TQF:บทที่ 662   ความแค้นที่ไม่มีวันจบสิ้น (4)

 

 

“ท่านอาจารย์อา ท่านแม่ของข้าและคนอื่นๆก็ไปเก็บตัวกันหมด เสี่ยวเสี่ยวบอกว่าพวกเขาทุกคนอาจบรรลุได้” ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของฟางซูหยุนจะเรียบสงบ แต่ก็ไม่ยากที่จะได้ยินความภาคภูมิใจที่แฝงอยู่ในนั้น

 

“อะไรนะ….”

 

พวกตาแก่อึ้งกันไปหมด พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าไม่ได้มีแค่ฟางเต๋อหยวนที่เก็บตัวเท่านั้น แต่คนอื่นๆในสายบ้านใหญ่นอกจากพี่น้องฟางซูหยุนตรงหน้าแล้ว ก็เหลือแค่รุ่นหลังอย่างเฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่ยังอยู่ที่นี่ คนอื่นๆเก็บตัวกันหมด

 

“ซี้ดดด”

 

ตาแก่เหล่านี้พากันสูดหายใจเข้าลึก ในที่สุดพวกเขาก็นึกออกว่าเมื่อวันก่อนฟางซูหยุนเคยพูดถึงเรื่องที่จะให้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวช่วยเด็กๆในบ้านใหญ่พัฒนาวิทยายุทธ

 

ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดเก็บตัวไม่จำเป็นต้องบอกว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ต่อหน้าพวกเขา

 

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้สายตาของพวกเขาก็ร้อนแรงขึ้นหาสิ่งใดจะเปรียบ แต่ละคนจ้องมองไปที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยว มีคนมากขึ้นที่หวังจะได้รับความช่วยเหลือจากนางเพื่อบรรลุวิทยายุทธในระดับต่อไป

 

พวกเขาต่างติดอยู่ที่ตอนปลายหรือจุดสูงสุดของปรากฏเทพเทวา ไม่สามารถบรรลุต่อไปได้ ตอนนี้ด้วยความช่วยเหลือของเด็กคนนี้ฟางเต๋อหยวนมีโอกาสในการบรรลุต่อ จะไม่ให้พวกเขาหวั่นไหวได้อย่างไร

 

แต่จะให้ตาแก่อายุหลายร้อยปีพวกนี้เอ่ยขอความช่วยเหลือกับเด็กรุ่นหลังพวกเขาทำไม่ได้จริงๆ อย่างไรซะถึงหน้าจะหนาแค่ไหนก็ยังต้องใช้ความกล้าอยู่ดี

 

อีกอย่างเดิมทีพวกเขาก็เคยเป็นคนไร้ความปราณีและไม่ยุติธรรม ปฏิบัติไม่ดีกับบ้านใหญ่มานานหลายสิบปีในสถานการณ์แบบนี้พวกเขาไม่ได้กลัวเรื่องที่จะเอ่ยปากดีมั้ย แต่เป็นเรื่องที่ถูกปฏิเสธ

 

หากถูกปฏิเสธเข้า พวกเขาคงอับอายจนต้องเอาหัวโหม่งกำแพง!

 

ความคิดของตาแก่พวกนี้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่นางทำเป็นไม่รู้อะไรและยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะเป็นฝ่ายเอ่ยปากให้ความช่วยเหลือตาแก่พวกนี้ไม่มีค่าพอที่จะให้ตัวเองช่วย

 

อย่างน้อยไม่ใช่ตอนนี้

 

“ผู้อาวุโสทุกท่าน พวกท่านบอกว่าต้องไปรับแขกพิเศษไม่ใช่เหรอ ทำไมยังไม่ไปเข้าแถวล่ะ”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองดูพวกเขาด้วยสีหน้ากึ่งยิ้ม นอกจากจะไม่ชอบพวกเขาแล้วยังมีความไล่แขกด้วย

 

เหล่าตาแก่ยิ้มอย่างเขินอาย หนึ่งในนั้นพูดเขินๆ “ยังเหลือเวลาอีกเยอะ คนยังไม่มากันเลย”

 

“นั่นก็ใช่ รอให้แขกจะมาแล้วค่อยออกไปต้อนรับจะดีกว่า ไม่เหมือนกับตอนที่ท่านย่าของข้ากลับบ้าน ต้องผ่านด่านฆ่าคน ปูทางด้วยเลือด ไม่อย่างงั้นก็คงจะก้าวเข้าประตูบ้านไม่ได้”

 

เยาะเย้ยถากถางกันซึ่งๆหน้า สีหน้าของพวกตาแก่เปลี่ยนสีทันที ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจเหตุผลสำคัญแล้วว่าทำไมนางถึงไม่ต้อนรับพวกเขา

 

ความแค้นเมื่อคราวนั้นนางยังจำได้ดี แม้ว่าตอนนี้นางยังไม่ได้ทำอะไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางลืม เพียงแต่ว่ายังไม่ถึงเวลาเท่านั้น

 

พวกตาแก่ถูกเฉิงเสี่ยวเสี่ยวจิกกัด แต่พวกเขาก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะจากไป กลับพากันนั่งลง

 

การกระทำของพวกเขาทำให้ย่าหลานทั้ง 3 รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย

 

หนึ่งในนั้นเผยยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “ทุกคนกำลังเก็บตัวกันอยู่ พวกเรามาช่วยคุ้มกันให้ ส่วนเรื่องอื่นปล่อยให้พวกเขาจัดการก็พอ”

 

“อ้อ งั้นก็รบกวนอาจารย์อาทุกท่านด้วย” ฟางหมิงเห้อประสานมือด้วยสีหน้าขอบคุณ

 

ไม่ว่าพวกเขาจะคิดอะไรอยู่ แต่ในเวลานี้พวกเขายินดีที่จะอยู่เพื่อครอบครัวตัวเองก็ย่อมได้รับความขอบคุณและความเคารพจากฟางหมิงเห้อ

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้น ขนตาหนา 2 แถวกระพริบเบาๆ ความเย้ยหยันแว้บผ่านไปในแววตาของนาง

 

คนเราเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น

 

พวกตาแก่เลือกที่จะอยู่คุ้มกันที่นี่ เหตุผลหลักๆก็เป็นเพราะคนของบ้านใหญ่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และไม่ใช่ข้ออ้างที่ไม่อยากออกไปต้อนรับด้วย แต่เพื่อตัวพวกเขาเองนั่นแหละ

 

พวกเขาหวังว่าจะได้รับความรู้สึกดีจากเฉิงเสี่ยวเสี่ยว หวังที่จะรู้ว่านางใช้วิธีอะไรในการช่วยให้ฟางเต๋อหยวนบรรลุ พวกเขาเห็นความหวังก็ย่อมไม่อยากพลาด

 

แม้ว่าตราบใดที่พวกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อยก็ยังมีชีวิตอยู่ได้อีกสองสามร้อยปี แต่จะมีใครกลัวว่าชีวิตจะยาวเกินไปบ้าง มีแต่หวังว่าชีวิตจะยิ่งยืนยาวขึ้น อยากจะอายุยืนขึ้นก็ต้องบรรลุระดับวิทยายุทธที่สูงขึ้น ไม่อย่างนั้นก็คงหนีไม่พ้นการกลายเป็นเถ้าธุลีในที่สุด

 

การเปลี่ยนแปลงในจิตใจของพวกเขาไม่สามารถหนีพ้นการสัมผัสของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวได้ จึงยิ่งไม่อยากสนใจตาแก่เหล่านี้

 

ข่าวที่ว่าสายบ้านใหญ่เก็บตัวกันทั้งหมดถูกแพร่กระจายออกไปในไม่ช้า คนของตระกูลฟางแทบ ไม่อยากเชื่อ และยังมีคนมากมายคิดว่านี่เป็นเพียงเหตุผลที่บ้านใหญ่ไม่ต้องการพบฟางซูเสวี่ย

 

แม้ว่าเรื่องที่ฟางซูเสวี่ยทำมีคนรู้เพียงไม่กี่คน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีใครรู้ คนที่รู้เรื่องหรือคนที่พอเดาได้ต่างรู้ว่า ตอนนั้นพวกนาง 2 พี่น้องออกไปฝึกฝนด้วยกัน สุดท้ายกลับมาพร้อมกับข่าวที่ว่าฟางซูหยุนหายตัวไป แต่ฟางซูเสวี่ยกลับมาอย่างปลอดภัย

 

หลังจากที่นางกลับมาบ้านรองและบ้านสามไม่เพียงแต่ไม่ปลอบใจบ้านใหญ่ แต่บ้านใหญ่กลับถูกทำร้ายจากความร่วมมือของบ้านรองและบ้านสาม และไม่กี่ปีต่อมาในการแข่งขันภายในตระกูล คุณชายบ้านสามลงกับคุณชายบ้านใหญ่จนถึงขั้นพิการ จากนั้นบ้านใหญ่ก็ถูกขับไล่ออกจากศูนย์อำนาจของตระกูล ใช้ชีวิตแบบตามมีตามเกิด

 

แต่ละคนในตระกูลฟางรู้กันดีอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้บ้านใหญ่กลับมายิ่งใหญ่แล้ว ย่อมไม่อยากเจอเหล่า ‘ฆาตกร‘ ในตอนนั้น พวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ปรากฏตัวกันทั้งหมด ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ ถ้าหากคนของบ้านใหญ่ยังปรากฏตัวพร้อมกับรอยยิ้มสิไม่ปกติ

 

ไม่ว่าทุกคนจะคิดอย่างไร หลังจากที่นายท่านรองและนายท่านสามได้ยินข่าวก็ส่งคนไปสอบถามทันที และข่าวที่ได้กลับมาก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เหล่าผู้อาวุโสในตระกูลสั่งมาว่าพวกเขาต้องคุ้มกันคนบ้านใหญ่เพราะ ฟางเต๋อหยวนอาจบรรลุเป็นบรรลุเทพเทวา

 

เมื่อพวกเขาได้ยินคำว่าบรรลุเทพเทวา 2 พี่น้องก็นิ่งอึ้งไป โดยเฉพาะฟางเต๋อซิว เขาแย่งตำแหน่งเจ้าบ้านมาแต่วิทยายุทธก็อยู่แค่ระดับก้าวสู่เทพเทวาเท่านั้น เขาอยากจะบรรลุเป็นปรากฏเทพเทวามาตลอดแต่ก็ทำไม่ได้ นี่เป็น 1 ในปมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใจพวกเขา

 

ถ้าบ้านใหญ่บรรลุในเวลานี้ได้จริงๆละก็ งั้นทุกอย่างที่เขาเตรียมการไว้ก็เปล่าประโยชน์ทั้งหมดน่ะสิ

 

พี่น้อง 2 คนนั่งอยู่ด้วยกัน สีหน้าของนายท่านรองแย่อย่างถึงที่สุด ตอนนี้เขาเริ่มเสียใจแล้วจริงๆ

——————————