บทที่ 383 หนังหนาจริงๆ

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 383

หนังหนาจริงๆ

หลินหยางขมวดคิ้ว ถึงแม้เขาจะเป็นองค์จักรพรรดิมาแค่ครึ่งปีแต่พลังมังกรในตัวเขาก็ถูกก่อขึ้นมาแล้ว เขามองไปที่เด็กสาวด้วยสายตาเย็นชา

เขาเคยชินกับท่าทางเคารพของคนอื่น ดังนั้นเมื่อเห็นเธอจ้องเขาแบบนี้ เขาจึงรู้สึกอึดอัดอย่างมาก เขาคงจะสลบไปตอนที่ถูกดึงเข้ามา

เด็กสาวมองไม่เห็นท่าทางไม่พอใจของหลินหยาง เธอคิดเพียงแค่ว่าเขาหน้าตาดีมากและพลังในร่างกายของเขาก็เป็นแบบเดียวกับพวกเซียนพวกนั้นซึ่งทำให้ผู้คนชื่นชอบได้

“เอาล่ะมีอะไรจะถามอีกหรือเปล่า?” ดวงตากลมโตของเด็กสาวเปล่งประกายพร้อมทั้งมองที่มาที่หลินหยาง

หลินหยางไม่ได้สนใจเธอ ตอนที่เขาฟื้นขึ้นมาเขาก็มองไปที่ร่างกายตัวเอง ไม่มีร่องรอยอะไรที่ผิดปกติ มีเพียงรอยแผลเขียวช้ำที่มือและเท้าที่เห็นได้อย่างชัดเจนซึ่งพิสูจน์ให้รู้ว่าอีกฝ่ายคงจะลากพวกเขากลับมาแน่ๆ

“เร็วเข้าสิ เอาทองหรืออะไรให้นางไปซะ” หลินหยางพูดกับมู่หรงเสวี่ย

มู่หรงเสวี่ยก็คิดว่าจะทำแบบนั้น เธอแกล้งทำเป็นหยิบทองออกมาจากแขนเสื้อแต่จริงๆแล้วหยิบออกมาจากมิติลับ

“นี่เป็นรางวัลที่ช่วยเหลือพวกเรา” ธนบัตรสีเงินอาจจะไม่สากลแต่ทองเป็นของสากลที่ใช้กันทั่วไป

แน่นอนว่าดวงตาของเด็กสาวเปล่งประกาย นี่คือทองนะ เธอกลืนน้ำลาย ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความโลภแต่นี่ไม่ใช่ทั้งหมดที่เธอต้องการ เธอแกล้งทำเป็นไม่รับทองคำ

“ข้าช่วยชีวิตพวกท่านไว้ ทำไมถึงอยากจะไล่ข้าไปด้วยทองคำเล็กน้อยแบบนี้ล่ะ?” เด็กสาวพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา

แล้วก็มองไปที่หลินหยางอีกครั้ง ทำไมเขาไม่ยอมมองมาที่เธอเลยล่ะ?ก็เห็นๆอยู่ว่าหน้าตาเธอก็ไม่ได้แย่อะไรแต่ก็ไม่ได้สวยเท่ากับใบหน้าที่ยิ้มแย้มของมู่หรง

ยิ้มงั้นเหรอ จะบอกว่าตัวเองสวยมากงั้นหรือไง?!

อย่างไรก็ตาม เด็กสาวก็ยังยืนนิ่งอยู่ชั่วขณะเพื่อที่จะเปรียบเทียบเรื่องใครสวยกว่าใคร

ไม่พองั้นเหรอ?! มู่หรงมองไปที่ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยทองของเธอ นี่มันพอสำหรับครอบครัวเธอไปทั้งชีวิตเลยนะ บ้านที่พวกเธออยู่ตอนนี้เรียกไม่ได้เลยว่าเป็นบ้าน มันถูกสร้างง่ายๆด้วยไม้ฟืนธรรมดาๆและฝางเอามามุงหลังคา บ้านนี้เต็มไปด้วยฝุ่นและก็มีใยแมงมุมอยู่หลายที่

มู่หรงเสวี่ยคาดเดาสถานภาพของพวกเขาก่อนแล้วเพื่อที่จะได้หยิบค่าตอบแทนที่เหมาะสมออกมาให้ อย่างไรก็ตามไม่สำคัญหรอกว่าอีกฝ่ายจะโลภมากแค่ไหนยังไงพวกเขาก็ช่วยพวกเธอไว้ พวกเธอก็ควรที่จะยอมจ่าย

ในเมื่อมันไม่พอ งั้นก็เพิ่มเข้าไปอีก มู่หรงเสวี่ยหยิบทองออกมาอีกเท่าหนึ่งจากแขนเสื้อ “พอหรือเปล่า?” มู่หรงเสวี่ยถาม

น้ำเสียงของเธอสงบนิ่งไม่มีท่าทางดูถูกอะไรเลย

“แต่ข้าไม่ต้องการ” หลังจากที่พูดจบ เด็กสาวอยากที่จะตบปากตัวเองจริงๆ

มู่หรงไม่สนใจน้ำเสียงของนางแล้วเก็บทองกลับเข้าไปในแขนเสื้อ แล้วจึงพยักหน้าให้หลินหยางและพวกเธอก็เดินออกไป

เด็กสาวตะลึงและรีบตามออกไปทันที ตอนที่เธอเห็นแม่ของนาง เธอก็เอาทองใส่ไปที่มือของเธอโดยตรง

แล้วจึงเริ่มที่จะเดินออกมา พร้อมด้วยหลินหยางที่เดิมตามมา

“โอ้ แม่หนู เจ้าจะไปไหนน่ะ?!” นางหวู่ร้องเรียกอยู่หลายครั้งและเดินมาที่ประตูแต่ก็ต้องถอยหลังกลับทันที นี่มันทองนะ น่าทึ่งมากที่ได้เห็น งั้นต้องเอาไปซ่อนก่อน สองคนนั้นที่พวกเธอเจอเมื่อวานเป็นคนที่รวยและสูงศักดิ์จริงๆ พวกเขายอมยกทองมากมายขนาดนี้ให้ได้ง่ายๆ

นางหวู่รีบล็อกประตูและวิ่งไปหาสามีตัวเอง

“ตาเฒ่า เห็นไหมเรารอดแล้ว” นางหวู่พูดออกมาอย่างตื่นเต้น

ตาเฒ่าจ้าวมองมาที่ทองเปล่งประกายด้วยดวงตาเบิกกว้าง “ไปเอามาจากที่ไหน?”

นางหวู่พูดพร้อมรอยยิ้ม “เมื่อวานข้าช่วยคนที่ใช่เอาไว้แล้ว สองคนเมื่อวานให้ข้ามานะสิ” นางหวู่อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากตัวเอง มันช่วยไม่ได้จริงๆ

นี่ทองมากมาย พวกเธอไม่ต้องอยู่ในรูหนูแบบนี้อีกแล้ว อย่างน้อยพวกเธอก็จะมีกินและมีเสื้อผ้าอุ่นๆแล้ว

บางทีพวกเธออาจจะจ้างสาวใช้เพื่อมาคอยรับใช้เหมือนพวกคนรวยได้แล้วด้วย

“ไม่เอามันไปเก็บล่ะ เดี๋ยวก็มีคนมาเห็นหรอก” เฒ่าจ้าวสงบกว่านางหวู่

“ใช่ ใช่ ต้องเอาไปซ่อน” นางหวู่เก็บทองเข้าไปในกล่องตรงมุมห้องแล้วเอาผ้าสกปรกๆมาคลุมเอาไว้ หลังจากที่คิดได้ เธอก็รู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัยเลยเอามันออกมาอีกครั้ง แล้วเธอก็หยิบจอบออกมา วางทองในมือไว้บนเตียง ขุดหลุมที่พื้นกลางห้อง เอาเศษผ้ามาห่อทองไว้แล้วจึงใส่ลงไปในหลุมแล้วฝังกลบเหมือนเดิมอีกครั้ง

สุดท้ายเธอก็ลุกขึ้นยืน นางหวู่เดินมานั่งลงที่ข้างเตียงแต่เธอยังรู้สึกไม่สบายใจเท่าไร เธอกังวลตลอดว่าคนอื่นจะรู้เรื่องนี้

แล้วนางหวู่ก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้งแล้วรีบลากเก้าอี้ไม้มาวางทับหลุมเมื่อกี้ไว้ แต่ก็ยังรู้สึกอึดอัดอยู่นิดหน่อย

“ทำไมเจ้าอยู่คนเดียวล่ะ แล้วลูกสาวล่ะ?” เฒ่าจ้าวถามพร้อมทั้งขมวดคิ้ว

“นางตามคนพวกนั้นไป” นางหวู่พูดพร้อมรอยยิ้ม

ตาเฒ่าจ้าวโกรธขึ้นมาทันที “แค่นี้ยังสร้างปัญหาไม่มากพออีกหรือไง คนพวกนั้นก็ให้ทองมาแล้วไง ยังไม่รีบไปตามนางกลับมาอีก ระวังเถอะไปยุ่งกับคนพวกนั้นแล้วจะไม่มีใครช่วยอะไรได้”

“ทำไมข้าไม่ตามนางน่ะเหรอ? ก็ผู้ชายแบบนี้แหละที่คู่ควรกับลูกสาวของเรา การอยู่ในหมู่บ้านแบบนี้ไปตลอดชีวิตเป็นเรื่องที่ยากลำบากใช่ไหมล่ะ?” เธอเบื่อกับการที่ต้องอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าทำได้ แน่นอนว่ามันก็เป็นเรื่องดีกับลูกสาวเธอที่จะได้แต่งงานกับคนแบบนั้น

เมื่อนึกถึงทองเมื่อกี้ นางหวู่ก็ถึงกับยิ้มขึ้นมา คนที่สามารถเอาทองออกมามากมายขนาดนั้นได้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาอยู่แล้ว นางหวู่เกือบจะคิดไปถึงเรื่องที่ว่าลูกสาวเธอจะได้แต่งงานกับชนชั้นสูงและพวกเธอเองก็จะได้เลื่อนชั้นชนด้วยเพราะลูกเขย นี่คือชีวิตที่พวกเธอควรจะได้

เฒ่าจ้าวไม่ได้มองโลกในแง่ดีขนาดนั้นจึงคำรามออกมาทันที “ไปตามนางกลับมาซะ มันไม่ง่ายเหมือนที่พูดหรอกนะ!” หลังจากนั้นเขาก็ไอของมานิดหน่อยเพราะความโกรธที่มากเกินไป

“ข้าไม่ไป ถ้าข้าอยากจะไป ข้าจะไปเอง ข้าไม่ยอมทำลายความสุขของลูกสาวตัวเองหรอกนะ” นางหวู่กล่าว

ความคิดของเมื่อวานหายไปนานแล้วก่อนที่จะได้เห็นทองมากมายนี้ซะอีก ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัวในเมื่อได้รู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่ยากจนและอันตรายอะไร

ตาเฒ่าจ้าวพยายามที่จะพยุงร่างกายตัวเองขึ้นแต่ก็พบว่าเขาขยับไม่ได้ จู่ๆดวงตาเขาก็แดงระเรื่อด้วยความโกรธ เขาไร้ประโยชน์ เขาทำอะไรไม่ได้เลย

ไม่สำคัญหรอกว่าจะรักกันมานานกี่ปี ตอนนี้นางหวู่ทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เธอเหนื่อยกับการต้องคอยป้อนข้าว ป้อนน้ำให้คนขี้เกียจแบบนี้ทุกวันแล้ว

ตอนแรกเธอก็รู้สึกหดหู่ แต่จะปวดใจต่อไปแล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะ? ต่อมาเขาก็ทำงานไม่ได้อีก ออกไปหาเงินไม่ได้แถมยังต้องให้ดูแลอีก เธอทำงานจนดึกและเหนื่อยล้ากลับมาทุกวัน เธอไม่มีอารมณ์ที่จะมาดูแลสามีต่ออีก

ที่อีกด้าน เด็กสาววิ่งไปตามถนน

“เดี๋ยว รอก่อน สองคนข้างหน้านั่นน่ะ รอเดี๋ยว นายท่าน!” เด็กสาวร้องตะโกนไปในระหว่างที่กำลังวิ่ง

มู่หรงหยุดพร้อมทั้งเลิกคิ้วขึ้น เธอไม่เข้าใจก็ในเมื่อให้ทองไปแล้วนิ แล้วเด็กสาวยังจะตามพวกเธอมาทำไมอีก?!

หลินหยางรู้สึกแทบจะทนไม่ไหวและอยากที่จะบินหนีไปเลยจริงๆ มู่หรงมองไปที่เขาเป็นนัยๆว่ายังไงนี่ก็เป็นคนที่ช่วยชีวิตพวกเธอไว้ จะไม่สนใจเลยก็ไม่ได้

“มีอะไรเหรอ?” มู่หรงหันกลับมาถาม

เด็กสาวหอบหายใจและมองตรงไปที่หลินหยาง จ้องเขาด้วยดวงตากลมโตพร้อมทั้งพูดออกมา “ในเมื่อข้าช่วยท่านไว้ งั้นข้าก็จะยอมแต่งงานกับท่าน” สีหน้าของเธอแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย

สีหน้าของหลินหยางเครียดขึ้น มู่หรงเสวี่ยหัวเราะกิ๊กกักและเริ่มที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“หัวเราะให้ตายไปเลยนะ” หลินหยางจ้องไปที่มู่หรงเสวี่ยอย่างดุดัน

มู่หรงยิ้มแล้วทันใดนั้นก็แตะไปที่ไหล่ของหลินหยาง

หลินหยางถูกสารภาพรักอย่างไม่ทันตั้งตัว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงไม่อยากได้ทองของเธอ ก็เพราะชอบหลินหยางนี่เอง

อย่างไรก็ตาม รูปร่างหน้าตาของหลินหยางก็ดูดีมากและตอนที่เขาเป็นองค์จักรพรรดิ เขาก็ทรงอำนาจมากๆด้วย ก็ไม่แปลกที่จะมีคนสนใจ

หลินหยางไม่สนใจเด็กสาวและหันไปพูดกับมู่หรงเสวี่ยที่ยืนยิ้มโอเวอร์อยู่ข้างๆเขา “ไปกันเถอะ”

เด็กสาวกัดริมฝีปากตัวเอง ผู้หญิงคนนั้นบ้าไปแล้ว นางยิ้มแบบนั้นได้ยังไงกัน ไม่สมกับเป็นกุลสตรีเลยสักนิด อีกอย่างทำไมเขาไม่มองเธอเลยด้วยซ้ำล่ะ? เธอก็ไม่ได้ขี้เหร่เลยนะ

ถ้าให้เธอได้ใส่เสื้อผ้าสวยๆ เธอก็จะดูดีกว่านี้มากเลย เธอคิดอยู่ในใจ เขาไม่ชอบเธองั้นเหรอ?! บางทีพวกเธออาจจะเข้ากันดีก็ได้ ทำไมต้องพูดให้เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่จำเป็นขนาดนี้เลย

“งั้นก็ไปกันเถอะ” มู่หรงเสวี่ยหัวเราะอยู่นานก่อนที่จะหยุด

ทั้งสองหันกลับและเตรียมที่จะเดินไป

ทันใดนั้นสีหน้าของเด็กสาวก็ซีดเผือด เธอรีบเข้าไปจับแขนเสื้อของหลินหยางทันที “นายท่าน เรื่องที่ข้าพูดเมื่อกี้ ท่านไม่ได้ยินหรือไง?”

หลินหยางหันกลับมาและมองไปที่เธอด้วยสายตาเย็นชา

“การที่คนอื่นไม่สนใจเจ้านั่นก็พิสูจน์ให้รู้แล้วว่าเจ้าน่ารำคาญ แล้วเจ้ายังจะตามตื้ออยู่ได้อีกงั้นเหรอ?! เจ้าไม่คิดว่าตัวเองหน้าด้านจนทำให้ตัวเองต้องขายหน้าบ้างหรือไง? หรือเจ้าคิดว่าอยากที่จะแสดงให้ข้าเห็นว่าตัวเองมีค่ามากแค่ไหนด้วยใบหน้าที่ขี้เหร่ของเจ้าเนี่ยนะ?” หลินหยางมองพร้อมพูดคำพูดประชดประชันออกมา

สีหน้าของเด็กสาวซีดเผือดซึ่งดูซีดมากจริงๆ ซีดขาวราวกับผี น้ำตาเริ่มไหล่ลงมาอย่างควบคุมไม่ได้ เขาพูดแบบนี้ได้ยังไง เธอไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย!

“ทำไม หรือเจ้าจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่คนแบบนั้น เธอถึงได้มีท่าทางแบบเมื่อกี้? เจ้าวิ่งตามมาด้วยความน่าละลาย แล้วเจ้ายังจะหวังอะไรอีก? นี่ข้าควรจะอยู่นิ่งแล้วให้สิ่งที่เจ้าไม่คู่ควรงั้นเหรอ?” หลินหยางพูดอย่างไร้ความปรานี

สุดท้ายเด็กสาวก็ทนไม่ได้อีก เธอร้องไห้ออกมาเสียงดัง หันหลังแล้ววิ่งหนีไป

เธอสะดุดหินที่ถนนและล้มลงกับพื้น ความเจ็บปวดของเท้าที่เลือดกำลังไหลทำให้เธอรู้สึกอับอาย เธอก็แค่ชอบเขาเท่านั้นเอง เธอไม่ได้เป็นอย่างที่เขาบอก

หน้าด้านอะไรกัน?! พอได้ฟังแบบนี้มันแย่มากเลยจริงๆ ท่าทางของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความประชดประชัน

เธอน่าเกลียดขนาดนั้นเลยเหรอ?

ไม่คิดว่าการดูถูกผู้หญิงแบบนี้มันมากไปหน่อยเหรอ?! เด็กสาวลุกขึ้นและล้มลงอีกครั้ง

เธอโกรธมากจนนั่งร้องไห้เสียงดังอยู่ข้างถนน ในตอนนี้เจ้าวัวบ้าจากหมู่บ้านเดินเข้ามา

“เป็นอะไรหรือเปล่า? เจ้าร้องไห้ทำไม? เจ็บมากงั้นเหรอ?”

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเด็กสาวมองไปที่เจ้าวัวบ้าที่หน้าตาไม่ได้ดูดีเท่าไร ทันใดนั้นในหัวใจเธอก็เต็มไปด้วยความคลื่นไส้และความดูถูก

แล้วสีหน้าเธอก็กลายเป็นหมองลง ชายคนนั้นอาจจะเห็นเธอเป็นเหมือนกับที่เธอเห็นเจ้าวัวบ้า แค่นี้ก็ทำให้รู้สึกหดหู่แล้ว ทันใดนั้นเด็กสาวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมมาก

หลินหยางไม่ได้รู้สึกสงสารเด็กสาวที่ร้องไห้อยู่ข้างหลังเขาเลยพร้อมทั้งเดินจากไปโดยที่สีหน้ายังนิ่งเฉย