บทที่ 382

ฟื้น

“ใครจะมาหัวเราะเยาะหนู? อีกอย่างผู้ชายคนนี้ก็หล่อมากด้วยและก็ดูไม่เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป บางทีเขาอาจจะเป็นพวกเซียนที่สามารถบินขึ้นไปบนท้องฟ้าก็ได้” อีกอย่างพวกเธอก็ไม่เห็นอาวุธที่ตัวพวกเขาเลยด้วย

หญิงสาวมองลงไปพร้อมทั้งคิด ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่มีใครอยากที่จะเป็นคนธรรมดาหรอก คุณสมบัติของเธออยู่ในระดับธรรมดารวมทั้งสามีของเธอด้วย ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถที่จะก้าวขึ้นไปฝึกแบบพวกเซียนได้ การใช้ชีวิตโดยที่ถูกรังแกเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก

หลายวันต่อมา ไอ้วัวโง่จากหมู่บ้านก็มาเพื่อถามเรื่องการแต่งงาน แต่เธอก็ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่พูดว่าเธอจะลองคิดดูก่อน อันที่จริงเธอคิดแผนนี้ไว้แล้ว ดาเนี่ยลเป็นเด็กที่ซื่อสัตย์อย่างมากและขยันเอาการเอางานเสมอ ถ้าได้คนแบบนี้มาเป็นลูกเขย เธอก็เชื่อว่าดาเนี่ยลจะต้องดูแลลูกสาวเธอได้อย่างดีแน่ๆ

แต่ความสุขที่เรียบง่ายแบบนี้ก็พูดง่ายเมื่อไม่มีแรงกระตุ้นจากภายนอก

สำหรับหมู่บ้านนักล่าสมบัติของพวกเธอนี้ มันไม่ใช่สถานที่ที่ดีเท่าไร เหตุผลที่เรียกที่นี่ว่า “หมู่บ้านนักล่าสมบัติ” ก็เพราะก่อนหน้านี้ที่นี่เคยมีนักล่าสมบัติมากมายมาอยู่ที่นี่โดยเฉพาะศิลาแห่งจิตวิญญาณที่พวกนักบวชผู้ฝึกตนชื่นชอบ

แต่เรื่องนี้อยู่ดีๆก็ร่วงไหลออกไปสู่โลกภายนอก พอมีหนึ่งคนเข้ามา อีกร้อยคนก็ตามมา ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ไม่ได้มีคนมากมาย เหล่าผู้ฝึกตนก็ทยอยมาที่นี่กันมากขึ้นเรื่อยๆ มันก็เป็นเรื่องดีที่ได้เจอผู้คนมากมายหลากหลายแต่ก็ไม่ใช่ผู้ฝึกตนทุกคนที่จะเป็นมิตรด้วยได้ง่ายๆ

บางคนก็หาศิลาแห่งจิตวิญญาณไม่เจอและเอาความโกรธมาลงกับเหล่าคนธรรมดา พวกคนบริสุทธิ์

ตั้งแต่นั้นมาในหมู่บ้านเล็กๆที่มีคนไม่มากแต่กลับมีคนที่บาดเจ็บมากมาย มีหลายคนที่ต้องสูญเสียชีวิตเพราะเหล่าผู้ฝึกตน

โอ้! ถ้าเธอทำได้ แน่นอนว่าเธอหวังว่าลูกสาวจะได้ใช้ชีวิตในเส้นทางที่เป็นคนที่ถูกชื่นชม ไม่ใช่คนที่ถูกรังแก

“ท่านแม่ ท่านไม่คิดงั้นเหรอ?” เด็กสาวถามพร้อมด้วยดวงตากลมโตที่เป็นประกาย

หญิงสาวหันมามองเธอด้วยสายตาว่างเปล่าและในที่สุดก็ทนไม่ได้ที่จะต้องตำหนิลูกสาวตัวเอง ลูกสาวของเธอถูกเลี้ยงมาอย่างประคบประหงม ตอนที่เธอยังเด็ก เพราะการฝึกตนเธอจึงสร้างปัญหามากมาย เธอเฝ้าแต่ร้องไห้คร่ำครวญว่าทำไมตัวเองถึงฝึกตนไม่ได้

จนกระทั่งเธอโตขึ้น เธอก็ยังก้าวเข้าสู่เส้นทางการฝึกตนไม่ได้จนสุดท้ายเธอก็ต้องยอมแพ้ อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่มีผู้ฝึกตนผ่านเข้ามา ลูกสาวของเธอก็จะตื่นเต้นอย่างมากและมักอยากที่จะเข้าไปสุงสิงกับพวกเขาตลอด

เธอจะไม่เข้าใจความคิดของลูกสาวตัวเองได้ยังไงกันแต่ก็ไม่ใช่ที่จะพูดกันได้ง่าย นี่ยังไม่นับความสวยและรูปร่างท่าทางที่ยอดเยี่ยมของลูกสาวเธอด้วย

เธอจะโทษลูกสาวตัวเองได้ยังไง คนที่ผ่านการฝึกตนมักจะดูดีแต่นางดูดีขนาดนี้ได้ยังไง

โชคดีที่ลูกสาวเธอเป็นคนปากหวานและไม่เคยพูดอะไรให้พวกผู้ฝึกตนในระดับสูงๆพวกนั้นไม่พอใจเลย แต่เธอก็ยังมักจะเป็นห่วงอยู่เสมอ

ลูกสาวเธอไม่ชอบดาเนี่ยลและไม่ยอมที่จะแต่งงานกับเขา

โอ้! เธอหวังว่าคนพวกนี้จะคุ้มค่ากับความช่วยเหลือของเธอ

ถ้าเขาเห็นแก่บุญคุณที่ช่วยชีวิตไว้ต่อให้เขาจะไม่ชอบลูกสาวของเธอแต่เขาก็น่าจะมีอะไรตอบแทนบ้างแหละ

“รีบมาช่วยแม่สิ” หญิงสาวช่วยคนทั้งสองที่นอนอยู่ที่พื้น

ดวงตาของเด็กสาวแวบประกายอย่างมีความสุขแล้วจึงรีบเข้าไปช่วยแม่ของเธอ

“เร็วเข้า อย่าให้ใครเห็นล่ะมันจะดูไม่ดี” ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆไม่ใช่เมืองใหญ่ ถ้ามีเรื่องอะไรก็จะกระจายไปทั่วหมู่บ้านทันที

โชคดีที่เวลานี้ก็เย็นมากแล้ว ปกติแล้วพวกชาวบ้านจะกลับไปกินข้าวที่บ้าน ตอนนี้จึงไม่มีใครดังนั้นมากเธอเองก็ควรที่จะรีบกลับบ้าน

“ท่านแม่ ปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้อยู่ที่นี่แหละ ถ้าเราพานางกลับไปด้วยงั้นพวกเราเองก็ต้องลำบาก” เด็กสาวเบ้ปาก พร้อมทั้งมองไปที่ใบหน้าที่ดูสวยงามละเอียดอ่อนของมู่หรง

ขนาดใบหน้าของนางที่ตอนนี้เปื้อนไปด้วยฝุ่นดินจากพื้นแต่ก็ยังกลบความงามของนางไม่ได้เลย

นางดูสวยขนาดนี้ได้ยังไงกัน? ทำไมเธอไม่มีใบหน้าแบบนี้บ้างนะ โลกช่างไม่ยุติธรรมเลย

ทำไมเธอถึงฝึกตนบ้างไม่ได้ ทำไมเธอไม่เกิดมารวยบ้าง ทำไมใบหน้าของเธอไม่สวยแบบนี้บ้าง

เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนี้ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกอยากที่จะทำลายใบหน้าของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาทันทีเลย

“เจ้าไม่เห็นหรือไงว่าพวกเขาจับกันไว้แน่นมากแค่ไหน? แล้วจะไปแยกพวกเขาออกได้ยังไง?” หญิงสาวจ้องไปที่ลูกสาวของตัวเอง

“เร็วเข้าหรือจะปล่อยไว้แบบนี้ แต่ปล่อยไว้แบบนี้ก็คงจะดีเหมือนกัน” หญิงสาวพูดต่อพร้อมทั้งหันกลับไปวางพวกเขาลง

เด็กสาวรีบวิ่งตรงเข้ามา “ไม่นะ ไปแล้วท่านแม่” เจอช่วยหญิงสาวอย่างไม่เต็มใจเท่าไร

ผู้หญิงทั้งสองคนแทบที่จะแบกคนทั้งสองไม่ไหว จึงกลายเป็นกึ่งพยุงกึ่งลากกันไป

ชายแก่ที่กำลังนอนอยู่ที่เตียง เมื่อเห็นภรรยาและลูกสาวที่กำลังช่วยกันแบกคนทั้งสองกลับมาก็สีหน้าเปลี่ยนในทันที

“นี่พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันเนี่ย?” มันเป็นเรื่องที่ดีกว่าที่จะเลี่ยงคนภายนอกให้ได้ไกลที่สุดแต่นี่กลับพาพวกเขากลับมาที่บ้าน นี่เป็นการรนหาที่ตายชัดๆ

“เดี๋ยวค่อยคุยกันทีหลัง” หญิงสาวพูด

เด็กสาวและหญิงสาวช่วยกันพยุงพวกเขาไปที่ห้องด้านข้างและวางพวกเขาลงที่เตียง

เด็กสาวนั่งลงที่ขอบเตียง จ้องตรงไปที่หลินหยาง

ทำไมถึงได้รูปงามขนาดนี้นะ? ยิ่งมองเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกชอบมากขึ้นเท่านั้น

หญิงสาวมองไปที่เด็กสาว ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยแล้วจึงเดินออกมา สามีของเธอน่าจะกังวลแย่แล้ว

และแน่นอนว่าทันทีที่หญิงสาวเดินออกมาจากประตู เธอก็เห็นสามีที่กำลังนอนอยู่บนเตียงพยายามที่จะลุกขึ้นด้วยขาข้างที่บาดเจ็บ

หญิงสาวรีบวิ่งเข้ามาทันทีและช่วยเขาให้ยืนได้อย่างมั่นคง “อย่าขยับก่อนที่ขาจะแข็งแรงสิ” หญิงสาวบ่น

“สับสนอะไรหรือไง? พาคนนอกกลับมาแบบนี้ได้ยังไง อยากตายหรือไง?” เหลาจ้าวพูดออกมาโดยไม่หายใจ

“ไม่ต้องห่วงหรอก ลองคิดดูสิ พวกเราช่วยพวกเขาไว้นะ งั้นคงไม่น่าที่จะทำอะไรพวกเราหรอก อีกอย่างลูกสาวของเราก็ชอบผู้ชายคนนั้นด้วย” หวู่พูด

“ไร้สาระ ลืมไปแล้วหรือไงว่าลูกชายของตระกูลเสี่ยวก็ชอบลูกสาวของพวกเราเหมือนกัน?” หลาวจ้าวตะโกนออกมา

“ลูกสาวข้าไม่ดีตรงไหนเหรอ? ลูกสาวข้าก็คือลูกสาวเจ้าด้วยเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” นางหวู่มองเหลาจ้าวด้วยสายตาเย็นชา

ถึงแม้เธอจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ที่พวกผู้ฝึกตนจะหันมาสนใจลูกสาวของเธอ แต่ในทุกเรื่องมันก็มีเรื่องบังเอิญใช่ไหมล่ะ?!

“เจ้านี่โง่จริงๆ ลืมไปแล้วหรือไงว่าข้าเสียขาไปได้ยังไง?” เขารู้ดีว่าตัวเองไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่งกับคนพวกนี้

“แต่เจ้าจะปล่อยให้ลูกสาวเราต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเหมือนกับเราไม่ได้ อีกอย่างนะเจ้าเองก็รู้ดีไม่ใช่เหรอว่านางไม่อยากที่จะแต่งงานกับดาเนี่ยล” นางหวู่ถอนหายใจ

นี่เป็นเพราะเธอจนงั้นเหรอ?! แต่เธอเองก็อยากให้ลูกสาวได้มีชีวิตที่ดี

เหลาจ้าวเงียบไปชั่วขณะ “รู้หรือเปล่าว่าพวกเขาเป็นใคร?” เหลาจ้าวถาม

เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นพวกที่ไม่สนใจเรื่องชีวิตมนุษย์เท่าไร

“ข้าไม่รู้ พวกเขานอนสลบอยู่ที่พื้นในทุ่งหน้าหมู่บ้าน” นางหวู่ส่ายหัว

“เจ้านี่โง่จริงๆ ถ้าอยู่ๆมีใครก็ไม่รู้ว่านอนสลบอยู่นี่ บางทีก็อาจจะเป็นพวกศัตรูก็ได้” คิ้วของตาเฒ่าจ้าวขมวดแน่นอีกครั้ง

“ข้าไม่สนใจ ถ้าข้าสู้เพื่อลูกสาว ข้าก็อาจจะได้รับการปฏิบัติอย่างดีก็ได้ ใช่ไหมล่ะ?” เธอไม่ได้คิดว่าเขาจะชอบลูกสาวของเธอ มันเป็นแค่เรื่องของการช่วยคน บางทีอาจจะมีโอกาสซักหนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ได้

พูดง่ายๆ ทั้งหมดนี่ก็เพื่อลูกสาวของเธอ ถ้าเกิดนางไม่อยากได้ชีวิตแบบเดิมล่ะ การอยู่แบบนี้ก็ไม่มีดีอะไรอยู่แล้ว

อีกอย่างถ้าลูกสาวของเธอยังเอาแต่ไปเกาะแกะอยู่ข้างกายพวกผู้ฝึกตนอยู่แบบนี้ อีกไม่ช้าก็นานจะต้องมีปัญหาเกิดขึ้นแน่ๆ งั้นก็คงจะดีกว่าที่จะใช้โอกาสนี้

“แล้วจะปล่อยให้ลูกสาวเราอยู่ในห้องกับผู้ชายอย่างนั้นน่ะเหรอ” ถึงแม้พวกเขาจะจน แต่ก็รู้ดีกว่ามันไม่ดีที่จะปล่อยให้ผู้หญิงอยู่ในห้องกับผู้ชาย

“ปล่อยให้นางอยู่แล้วอีกฝ่ายจะได้เห็นลูกสาวของเราเป็นแรกไง ใช่ไหมล่ะ?” นางหวู่คิดมากกว่านั้น

โอกาสที่จะสู้เพื่อตัวเอง ถ้าไม่งั้นก็ยอมแพ้ไปตลอดชีวิต

ในตอนกลางคืนเด็กสาวไม่อยากที่จะทิ้งไป หลังจากที่ปูเสื่อที่พื้นข้างๆหลินหยางและมู่หรงเสวี่ยแล้ว เธอเองก็เอนตัวลงนอน เธอจะต้องให้อีกฝ่ายเห็นเธอเป็นคนแรก

นางหวู่ยอมกับท่าทางของเด็กสาวและเหลาจ้าวก็เงียบหลังจากที่ได้ยินคำพูดของนางหวู่ เป็นเพราะเขาเองที่ไร้ประโยชน์และล้มเหลวในการมอบชีวิตที่ดีกว่านี้ให้กับภรรยาและลูกสาว

เหลาจ้าวแอบเช็ดน้ำตาจากหางตาอยู่เงียบๆ ตั้งแต่ที่ขาของเขาบาดเจ็บ ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็มักจะทำให้ภรรยาและลูกสาวไม่พอใจอยู่เสมอ ตอนแรกเธอก็แค่รู้สึกเสียใจอยู่นิดหน่อยแต่ต่อมาเพราะตาเฒ่าจ้าวดูแลเธอไม่ได้ และเด็กสาวก็ไม่ค่อยอยากที่จะดูแลพ่อของตัวเองเท่าไร โดยเฉพาะบางครั้งที่เขาทำที่นอนสกปรกเลอะเทอะ

นางหวู่รักลูกสาวมากและนางก็ไม่อยากที่จะพูดอะไรจึงทำให้เด็กสาวกลายเป็นคนที่ไม่รู้จักความกตัญญูและมีนิสัยที่เห็นแก่ตัว

ตาเฒ่าจ้าวทุกข์ทรมานอย่างมากแต่ไม่ว่าจะมองยังไงนางก็เป็นลูกสาวที่รักของพวกเขา ถึงแม้นางจะไม่ได้โตมาอย่างที่เขาหวังไว้ แต่มันก็ไม่ได้มีผลอะไรกับสิ่งที่เขาทำเพื่อลูกสาว

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น

หลินหยางลืมตาขึ้นช้าๆ รู้สึกถึงความเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย

ทันใดนั้นก็เห็นใบหน้าของเด็กสาว รู้สึกตกใจแทบตาย เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและผลักมือที่ไร้สติของเธอออก เด็กสาวตกไปที่ข้างเตียง

หลินหยางเพิ่งจะได้สติ ในมือเขายังจับมือของมู่หรงเสวี่ยไว้แน่น เขามองไปที่เธอด้วยความกังวลแล้วจึงพูดออกมาเสียงอ่อนโยน “เสี่ยวเสวี่ย ตื่นสิ เสี่ยวเสวี่ย…”

“อืม…” มู่หรงเสวี่ยพึมพำเสียงเบาและค่อยๆลืมตาขึ้น

เด็กสาวที่พื้นหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที เขาผลักเธอแบบนี้ได้ยังไงในเมื่อเธอช่วยพวกเขาไว้นะ

มู่หรงฟื้นขึ้นมาและเห็นท่าทางคลุมเครือของเธอกับเขาจึงรีบผลักหลินหยางออกอย่างไม่เกรงใจ

สีหน้าเย็นชาของหลินหยางจ้องไปที่มู่หรง “ก็แค่ทดสอบว่าเธอได้สติพอหรือยัง”

“ที่นี่ที่ไหน?” มู่หรงเสวี่ยไม่สนใจเรื่องสีหน้าไม่พอใจของหลินหยาง แล้วเธอก็เห็นเด็กสาวที่พื้นด้วย

ทันทีที่เด็กสาวเห็นสายตาของมู่หรง เธอก็ยืนขึ้นทันที “ที่นี่บ้านของข้าเอง!” พร้อมมองไปที่มู่หรงเสวี่ยด้วยสายตาที่ไม่ดีเท่าไร

หลินหยางลุกขึ้นทันที ที่เตียงมีกลิ่นทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัวอย่างมาก ตอนที่เขาเป็นจักรพรรดิ เขาเป็นคนที่พิถีพิถันอย่างมาก

มู่หรงเองก็ลุกขึ้นตามมาด้วย พร้อมทั้งยิ้มไปที่เด็กสาวที่พื้นและพูดออกมา “เป็นเจ้าเหรอที่ช่วยพวกเราไว้?! ขอบคุณมากนะ”

ขอบคุณผู้อื่นเสมอต่อให้พวกเขาจะทำไม่ดีด้วย ยังไงซะถ้าพวกสัตว์มาเจอพวกเธอเขา พวกเธอก็คงจะตายไปแล้ว

เด็กสาวพ่นลมออกมา ใครกันจะอยากได้คำขอบคุณจากนางแล้วเธอก็มองไปที่หลินหยาง