TQF:บทที่ 661   ความแค้นที่ไม่มีวันจบสิ้น (3)

 

“เสี่ยวเสี่ยว เจ้าหมายถึงความว่า….” เมื่อฟางซูหยุนได้ยินคำนี้ก็รีบถามขึ้นอย่างร้อนใจ

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้าให้กับท่านย่า แล้วสบเข้ากับสายตาคาดหวังของทุกคน “ใช่แล้ว วิทยายุทธของท่านปู่ทวดดูเหมือนว่าจะเป็นเพียงตอนปลายของปรากฏเทพเทวาเท่านั้น แต่จริงๆแล้วเป็นเพราะว่าในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ท่านปู่ทวดซึมเศร้าเกินไป จึงเสียพลังทลายที่แหลมคมไป ไม่อย่างนั้นท่านปู่ทวดถึงระดับจุดสูงสุดของปรากฏเทพเทวาไปนานแล้ว การจะบรรลุเป็นบรรลุเทพเทวาก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอย่างแน่นอน”

 

“ท่านพ่อ เสี่ยวเสี่ยวพูดถูก ตระกูลฟางของเรามีแค่ปรากฏเทพเทวาไม่ใช่เหรอ ถ้าเรามีบรรลุเทพเทวาละก็ ใครจะกล้าดูถูกตระกูลฟางของเราอีก”

 

ฟางหมิงเห้อพูดอย่างตื่นเต้น

 

คนอื่นๆก็มองฟางเต๋อหยวนด้วยสายตาดีใจและตื้นตันใจ ตอนนี้ฟางเต๋อหยวนก็อายุ 80 กว่าแล้ว แต่รูปลักษณ์ของเขายังดูเหมือนคนอายุ 50 กว่าๆอยู่เลย และเขาไม่ได้ตั้งใจทำอะไรเพื่อเป็นการลดอายุด้วย

 

ในระดับปรากฏเทพเทวา เขาก็สามารถมีช่วงชีวิตไปได้อีกหลายพันปี หากบรรลุเป็นบรรลุเทพเทวาละก็ เขาก็จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกหมื่นปี ถ้ามีบรรลุเทพเทวาจากบ้านใหญ่เป็นผู้ดูแลตระกูลละก็ ก็จะต้องคุ้มครองลูกหลานให้มีชีวิตอย่างผาสุกตลอดไปได้แน่

 

ด้วยจิตใจของฟางเต๋อหยวนเมื่อได้ยินคำพูดของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและเด็กๆในบ้านก็ทำให้เขาจิตใจพลุ่งพล่านไม่น้อย จึงพยักหน้าภายใต้สายตาที่จับตามองของทุกคน “ได้ ข้าจะไม่สนใจอย่างอื่น รีบไปเก็บตัวฝึกฝนเลย”

 

“ไม่เพียงแต่ท่านปู่ทวดที่บรรลุได้ ที่จริงทุกคนต่างมีโอกาสนี้กันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นไปเก็บตัวกันทั้งหมดนี่แหละแล้วทำให้คนอื่นตกใจเล่น น่าสนุกดีออก”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มนุ่มนวล คำพูดของนางทำให้ทุกคนยิ้มตาม ขณะเดียวกันพวกเขาก็มีความมั่นใจอย่างแรงกล้าว่าตัวเองจะบรรลุจากการเก็บตัวครั้งนี้ได้

 

ไม่มีการยืดเยื้ออีกต่อไป แต่ละคนจากไปอย่างรวดเร็ว ในห้องรับแขกเหลือเพียง 3 คนเท่านั้น ฟางหมิงเห้อมองไปรอบๆแต่ไม่พบหยูเฮงน้อยจึงถามขึ้น: “ยัยหนูหยูเฮงน้อยไปไหนซะแล้วล่ะ”

 

“ท่านปู่เล็ก นางออกไปเที่ยวน่ะ”

 

“ทำไมออกไปแต่เช้าเลยล่ะ แล้วได้พาใครไปรึเปล่า”

 

“ท่านปู่เล็กวางใจเถอะ มีแต่นางจะไปรังแกคนอื่น ตอนนี้จะให้ใครมารังแกนางน่ะไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ ข้าสิหวังว่านางจะได้พบกับคนที่ทำอะไรนางได้บ้าง ปล่อยให้นางได้รับการสั่งสอนบ้างจะได้ไม่ไปสร้างปัญหาที่ไหนอีก”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มพลางนินทาหยูเฮงน้อยสักหน่อย

 

ฟางหมิงเห้อส่ายหัวพลางเหลือบมองนางด้วยรอยยิ้ม “ไม่ถึงขนาดที่เจ้าพูดหรอกน่า หยูเฮงน้อยดูเหมือนซุกซน แต่นางทำอะไรมีขอบเขตเหมือนกับเจ้านั่นแหละ”

 

“ถูกต้อง เด็ก 2 คนนี้ดูเหมือนจะมีนิสัยแตกต่างกัน แต่เนื้อแท้จริงก็เหมือนกันนั่นแหละ” ฟางซูหยุนพูดขึ้นบ้าง

 

“——” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวหัวเราะเงียบๆ เดิมทีหยูเฮงน้อยก็เกิดจากมิติของนาง และสามารถสื่อใจกับนางได้ ดูในบางมุมหยูเฮงน้อยก็คือร่างวิญญาณนั่นแหละ ความคิดและการกระทำจึงคล้ายๆกัน

 

ฟางหมิงเห้อนึกอะไรบางอย่างออกจึงพูดกับ 2 คนตรงหน้า “จริงสิ เดี๋ยวก็มีแค่พวกเราเท่านั้นที่ออกไปต้อนรับคนของสำนักมารเหรอ”

 

“ไม่ไปท่านปู่เล็ก”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยืนกรานคำตอบอย่างหนักแน่น “ท่านปู่เล็ก ท่านรีบไปอธิบายให้พวกตาแก่ฟังว่าตอนนี้ท่านปู่ทวดกำลังเก็บตัวอยู่ เก็บตัวครั้งนี้เป็นการบรรลุระดับบรรลุเทพเทวา พวกเราต้องคอยคุ้มกันท่านปู่ทวด ถ้าท่านบอกพวกเขา เชื่อว่าคราวนี้ต่อให้ฮ่องเต้มาตาแก่พวกนั้นก็ไม่ให้พวกเราออกไปต้อนรับหรอก”

 

“ถูกต้อง มีข้ออ้างนี้ข้าไม่เชื่อว่าใครจะกล้าบังคับพวกเราอีก จะให้ข้าไปต้อนรับนังสารเลวนั่น ฝันไปเถอะ” แววตาของฟางซูหยุนแสดงออกถึงความแค้น

 

แววตาของฟางหมิงเห้อเย็นยะเยือก “ใช่ นางไม่มีค่าพอ”

 

พูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืน “ท่านพี่ เสี่ยวเสี่ยว พวกเจ้านั่งรอที่นี่สักพัก ข้าจะไปหาอาจารย์ปู่”

 

ฟางซูหยุนพยักหน้า ยิ้มออกมาอย่างสบายใจเมื่อมองดูน้องชายที่ก้าวเดินอย่างเร่งรีบ

 

“ท่านย่า ท่านจะจัดการอย่างไรกับลูกพี่ลูกน้องของท่าน”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มเล็กน้อย “ตอนนี้ยังไม่ได้หาเรื่องพวกตระกูลฟางเลย ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะเรียกคนมาหนุนหลังให้ ถ้าเราไม่คุยด้วยสักหน่อยละก็ ช่างผิดต่อการกระทำของพวกเขาเสียจริง”

 

“เสี่ยวเสี่ยว เจ้าจะทำอย่างไร” ฟางซูหยุนเคยเห็นว่าสมัยยังอยู่ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวน ตระกูลเฉิงเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงยังถูกทำลายซะเละเทะ แม้แต่โอกาสจะมีที่ยืนให้ตั้งหลักก็ไม่มี”

 

“ท่านย่า ต้องถามว่าท่านกับท่านปู่ทวดอยากได้ผลลัพธ์แบบไหน สั่งสอนพวกเขาแล้วเอาของๆเราคืนมาหรือแค่ให้พวกเขาได้ชดใช้ก็พอแล้ว”

 

“แน่นอนว่าเราต้องเอาของๆพวกเราคืนมา” ใบหน้าของฟางซูหยุนอึมครึมและพูดด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น “ทำไมเราต้องยกของๆพวกเราให้พวกเขาด้วย ไม่เพียงแต่พวกเราจะเอาของๆตัวเองคืนเท่านั้น และก็ต้องให้คนพวกนั้นชดใช้ด้วยเลือด ผดุงคุณธรรมให้หมิงเห้อ ให้พวกเขาได้ลิ้มรสการถูกบดขยี้ซะบ้าง”

 

“ได้ ไม่มีปัญหา” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวรับคำเต็มปาก อย่างไรซะเรื่องพวกนี้ก็เป็นปัญหาเล็กน้อยสำหรับนาง

 

จู่ๆเสียงของฟางซูหยุนก็นุ่มนวลลงพลางเอ่ยเสียงเบา “เสี่ยวเสี่ยว เจ้าต้องระวังตัวด้วยนะ คนเหล่านี้ไม่ธรรมดา ระวังพวกเขาจะตอบโต้”

 

ตามหลักแล้วเรื่องนี้ควรให้ฟางซูหยุนออกหน้าจะดีกว่า แต่นางตั้งใจจะให้หลานสาวตัวเองจัดการแทน

 

แน่นอนว่าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ไม่ได้คิดว่านางสมควรจะเป็นคนลงมือหรือไม่ ตราบใดที่มันเป็นเรื่องของคนในครอบครัวนางก็ถือว่าเป็นเรื่องของนางเอง ไม่ต้องคิดอะไรมาก

 

ในระหว่างที่ย่าหลานกำลังคุยกันอยู่ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอก ท่าทางจะมากันหลายคน

 

และก็จริง เหล่าตาแก่ผมขาวมากันอย่างรีบร้อน เมื่อเห็นเฉิงเสี่ยวเสี่ยวจึงถามขึ้น “แม่นาง เต๋อหยวนจะสามารถบรรลุเป็นบรรลุเทพเทวาได้จริงเหรอ”

 

“ตราบใดที่ไม่มีใครไปรบกวนเขาในช่วงที่เก็บตัวอยู่ ก็ไม่มีปัญหาอะไร เว้นแต่ว่าจะมีคนตั้งใจขัดขวาง”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองพวกเขาแล้วตอบกลับอย่างไม่แสบไม่คัน

 

ถ้าเป็นเด็กคนอื่นๆในบ้านคุยกับตาแก่แบบนี้พวกเขาคงโดนตบไปแล้ว

 

แต่พวกตาแก่ไม่เพียงแต่ไม่โกรธ กลับดีใจที่ในที่สุดเฉิงเสี่ยวเสี่ยวในที่สุดก็ยอมคุยกับพวกเขาแล้ว

 

เมื่อไม่เห็นคนอื่นๆ ตาแก่คนหนึ่งจึงถามฟางซูหยุน “ยัยหนูซูหยุน แม่เจ้ากับคนอื่นล่ะ ทำไมพี่น้องซีเฉิงถึงไม่อยู่ที่บ้าน”

————————–