ล่อลวง

 

หลินหว่านตกใจมาก เงยหน้าขึ้นมองผู้จัดการคนใหม่ เธออ้าปากเล็กน้อยดวงตามองตรงมาที่หลินหว่าน ดวงตาดำขลับทั้งคู่เต็มไปด้วยความหิวกระหายอยากได้

 

 

แม้ว่าหลินหว่านจะรู้ว่าตอนนี้เธอมีแหล่งงานน้อยมาก หรือจะเรียกว่าไม่มีเลยก็ยังได้ แต่เธอได้เตรียมทำใจที่จะเผชิญหน้ากับเรื่องเหล่านี้แล้ว ก่อนหน้านี้หลินหว่านไม่ได้คิดว่าจะต้องเข้าหาผู้กำกับเพื่อหางานแสดง

 

 

“อย่างนี้ก็ได้เหรอคะ ตอนนี้งานของฉันถูกคนอื่นตัดทางไปหมดแล้ว ถ้าหากฉันไปพบผู้กำกับเอง จะสำเร็จไหมนะ” หลินหว่านพูดอย่างลังเลด้วยไม่มั่นใจ

 

 

ส่วนลึกในจิตใจของหลินหว่านไม่อยากจะเป็นฝ่ายไปพบผู้กำกับ เพราะเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ตอนนี้เธอตกต่ำมากเลย! และความแตกต่างที่มาอย่างกะทันหันนี้ทำให้หลินหว่านยังทำใจไม่ได้

 

 

ผู้จัดการเห็นสีหน้าของหลินหว่านก็รู้ว่าเธอไม่เต็มใจจะไปออกปากขอร้องผู้กำกับ

 

 

ชั่วพริบตานั้นสีหน้าของผู้จัดการคนใหม่ก็เปลี่ยนไปทันที เธอตีหน้ายักษ์ ถลึงตาเข้าใส่พูดว่า “หงส์ปีกหักยังไงก็สู้ไก่ไม่ได้ คุณก็อย่ามัวทำตัวสูงส่งนักเลย ตอนนี้โอกาสเดียวของคุณคือไปหาผู้กำกับซะ ไม่อย่างนั้นงานอะไรก็หาไม่ได้ ฉันไม่อยากจบเห่ไปกับคุณหรอกนะ ต่อให้คุณไม่เห็นแก่คนอื่น อย่างไรก็คิดถึงฉันบ้างสิ”

 

 

หลินหว่านรู้สึกโมโหแล้วก็ผิดหวังอยู่บ้าง แต่พอเธอมาคิดดูแล้ว ผู้จัดการคนใหม่นี้ที่จริงก็ไม่ได้ผิดอะไร เธอแค่ต้องการดิ้นรนเพื่อตัวเอง ใครก็ไม่อยากให้ตัวเองเพิ่งจะเริ่มงานก็ต้องล้มเหลวแบบนี้

 

 

หลินหว่านฟังคำพูดประโยคนั้นของผู้จัดการคนใหม่แล้วก็คิดวนเวียนไปมาอยู่ด้วยความลังเลไม่อาจตัดสินใจได้

 

 

ผู้จัดการคนใหม่อยู่ที่ห้องทำงานคอยจับตามองหลินหว่านอยู่ตลอดเวลา คอยคำตอบจากเธอ

 

 

หลินหว่านยืนขึ้นช้าๆ พูดด้วยรอยยิ้มเต็มฝืน “ได้ค่ะ คุณช่วยนัดให้ฉันก็แล้วกัน ฉันจะไปพบผู้กำกับ ถ้าสามารถหางานได้ก็คงจะดีมากจริงๆ เพียงแต่ฉันเกรงว่าจะมีคนแอบก่อกวนอยู่เบื้องหลังนะสิ เอาเถอะ ไปพบก่อนแล้วค่อยว่ากัน โอกาสต้องออกไปหาเอาเอง หวังว่าเธอจะมีโชคดี อย่าต้องตกงานไปกับฉันล่ะ”

 

 

พอได้ฟังคำพูดนี้ของหลินหว่าน ผู้จัดการคนใหม่ก็ยิ้มออกมาได้ พูดว่า “ดีๆ ไม่เสียทีที่อยู่ในวงการมาตั้งนานขนาดนี้ รู้ตัวเร็วแบบนี้ก็ดีแล้ว เราต้องออกไปคว้าโอกาสด้วยตัวเอง ยังไม่ต้องสนเรื่องจะมีคนก่อกวนหรือเปล่า พวกเราต้องเรียนรู้ที่จะโต้กลับ งั้นคุณไปแต่งตัวให้สวยเลยนะ อีกเดี๋ยวฉันช่วยจัดการให้คุณเอง ฉันไปทำงานก่อนล่ะ อีกเดี๋ยวฉันจะส่งข้อความบอกคุณนะ”

 

 

ผู้จัดการคนใหม่พูดจบก็วิ่งออกไปอย่างดีอกดีใจ หลินหว่านมองตามหลังเธอไป ยิ่งรู้สึกท้อใจมากขึ้น พอผู้จัดการคนใหม่ออกจากประตูไปหลินหว่านก็ส่ายหน้าถอนใจเฮือกออกมา

 

 

ถึงแม้หลินหว่านจะไม่มีงานหรือกิจกรรมอะไรเลยแต่หลินหว่านกลับรู้สึกเหมือนวันเวลาผ่านไปเร็วมาก เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้านนอก แสงอาทิตย์ยามอัสดงมาถึง เธอคิดอยู่ว่าผู้จัดการคนใหม่คงจะไม่นัดให้เธอไปพบผู้กำกับตอนเย็นหรอกล่ะมั้ง จะยังไงก็น่าจะเป็นพรุ่งนี้แล้ว หลินหว่านจึงเตรียมตัวจะกลับบ้าน

 

 

เธอเพิ่งเดินมาถึงโรงรถ ก็เห็นข้อความที่ผู้จัดการคนใหม่ส่งมาให้

 

 

“มาเร็ว ฉันรอคุณอยู่หน้าบริษัท เพิ่งติดต่อผู้กำกับคนหนึ่งได้ เย็นนี้พอดีเขามีเวลา พวกเราต้องฉวยโอกาสรีบไปพบเขา”

 

 

หลินหว่านส่ายศีรษะอย่างจนใจ เก็บมือถือลงกระเป๋า แล้วเดินไปทางหน้าบริษัท

 

 

หลินหว่านยังเดินไปไม่ถึงหน้ารถ ก็เห็นผู้จัดการคนใหม่วิ่งมาหาเธออย่างตื่นเต้นดีใจ

 

 

“มาเร็ว หลินหว่าน เวลาไม่ค่อยท่านะ” ผู้จัดการคนใหม่เข้ามาคว้ามือหลินหว่านแล้วเดินไปขึ้นรถ

 

 

ทั้งสองอยู่บนรถ หลินหว่านหน้าตาไม่มีรอยยิ้ม มองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างไม่อยากจะพูดคุยกับใคร

 

 

ทันใดนั้นผู้จัดการคนใหม่ตบบ่าหลินหว่านทีหนึ่ง ยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันจะพาเธอไปแต่งหน้าก่อน แล้วแต่งตัวให้สวยเช้ง อีกเดี๋ยวจำไว้ว่าต้องทำตัวดีๆ ล่ะ โอกาสครั้งนี้หาได้ไม่ง่ายนะ ต้องสำเร็จห้ามล้มเหลว พวกเราต้องร่วมหัวจมท้ายด้วยกันแล้ว เธอมีงานแล้ว ฉันก็รักษางานของฉันไว้ได้”

 

 

หลินหว่านได้แต่ยิ้มอย่างจนใจ ผงกศีรษะเบาๆ

 

 

ก่อนอื่นผู้จัดการคนใหม่พาหลินหว่านไปสถานที่แต่งหน้าของมืออาชีพ แล้วก็ใช่เลย คนสวยพอตกแต่งเข้าหน่อยก็พูดได้ว่างามเลิศในปฐพี พอหลินหว่านแต่งหน้าอย่างประณีต สวมชุดราตรีพวกนั้นแล้ว คนรอบข้างต่างก็พากันชื่นชมไม่หยุด

 

 

“หลินหว่าน เธอนี่สวยจริงๆ เลยนะ เธอเกิดมาสำหรับวงการบันเทิงแท้ๆ เชียว ใบหน้างามขนาดนี้ไม่ได้แสดงหนังมันน่าเสียดายซะจริงเลย บทนี้เราต้องคว้ามาให้ได้นะ ฉันเชื่อว่าเธอทำได้ ตอนนี้รีบไปกันเถอะ” สายตาของผู้จัดการคนใหม่มองสำรวจหลินหว่าน แล้วทอแววชื่นชมออกมา

 

 

สถานที่ที่พวกเขารีบไปพบผู้กำกับนั้นเป็นโรงแรมขนาดใหญ่และหรูหรามากแห่งหนึ่ง หลินหว่านที่เคยมีประสบการณ์มาก่อนไม่รู้สึกประหลาดใจนัก ส่วนใหญ่เป็นผู้จัดการคนใหม่ที่พูดกับหลินหว่านอย่างตื่นเต้น บอกว่าผู้กำกับที่มากินข้าวในที่แบบนี้ต้องมีงานให้ทำเยอะแน่

 

 

พวกเขาเข้าไปในห้องหนึ่ง นอกจากผู้กำกับแล้วยังมีคนอื่นอยู่ด้วย ส่วนผู้กำกับนั่งอยู่ตำแหน่งกึ่งกลางพอดี พอหลินหว่านเดินเข้ามา ผู้กำกับก็ใช้สายตาประหลาดมองสำรวจหลินหว่าน ชั่วขณะที่หลินหว่านสบตาผู้กำกับ เธอรู้สึกอึดอัดและอับอายมาก

 

 

ผู้จัดการคนใหม่วิ่งไปหาผู้กำกับอย่างตื่นเต้นแล้วชี้ไปที่หลินหว่าน พูดว่า “ผู้กำกับคะ นี่ไงหลินหว่าน…นักแสดงคนที่ฉันบอกคุณว่าทั้งสวยและแสดงเก่งด้วย เธอดีพร้อมทุกอย่างเลย คุณต้องพอใจแน่ค่ะ”

 

 

หลินหว่านโค้งคำนับให้ผู้กำกับเล็กน้อย ผู้กำกับทางหนึ่งผงกศีรษะยิ้มรับพลางมองดูหลินหว่าน ขณะที่สายตามองสำรวจเรือนร่างของหลินหว่านโดยไม่มีทีท่าจะถอนสายตากลับไป

 

 

หลินหว่านยิ่งรู้สึกอึดอัดขัดเขิน จึงนั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้างตัวหนึ่ง แล้วยิ้มให้ผู้กำกับเล็กน้อย

 

 

นัดทานข้าวครั้งนี้หลินหว่านรู้สึกขัดเขินไม่เป็นตัวเองอย่างมาก ผู้กำกับเป็นมิตรกับหลินหว่านมาก แต่ความเป็นมิตรแบบนี้ทำให้หลินหว่านรู้สึกไม่สบายใจนัก เธออยู่ในวงการบันเทิงมานาน เรื่องบางอย่างเธอก็เคยได้ยินมาบ้าง

 

 

หลินหว่านทานไปได้ครึ่งหนึ่งก็ลุกขึ้นยืนอย่างเกรงใจ แล้วเดินไปทางห้องน้ำ เธอเห็นตัวเองในกระจก สวยสะดุดตาแต่ให้ความรู้สึกที่หม่นหมองมาก

 

 

ตอนที่หลินหว่านเดินออกมาจากห้องน้ำนั้น ก็เห็นว่าผู้กำกับกำลังรอเธออยู่ที่หน้าประตู

 

 

“หลินหว่าน ผมพูดตามตรงเลยนะ ผมรู้ว่าคุณต้องการทำงาน และผมก็ต้องการเรือนร่างและหน้าตาของคุณ ตอนนี้ในมือผมมีหนังใหม่อยู่เรื่องหนึ่ง ถ้าคุณรับปากมาอยู่กับผม ไม่เพียงแค่หนังเรื่องนี้เท่านั้น ต่อไปไม่ว่าจะมีงานอะไรผมจะนึกถึงคุณก่อนทันทีเลย” ผู้กำกับพูดพลางยิ้มอารมณ์ดี

 

 

หลอกกินตับเหรอ ก่อนหน้านี้หลินหว่านก็พอจะเดาได้อยู่แล้ว เธอจ้องผู้ชายเสแสร้งจอมหลอกลวงที่เบื้องหน้า รู้สึกสะอิดสะเอียนพุ่งขึ้นมาเป็นระลอกๆ หลินหว่านถึงกับนึกอยากจะตบหน้าผู้กำกับคนนี้ไปสักฉาด