บทที่ 491 จะรักษาภาพลักษณ์ของเขาไว

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

เมื่อคิดถึงรัดเกล้า ความโกรธของเธอนั้นไม่อาจควบคุมได้ และกลับยิ่งมากขึ้นอย่างช่วยไม่ได้!

วันถัดไป

วันนี้เป็นวันฝังศพของเอวา อากาศไม่ค่อยดีนัก เมฆครึ้มลอยต่ำ และดูเหมือนว่าฝนกำลังจะตก

ผู้คนมากมายมาร่วมส่งเอวา รวมทั้งตระกูลหฤทัยไพรุณ และคุณท่านก็มาด้วย

เมื่อกลุ่มคนมาถึง อาคิระก็เดินเข้ามาอย่างเย็นชา โดยไม่พูดอะไรสักคำ สายตาของเขาจับจ้องไปที่ทุกคนแบบนั้น

คุณแม่ธันยวีร์ในใจนั้นมีความรู้สึกผิดอยู่เสมอ เธอพูดเบา ๆ ว่า “อาคิระ วันนี้เป็นวันฝังศพของเอวา ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร เธอก็ควรปล่อยให้พวกเราไปส่งเอวา”

“กับผู้หญิงที่น่าขยะแขยงคนนี้?” อาคิระมองยู่ยี่ในสายตาของเขาแฝงไปด้วยความรังเกียจอยู่หลายส่วน “เอวาตอนนี้ตายศพไม่ทันเย็น เธอก็เข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลหฤทัยไพรุณอย่างเอิกเกริกแบบนี้ ทั้งยังพักค้างคืน และวันนี้ยังพาเธอมาด้วยกันอีก พวกคุณปฏิบัติต่อเอวาแบบนี้เหรอ?”

ยู่ยี่ขมวดคิ้ว “ฉันอยากมาที่นี่ด้วยตัวเอง เกี่ยวอะไรกับคนตระกูลหฤทัยไพรุณ?”

ฉันทัชหรี่ตาลงลึก ยามจ้องมองไปที่อาคิระนั้น สายตาเต็มไปด้วยคำเตือนอย่างชัดเจน

เขาโอบยู่ยี่ไว้ในอ้อมแขนของเขา และพาเธอตรงไปข้างหน้าโดยไม่สนใจอาคิระ และพูดกับเธอว่า “คุณไม่จำเป็นต้องไปสนใจเขา มีผมอยู่ที่นี่”

คุณท่านประเสริฐขมวดคิ้วเล็กน้อย และก้าวเท้าไป คุณแม่ธันยวีร์ คุณพ่อธนพงษ์ต่างก็เดินตามอยู่ข้างหลัง

มือของเขากำหมัด มีเสียงหัวเราะดูถูกออกมา อาคิระจ้องไปที่ด้านหลังของกลุ่มคนที่จากไปด้วยความโกรธ โดยมุ่งตรงไปที่ฉันทัชและยู่ยี่เป็นพิเศษ

การตัดสินใจเดิมคือการเผาศพ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ ศพยังคงถูกฝังลงดิน

แท้จริงแล้ว ไม่ว่าจะอาคิระเอ่ยถ้อยคำร้ายกาจกับยู่ยี่เพียงใด เธอก็ไม่ใส่ใจ แต่เดิมเธอก็ไม่ใช่คนที่ชอบโกรธ โดยเฉพาะกับคนที่ไม่สำคัญ

ระหว่างทางส่งเอวาไปฝัง คุณแม่ธันยวีร์ร้องไห้ตลอดทาง ตั้งแต่ต้นจนเริ่มฝัง ก็แทบไม่หยุดร้องไห้

ยู่ยี่ก็จะร้องไห้เช่นกัน แต่เธอกลั้นมันไว้ จมูกของเธอนั้นแสบไปหมด

ทุกคนแต่งกายด้วยชุดดำ บางคนดูเคร่งขรึมสงบนิ่ง บางคนก็โศกเศร้าคร่ำครวญ

เมื่อมองดูใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของเอวาบนแผ่นหิน เธอก็รู้สึกเหมือนหัวใจของเธอถูกบางสิ่งขวางกั้นไว้ จากนั้นถูกดึงออกมาอย่างแรง มันเจ็บปวดมาก

หลังจากส่งศพเสร็จและกลับไปที่ตระกูลหฤทัยไพรุณก็ยามบ่ายแล้ว ยู่ยี่เสนอว่าเธอต้องการกลับไปที่เมืองS

เดิมทีเธอมาเฮทเคเพื่อเข้าร่วมงานศพของเอวา เมื่อเสร็จแล้ว เธอก็ควรจะจากไป

เมื่อได้ยินเช่นนี้ คุณแม่ธันยวีร์กลับรู้สึกว่ามันเร่งรีบเกินไป จึงเอ่ยถามว่า “ทำไมเธอถึงรีบกลับขนาดนี้ อยู่ที่นี่ต่ออีกสักสองวันเถอะนะ?”

“ที่เมืองS ยังมีเรื่องมากมายที่ต้องทำค่ะ” เธอยิ้มบางๆ อย่างสุภาพ

“ฉันทัช ลูกช่วยพูดให้แม่หน่อย มาเฮทเคทั้งทียังไม่ได้ทักทายอะไรก็จะรีบกลับอย่างนี้แล้ว?”

ฉันทัช ยืนอยู่ข้างๆ ส่ายหัวเบาๆ “ผมรู้จักนิสัยเธอดีกว่าแม่ครับ ผมจะกลับเป็นเพื่อนเธอ”

คุณแม่ธันยวีร์ต้องการจะพูดอย่างอื่นอีก แต่ฉันทัชชิงพูดก่อนเธอว่า “และเธอยังจะกลับมาอีก”

“งั้นก็ดี พวกเธอระหว่างเดินทางก็ใส่ใจความปลอดภัยด้วย แม่ไม่ขัดแล้ว” เมื่อกล่าวจบ คุณแม่ธันยวีร์ก็เตรียมสิ่งต่างๆ มากมาย และให้พวกเขานำไปที่เมืองS

บนเครื่องบิน ยู่ยี่เริ่มหลับ ฉันทัชจึงขอผ้าห่ม แบ่งกันห่มให้ทั้งสองคน และสวมผ้าปิดตาให้เธอ

ยู่ยี่ไม่ชอบนอนพิงพนักเก้าอี้ ดังนั้นเธอจึงหันข้าง และตกลงไปในอ้อมแขนของฉันทัช โดยที่มือวางไว้บนผ้าห่ม

แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ผลอยหลับไป ฉันทัชไม่ได้นอนหลับพักผ่อน เขาเอามือขวาวางบนที่เท้าแขนของที่นั่ง กางหนังสือพิมพ์และดูข่าว

ภายในส่วนที่นั่งเฟิร์สคลาสนั้นเงียบมาก มีเพียงเสียงลมหายใจและพลิกหน้ากระดาษไปมาเป็นบางครั้ง

ยู่ยี่นั้นนอนหลับสนิท จนกระทั่งเริ่มฝัน ฝันหนึ่งและต่ออีกฝันหนึ่ง ลมหายใจของเธอนั้นราบเรียบนิ่งลึก มีบางครั้งที่กระชั้นขึ้นเล็กน้อย

ก็ไม่รู้ว่าเธอนั้นกำลังฝันถึงอะไร มือใต้ผ้าห่มจึงยกขึ้น และวางลงตัวเขา

เมื่อถูกคนตบเบาๆ ที่หลังเรื่อยๆ ในที่สุดยู่ยี่ก็ตื่นขึ้น แต่สติของเธอยังไม่กลับมาเต็มที่ เธอยังคงมึนงงอยู่

“คุณจะทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว…” เขาเอ่ย มือยังคงตบหลังเธอเบาๆ ต่อ

เมื่อเทียบกับปกติแล้ว เสียงของเขาเข้มและล้ำลึกขึ้น ยู่ยี่มองไปที่ใบหน้าของชายหนุ่ม ก็พบว่าเขาย่นหน้าผากขึ้น สีหน้าปนเปไปด้วยความเจ็บปวดเล็กน้อย เธอเริ่มกังวลและถามว่า “คุณเป็นอะไรไป?”

“มือของคุณปล่อยลงได้ไหม…” ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลง

มือของเธอ?

เธอก้มศีรษะ และลูบมือไปมาความร้อนไต่เพิ่มระดับมากขึ้นและมากขึ้น แก้มของยู่ยี่แดงก่ำแทบจะถูกต้มจนสุก ขณะหลับ เธอรู้สึกเสมอว่ากำลังถือกล้วยอยู่ แต่กลับไม่คิดว่าจะเป็น…

ทนไม่ไหวแล้ว ดวงตาของเธอสั่นไหวอย่างรุนแรง

“ผมคิดว่า ผมต้องไปห้องน้ำ และจัดการกับมัน…” ความหมายของเขาบ่งบอกถึงอะไรบางอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าหมายถึงสภาวะที่ร่างกายส่วนล่างเกิดขึ้นกะทันหัน

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ยู่ยี่ก็ปล่อยมือทันที ยืดตัว นั่งหลังตรง และหน้าแดง

ฉันทัชรู้สึกขบขัน เขาพยุงตัวเองลุกขึ้น รูดซิปให้ดี แล้วจับมือเธอ แต่เธอกลับเลี่ยงมือออก เธอตอนนี้ไม่อยากสนใจสภาพเขาตอนนี้เลยสักนิด

โก๋รออยู่ที่สนามบินเป็นเวลานาน พร้อมกับรถเบนท์ลีย์สีดำ ยู่ยี่ มุ่งตรงไปนั่งด้านหน้า และทิ้งให้ชายหนุ่มนั่งที่เบาะหลังคนเดียว

รถของโก๋ขับไปด้วยความอึดอัดเป็นอย่างมาก

“ยังอารมณ์เสียอยู่เหรอ?” ฉันทัชนั่งอยู่ที่เบาะหลังอันกว้างขวาง แต่กลับรู้สึกโดดเดี่ยว สายตาของเขาตกลงที่เบาะหน้า

“เปล่า แค่โกรธ และโมโห” เธอไม่หันกลับมามอง

“ผมต้องทำยังไงถึงจะทำให้คุณหายโกรธ?”

“พูดจาดีๆ ปลอบโยนฉัน…” เธอรู้สึกงอนเล็กน้อย อารมณ์ของหญิงมีครรภ์นั้นแปรปรวนจริงๆ

โก๋แทรกขึ้น “คุณฉันทัชครับ ผมเคยได้ยินคนพูดว่าอารมณ์คนท้องนั้นไม่คงที่ หนึ่งวินาทีมีความสุข อีกวินาทีถัดมาก็โกรธ ผมอ่านมันมาจากในหนังสือ”

“บอกผมมาสิ คุณอยากให้ผมปลอบคุณยังไง” เขาเลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้มบางๆ

หลังจากคิดไปคิดมา เธอก็พูดอย่างจริงจังว่า “คุณจับคู่กับโก๋ และเต้นรุมบ้าหรือชะชะช่าให้ฉันดู ฉันค่อนข้างชอบดูมันน่ะ”

“…” ในรถเงียบกริบ

โก๋ยิ่งกลั้นหายใจเข้าไปอีก เขารู้สึกว่าไม่เอ่ยอะไรออกมาในเวลานี้เป็นทางออกที่สมบูรณ์แบบ

ให้เต้นชะชะช่ากับคุณฉันทัช……….

จากนั้นในรถก็เงียบลง จนขับถึงชั้นล่างของอพาร์ตเมนต์

หลังจากช่วยถือกระเป๋าเดินทางไปที่อพาร์ตเมนต์ ความเร็วของโก๋นั้นก็เร็วพอๆ กับลูกศรยิงออกจากคันธนู หายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันที

ยู่ยี่พ่นเสียงหึอย่างอารมณ์ไม่ดี

ร่างสูงใหญ่ของฉันทัชเดินเข้าหาเธอ “คุณอยากเห็นมันจริงๆ เหรอ?”

เธอกระพริบตาและพยักหน้า “ฉันอยากเห็นมันจริงๆ”

“ผมเต้นคนเดียว เป็นยังไง?”

หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ ยู่ยี่ก็เทน้ำอุ่นหนึ่งแก้ว และพูดอย่างไม่เต็มใจว่า “ก็ได้”

ฉันทัชเต้นไม่เป็นมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้อยากจะเต้น ก็ยากที่จะเต้นแล้ว เขาถอดเสื้อคลุมสีดำออก เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสูทเพื่อศึกษาวิธีเต้น พอเขาหันหลังกลับมา ก็นำโน้ตบุ๊กมาด้วย

เธอนั่งบนโซฟาอย่างสบายใจท่ามกลางความวุ่นวายของเขา มองดูการกระทำของเขาด้วยความสงสัยเล็กน้อย

ไม่ว่าจะเป็นรุมบ้าหรือชะชะช่า ระดับความยากนั้นล้วนไม่ง่ายเลยสำหรับฉันทัช ตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก สิ่งที่เขาต้องเผชิญมีเพียงแค่การทำธุรกิจ

คลิปในเครื่องโน้ตบุ๊คเปิดขึ้น เพลงอันทรงพลังดังออกมา ฉันทัชเลิกคิ้วเล็กน้อย และจ้องไปที่หน้าจออย่างตั้งใจ

จากนั้นเขาก็เริ่มเต้นช้าๆ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วชะชะช่านั้นมีความง่ายกว่าเล็กน้อย นิ้วยาวดึงแขนเสื้อขึ้นส่งๆ ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง และหรี่ตาลงเล็กน้อย

ขายาวที่มีเสน่ห์ค่อยๆ บรรจบกันภายใต้กางเกงสูท และรองเท้าหนังสีดำที่เหยียบอยู่บนพื้นนั้น ส่งเสียงดังกังวาน

ราวกับว่าเขามีความรู้สึกมากมาย เขาดีดนิ้วด้วยมือใหญ่ เท้าของเขาขยับลงตรงจังหวะ เสื้อเชิ้ตสีขาวหลุดออกจากไหล่และหลังของเขา ซึ่งเต็มไปด้วยความไม่ธรรมดา

ความตั้งใจเดิมของยู่ยี่คือการเห็นเขาอับอาย และท่าทางที่ดูเงอะงะเล็กน้อย แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เมื่อให้เขาเต้นอย่างนั้นร่างกายของเขากลับเต็มไปด้วยความเซ็กซี่

แน่นอนว่า หากเป็นการกระทำเดียวกัน ทำด้วยกันกับอีกคนนั้นย่อมไม่เหมือนกัน

หลังจากยู่ยี่ยิ้มมองดูอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ลุกขึ้นเดินไปที่ห้องนอน เพราะการตั้งครรภ์ของเธอ เธอจึงรู้สึกง่วงตลอดเวลา

เธอดึงผ้าห่มขึ้น และขณะที่กำลังจะนอน ชายหนุ่มก็เดินเข้ามา ตัวสูงตั้งตรง “ยกโทษให้ผมแล้ว?”

ยู่ยี่ไม่ตอบ เพียงแต่พูดว่า “ฉันง่วงแล้ว”

“ในห้องนอน ให้ผมเต้นให้คุณดู?” ฉันทัชกล่าว

“ไม่เห็นหล่อเลยสักนิด เสียเวลา” เธอหาว พูดโกหกอย่างหน้าตาเฉย

หลังจากคิดอยู่สักพักอีกครั้ง ฉันทัชก็พูดว่า “ใส่กระโปรงยาวของคุณเต้น?”

เธออยากจะหัวเราะเล็กน้อย แต่กลั้นไว้ เธอยักไหล่แบบสบายๆ ส่งสัญญาณให้เขาทำตามใจ

เขามีรูปร่างที่ไม่ธรรมดา ไหล่กว้าง และสะโพกแคบ หลังจากควานหาในตู้เสื้อผ้าเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็พบกระโปรงที่พอดีกับขนาดตัวเขา

ร่างกายท่อนบนมีกล้ามเนื้อหน้าอกที่แข็งแรงและแน่น แต่ท่อนล่างกลับเป็นกระโปรงยาวสีขาว ดันสะโพกแคบที่ยื่นออกมาอย่างพอดีไปด้านข้าง กระโปรงยาวสะบัดวาดเป็นวง ไม่ต้องพูดถึงว่า…มันตลกเพียงใด…..

ในที่สุดยู่ยี่ก็อดหัวเราะไม่ได้ หยิบโทรศัพท์และเริ่มอัดคลิป

ฉันทัชกระแอมเบา ๆ และหยุด “ขอแค่เต้นเฉยๆ ได้ไหม”

เมื่อได้ยินดังนั้น ยู่ยี่ก็โยนโทรศัพท์ลงบนเตียง ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุม และคิดที่จะหลับไป มีเสียงทุ้มต่ำเอ่ยประนีประนอมขึ้นมาทันใด “โอเค ผมตามใจคุณ…”

เธอลุกขึ้นนั่งด้วยใบหน้ายิ้มสดใส นั่งปิดปากหัวเราะพลางปรบมือชอบใจ เมื่อได้ผลประโยชน์ตามที่ต้องการ “วางใจได้ ฉันจะไม่ให้คนอื่นเห็น อะไรดีๆ แบบนี้ให้ฉันชื่นชมคนเดียวก็พอแล้ว คนอื่นจะโชคดีแบบฉันได้ไง? ”

เธอยังรู้จักที่จะรักษาภาพลักษณ์ของเขา

ช่วยไม่ได้ เขาได้แต่เพียงปล่อยให้เธอ ทำลายภาพลักษณ์ที่ฉันทัชไม่เคยทำมาก่อน และนี่เป็นครั้งแรก

เกรงว่าจะไม่มีใครจินตนาการได้ว่า ผู้ชายที่สงบนิ่งและสง่างามจะมีด้านแบบนี้ได้ ซึ่งทำให้คนแปลกใจจริงๆ…

ยู่ยี่หัวเราะเป็นเวลานาน แม้แต่ดวงตาของเธอก็หรี่ลงด้วยรอยยิ้ม

เรนนี่ขวางทางเดินของหัสดิน “เราเป็นสามีภรรยากัน แต่คุณไม่พูดกับฉันมาสามวันแล้ว!” เขาเมินเฉยเธอ ปฏิบัติกับเธอเป็นอากาศธาตุ แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น