เล่มที่ 20 เล่มที่ 20 ตอนที่ 599 ถอดเสื้อผ้าเข้าร่วมแข่งขัน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ไหวชิ่งกงจู่จงใจยั่วโมโหตงหลิงหวง

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะพูดเช่นไร ตงหลิงหวงก็ไม่มีท่าทีทุกข์ร้อน แม้แต่ความถี่ในการโบกพัดก็ยังเท่าเดิมเหมือนตอนแรกไม่เปลี่ยนแปลง

นางหยิบแก้วเปล่าในถาดชามาหนึ่งใบ ก่อนจะเติมน้ำชาลงไปและดันไปเบื้องหน้าไหวชิ่งกงจู่

“พูดมาว่า หากวันนี้เจ้าแพ้ จะเอาสิ่งใดมาเป็นของเดิมพันกับข้า รัชทายาทตงเฉิน”

อีกฝ่ายเป็นถึงรัชทายาท อยู่ดีกินดีมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ นอกจากดินแดนแล้ว คงไม่ชายตามองสิ่งอื่น

ไหวชิ่งกงจู่ได้ยินที่ตงหลิงหวงพูดก็พลันเลิกคิ้ว นางยกชาบนโต๊ะขึ้นมาดื่ม “น่าขัน ข้าแพ้หรือ? ”

ตงหลิงหวงเม้มริมฝีปาก ทว่าแววตาของนางกลับเต็มไปด้วยแผนการ

“เดิมทีข้าปรารถนาอาณาเขตแคว้นไหวเจียงของเจ้า ทว่ายังมีแคว้นหนานหลีที่กั้นกลางระหว่างแคว้นของพวกเรา อย่างไรเสีย แม้เจ้าจะเต็มใจยกดินแดนให้ โดยที่เสด็จพ่อของเจ้าจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม ทว่าเรื่องการแบ่งแยกแว่นแคว้นเช่นนี้ ข้าไม่สนใจ หากเป็นเช่นนั้น… ข้าจะวางเดิมพันก่อน! หากข้าแพ้ เมื่อสกุลจงจัดการการแข่งขันซิ่งหลิน ข้าจะถอดเสื้อผ้าเข้าร่วมการแข่งกัน”

หากเป็นคนฉลาด ย่อมฟังออกว่าที่ตงหลิงหวงพูดก่อนหน้าว่าไม่สนใจเรื่องการยกดินแดน ทั้งยังเอ่ยถึงการถอดเสื้อผ้าเข้าร่วมการแข่งนั้น ล้วนเต็มไปด้วยหลุมพราง

ทว่าไหวชิ่งกงจู่ถูกทำให้ไขว้เขว จึงฟังแผนการนี้ไม่ออก

เพราะนางมั่นใจว่าตนเองต้องชนะตงหลิงหวงแน่นอน

ดวงตาของนางทอประกาย แทบกระโดดโลดเต้น “ตกลง! ฟังดูน่าสนุกและตื่นเต้นนัก ข้าเดิมพันด้วย หากวันนี้ข้าแพ้ รอถึงวันแข่งขันซิ่งหลิน ข้าจะถอดเสื้อผ้าเข้าร่วมการแข่งขัน”

ไหวชิ่งกงจู่พูดพลางเสริมอีกหนึ่งประโยค “ตกลงกันแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น ต้องถอดไม่ให้เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว ห้ามบิดพลิ้วเด็ดขาด! จะถอดแค่เสื้อคลุม หรือซับในไม่ได้”

ตงหลิงหวงโบกพัดแผ่วเบา ชั่วพริบตา แววตาของนางก็เผยความสำเร็จเล็กน้อย

“อืม เรื่องนี้ต้องตกลงกันให้ดีล่วงหน้า นอกจากนั้น ข้างหลังยังต้องวาดเต่าอีกด้วย! ”

“ตกลง! ”

ไหวชิ่งกงจู่ยังตอบรับคำด้วยความทะนงตน

ยามนี้ เลือดของนางพลุ่งพล่าน แทบจะเห็นภาพองค์รัชทายาทหญิงแห่งอาณาจักรเทียนเหอ เปลือยกายยืนอยู่บนเวทีประลองระดับแคว้น

หากไม่ใช่เพราะคำนึงถึงสถานะของตนเอง และฐานะของตงหวงหลิงที่อยู่เบื้องหน้า นางคงหัวเราะออกมาเสียงดังเป็นแน่

ทันใดนั้น นางก็คว้าแก้วในมือของตงหลิงหวงและลุกขึ้น

“เร็ว! รีบวางพิษข้าเดี๋ยวนี้! ”

นางมั่นใจตนเองมาก

นางเป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้นไหวเจียง เติบโตมาในโถยาพิษ กินพิษเป็นของหวานมาตั้งแต่ยังเล็ก นางไม่เชื่อว่าบนโลกนี้จะมีพิษใดที่นางถอนไม่ได้

“วางยาพิษ? ” ตงหลิงหวงขมวดคิ้วงุนงง

ไหวชิ่งกงจู่มองท่าทางเช่นนั้นของตงหลิงหวง และเกือบจะด่าว่านางโง่เง่า

“เจ้าทำอันใดอยู่? เรากำลังแข่งขันกัน ข้าถอนพิษไปแล้ว เจ้าคงไม่ได้มึนงงรวดเร็วถึงเพียงนั้นกระมัง? นี่เป็นการแข่งรอบที่สอง”

อย่างไรก็ตาม นางคิดไม่ถึงว่าตงหลิงหวงที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะจะโบกพัดอีกครั้งและกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“ข้าวางยาพิษไปแล้ว! ไหวชิ่งกงจู่ เจ้าไม่รู้สึกเลยหรือ? ” นางพูดพลางขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเป็นกังวล “หากไม่รู้จริงๆ เช่นนั้นคงแย่แล้ว พิษที่ข้าใช้เป็นพิษร้ายแรง อีกไม่ช้าก็คงออกฤทธิ์ เมื่อมันออกฤทธิ์ ต่อให้เป็นเทพต้าหลัวลงมาจุติก็ยากที่จะช่วยเจ้าได้”

วางยาพิษไปแล้ว?

ไหวชิ่งกงจู่มีท่าทีตกตะลึง

พิษอันใด?

ทันใดนั้น ไหวชิ่งกงจู่ก็ตรวจสอบทั่วโรงน้ำชาและบนร่างกายของตนเองอย่างรวดเร็ว

ไม่พบสารพิษแม้แต่น้อย!

นางเกือบจะวิ่งไปตรวจสอบบริเวณชั้นสองของโรงน้ำชาที่ซูจิ่นซีและคนอื่นๆ นั่งอยู่

ในที่สุด ท่าทางระแวดระวังและจริงจังของนางก็แปรเปลี่ยนเป็นเยาะเย้ย

“ตงหลิงหวง เจ้าล้อเล่นอันใด? เจ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งใดเรียกว่าพิษ รู้หรือไม่ว่าพิษเป็นอย่างไร รู้จักรูปร่างหน้าตาของพิษหรือไม่? หากไม่รู้จักก็คุกเข่าคำนับข้าด้วยชาสักจอก และเรียกข้าว่าท่านอาจารย์ แล้วข้าจะสอนเจ้าเอง”

เมื่อไม่เห็นสารพิษ จะเรียกว่าวางยาพิษได้หรือ?

นางเล่นกับเด็กสามขวบหรืออย่างไร?

ครั้งนี้ไม่เพียงไหวชิ่งกงจู่เท่านั้นที่ไม่เชื่อตงหลิงหวง ซูจิ่นซีก็ไม่อยากจะเชื่อ

ใช่ ไม่อยากจะเชื่อ!

เนื่องจากซากงูพิษบนพื้นถูกทำความสะอาดไปแล้ว หลังจากนั้น ระบบถอนพิษก็ไม่ได้แจ้งเตือนอันใดเพิ่มเติม

ทว่าสีหน้าของตงหลิงหวงดูไม่ได้โกหก

นางจงใจแกล้งไหวชิ่งกงจู่ จงใจลดการป้องกันของไหวชิ่งกงจู่ นางวางยาพิษไปแล้วจริงๆ หรือ?

ขณะที่ซูจิ่นซีกำลังตั้งข้อสงสัย ภายในโรงน้ำชาพลันมีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น ไหวชิ่งกงจู่ที่หัวเราะเยาะอยู่เบื้องหน้าตงหลิงหวงด้วยภาคภูมิใจในตนเอง พลันลงไปนอนกุมท้องตัวงออยู่บนพื้น และร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวด

“อ่า… เจ็บ… เจ็บมาก! ข้าเจ็บปวดยิ่งนัก เจ็บจะตายอยู่แล้ว… ”

เวลาเพียงชั่วครู่ สีหน้าของไหวชิ่งกงจู่กลับซีดขาวลงในพริบตา เม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากดั่งไข่มุก นางนอนกลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวด ทิ้งรอยเปียกชื้นเป็นวงกว้าง

ตงหลิงหวงวางยาพิษไปแล้วจริงๆ

อย่างไรก็ตาม แม้ตอนนี้พิษจะออกฤทธิ์แล้ว ทว่าระบบถอนพิษกลับไม่รายงานสิ่งใด

นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?

หรือว่านางเจอยอดฝีมือด้านการเล่นพิษเข้าให้แล้ว?

ซูจิ่นซีซีคิดพลางหมุนถ้วยชาในมือโดยไม่ได้ตั้งใจ นางนึกขึ้นได้ว่า ตอนนี้ ระบบถอนพิษในร่างของนางยังไม่ทราบที่มา ส่วนประกอบ และชื่อสารพิษที่ชัดเจน

ขณะที่ตกอยู่ในภาพมายาของดินแดนต้องห้ามสกุลจง ตอนที่นางถูกพิษ ระบบถอนพิษก็ไม่ได้รายงานสิ่งใดเช่นกัน

ระบบถอนพิษแจ้งเตือนภายหลัง ด้วยความสงสัยว่านางถูกพิษ

ซูจิ่นซีมั่นใจว่า หากพิษนั้นไม่ได้อยู่บนตัวเจ้าของ แม้เวลาจะผ่านไป ระบบถอนพิษก็คงตรวจไม่พบ

ในตอนนั้น ท่ามกลางภาพมายาของดินแดนต้องห้ามสกุลจง ผู้ใดเป็นคนวางยาพิษนางกัน?

องค์รัชทายาทแห่งตงเฉิน ตงหลิงหวงผู้นี้ เกี่ยวข้องอันใดกับสาเหตุที่นางถูกพิษหรือไม่?

หากเกี่ยวข้องกัน การที่นางมาแคว้นหนานหลีในครั้งนี้ นอกจากจะเข้าร่วมการแข่งขันซิ่งหลินแล้ว นางยังมีจุดมุ่งหมายอื่นอีกหรือไม่?

หากไม่เกี่ยวข้องกัน เหตุใดการตอบสนองของระบบถอนพิษในตอนที่ไหวชิ่งกงจู่ได้รับพิษ กับตอนที่นางได้รับพิษจึงเหมือนกัน?

ชั่วขณะหนึ่ง ซูจิ่นซีอยากลงไปชั้นล่างเพื่อทดสอบตงหลิงหวง

สำหรับยอดฝีมืออันดับต้นๆ และผู้เชี่ยวชาญในแขนงใดก็ตาม การพบเจอคู่ต่อสู้นับเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น

ราวกับได้ปีนไปยังจุดสูงสุดของยอดเขา

เวลานี้ ระบบถอนพิษไม่ได้แจ้งเตือนว่าตรวจพบสารพิษใดๆ ซูจิ่นซียิ่งยืนกรานและต้องการปีนไปสู่ยอดเขา

ทว่าท้ายที่สุดแล้ว ซูจิ่นซีก็ระงับความตื่นเต้นไว้ในใจ นางทำเพียงนั่งในตำแหน่งของตนเอง และไม่ทำอันใด

ภายในโรงน้ำชา เสียงกรีดร้องของไหวชิ่งกงจู่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง นางร้องอย่างทุกข์ทรมาน ดึงดูดผู้คนบนถนนจำนวนไม่น้อยให้เข้ามาชมอยู่ด้านข้างโรงน้ำชา

กูสือซานสั่งให้คนปิดประตูและหน้าต่างทุกบาน ก่อนจะถอนพิษให้ไหวชิ่งกงจู่

ตงหลิงหวงไม่ได้ทักท้วงที่กูสือซานทำผิดกฎ และช่วยถอนพิษให้ไหวชิ่งกงจู่ มือของนางยังคงโบกพัดอย่างเชื่องช้า และจิบชาด้วยท่าทางหล่อเหลาสง่างาม

ทว่าในตอนที่ไม่มีผู้ใดเห็น นางจงใจเหลือบหางตาไปมองซูจิ่นซีและซูอวี้ที่อยู่บนทางขึ้นบันได