใต้ !”

อาซือถิงถึงกับใจสั่นยามได้ยินคำ

หากตานปาสัญญาว่าจะดันให้เขาขึ้นครองประตูฟื้นความเยาว์ เขาคงไม่เชื่อคำ ในเมื่อการทำเช่นนั้นมีเพียงราชันย์แห่งอาณาจักรเหล็กเลือดที่จะสามารถทำได้ แต่หากจะทำให้เขากลายเป็นเจ้าครองเขตทางใต้ละก็ คะเนจากชื่อเสียงตานปา อาจทำได้จริงก็เป็นได้

คำ ๆ นั้นทำอาซือถิงตกตะลึงไม่น้อย “ข้าเต็มใจรับใช้ประมุขน้อย !”

“เช่นนั้นก็แนะนำข้ามา ข้าไม่อยากได้ความคิดครึ่ง ๆ กลาง ๆ ข้าต้องการแผนเต็มขั้น !”

อาซือถิงจึงทำการคิดคำนวณหัวแทบแตก

พักหนึ่งผ่านไปจึงเอ่ยขึ้นว่า “ให้ประตูฟื้นความเยาว์ไปหาซูเฉินเฉย ๆ คงไม่เหมาะ หากเป็นคนจากอารามนิรันดร์ไปหา เช่นนั้นจึงใช้เป็นข้ออ้างได้”

“แล้วคนจากอารามนิรันดร์จะไปหาเขาเพื่ออะไร ?”

“เราย่อมต้องหาเหตุผลมาให้ เช่น เราให้อารามนิรันดร์ส่งคนเข้าไปยังเขตเผ่าคนเถื่อน ไปก่อปัญหาให้พวกเขา แล้วขอความช่วยเหลือ แต่เช่นนี้ยังต้องได้ความร่วมมือจากเผ่าคนเถื่อน”

“ไม่เป็นปัญหา ข้ายอมร่วมมือ แต่หากแผนเป็นเช่นนั้น ไม่นับว่าเป็นการขายอารามนิรันดร์งั้นหรือ ? ไม่กลัวผลที่จะตามมาเรื่องความสัมพันธ์กับพวกนั้นเลยหรือไร ?” ตานปาถาม

อาซือถิงจึงตอบ “ย่อมกระทบแน่ แต่อย่างไรเล่า ? พวกเราทำงานกันใต้ดิน อย่างไรก็ต้องการความช่วยเหลือจากสองฝ่าย อารามนิรันดร์ไม่มีทางตัดสัมพันธ์กับประตูฟื้นความเยาว์เพราะเรื่องนี้หรอก ส่วนประตูฟื้นความเยาว์ก็ย่อมไม่ทำเช่นกัน แน่นอนว่าหากจะไกล่เกลี่ยความสัมพันธ์ เราคงต้องชดเชยให้อีกฝ่ายบ้าง หากเงินถึง เรื่องพวกนี้ย่อมไม่เป็นปัญหา”

ตานปาได้ยินแล้วก็หัวเราะ “พวกเจ้าเผ่าอาร์คาน่าเจ้าเล่ห์เพทุบาย ให้เชื่อใจเจ้าเกินไปนับว่าอันตรายจริง ๆ”

อาซือถิงตอบตามตรง “หากท่านใช้ชีวิตหลบซ่อนถ้ำมานาน แม้ไม่ใช่หนู แต่ก็ต้องกลายเป็นหนู หากหักหลังไม่เป็น ไม่รู้จักวางแผนเผื่อผิดพลาด ท่านจะเอาชีวิตรอดในโลกใต้ดินได้อย่างไร ? สละคนอื่นเสริมความแกร่งให้ตนเองเป็นสัญชาตญาณโดยกำเนิดของทุกรูปแบบชีวิตอยู่แล้ว หากท่านไม่เข้าใจข้อนี้ ท่านก็จะถูกคนอื่นใช้ ข้าไม่อยากถูกใช้ ข้าจึงได้แต่ใช้คนอื่นสละให้ข้า”

“พูดได้ดีนี่ เช่นนั้นเจ้าก็จำไว้ว่าหากมีคนที่ขายได้ ก็มีคนที่เจ้าไม่มีทางขายได้อยู่เช่นกัน !” ตานปาเอ่ย หมายความตามคำชัดเจน

อาซือถิงก้มหัวตอบ “ประตูฟื้นความเยาว์จะภักดีต่อเผ่าคนเถื่อน ต่อชนเผ่ากิ้งก่ากรวด และต่อประมุขน้อยตานปาเสมอ”

ตานปาไม่คิดอะไรมาก เป็นแค่ลมปากพัดผ่านหน้าเท่านั้น

เขาเอ่ยเพียง “ใช่แล้ว ซูเฉินไม่ใช่คนที่จู่ ๆ จะช่วยใครก็ได้ แม้จะเป็นอารามนิรันดร์ แต่ก็ไม่ลงมือให้คนธรรมดาแน่ เจ้าต้องคิดอ่านวางแผนให้รัดกุม”

อาซือถิงตอบรับ “เช่นนั้นเราจะหาคนที่เขามีไมตรีด้วยในนั้น ข้ารู้ว่าเขามีความสัมพันธ์อันดีกับใครในอารามนิรันดร์”