มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 579
“นอกจากเซวี่ยลี่เฟิง เหล่ารุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด ต่างก็ไม่มีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้กับคนผู้นี้ได้”

……

กลางเมืองหลัวเทียน กองกำลังทุกฝ่ายต่างก็ต้องมีที่ทำการ ในตอนนี้ ณ ประตูทางเข้าที่ทำการของแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด ศิษย์หลายคนที่สวมชุดของจันทราสีเลือด เขารีบพาคนสองคนเข้าไปอย่างรีบร้อน

“เกิดอะไรขึ้น? ฝีมือใครกัน?”

ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าเคร่งขรึมพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเหยียบ

ศิษย์จันทราสีเลือด คนหนึ่งเจ็บคนหนึ่งตาย คนที่ตายนั่นเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งที่ได้รับการถ่ายทอดทักษะระดับสูง

ส่วนคนที่ได้รับบาดเจ็บ คือหลานของผู้อาวุโสคนหนึ่งแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด ใครกันที่ช่างอาจหาญ ลงมือโจมตีศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด?

แดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ท่ามกลางที่โลกแสงดาว แดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดนั้นไม่ว่าความแค้นจะเล็กน้อยเพียงใดก็ต้องชำระ จิตใจโหดเหี้ยม ดังนั้นต่อให้เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะทำให้ขุ่นเคืองได้ง่ายดายเพียงใด ก็ไม่ปรารถนาจะจะทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดขุ่นเคือง

ส่วนผู้แข็งแกร่งอีกส่วนหนึ่งต่างก็พากันเรียกคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดลับหลังว่าหมาบ้า เมื่อใดที่ไปขัดใจ ก็ราวกับหมาบ้าที่กัดไม่ปล่อย

“เส้นลมปราณขาด จุดตันเถียนก็ได้รับบาดเจ็บ คนที่ลงมือโหดเหี้ยมมาก”

ชายวัยกลางคนคนนี้เป็นผู้คุมกฎแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด จิตสังหารถูกปล่อยออกมา ทำเอาเหล่าศิษย์ของจันทราสีเลือดหลายคนตรงนั้นตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้ รีบเล่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในภัตตาคารเทียนอีออกมาจนหมด

ผู้คุมกฎแดนจันทราสีเลือดเมื่อฟังจบ ดวงตาก็พลันเป็นประกาย “ฝึกตนพลังแห่งโซน มีร่างยุทธ์แดนมกุฎ?”

“แต่เป็นคนที่เกิดจากกองกำลังเล็ก ๆ ที่ไม่มีระดับแห่งอาณาจักรใต้ คิดว่าตนเองได้รับโอกาสเสียหน่อยก็กล้าหยามพวกเราแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด?”

ชายหนุ่มในชุดคลุมสีเลือดสูดลมหายใจเข้า “กล้าทำร้ายน้องข้าจนบาดเจ็บถึงเพียงนี้ ข้าหลี่ฮุ่ยจะให้มันชดใช้ด้วยชีวิต!”

ที่ปลายชุดของชายหนุ่มชุดคลุมสีเลือดคนนี้ประดับด้วยด้ายทอง เป็นสัญลักษณ์ว่ามีฐานะเป็นศิษย์ในสำนักของแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด

ศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด ต่างก็สวมชุดสีเลือด แต่ที่แตกต่างกันคือมุมหนึ่งอาภรณ์ของศิษย์ธรรมดานั้นจะตกแต่งด้วยด้ายสีเงิน ส่วนศิษย์ในสำนักจะเป็นด้ายสีทอง ส่วนศิษย์ใจกลางจะเป็นเชือกสีม่วงทอง

นอกเหนือจากบรรดาศิษย์ใจกลาง ยังมีลูกศิษย์สายตรงของเทพศักดิ์สิทธิ์ จะใส่ชุดสีเลือดบริสุทธิ์ ปราศจากสีอื่นแทรกแซม

แม้ว่าหลัวซิวจะสำแดงพลังร่างยุทธ์แดนมกุฎที่ใจกลางภัตตาคารเทียนอี แต่กลางเมืองหลัวเทียนแห่งนี้ มันทำให้เกิดแรงกระเพื่อมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ดึงดูดความสนใจได้มากสักเท่าใดนั้น

เพราะเรื่องการเปิดแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นล่าง แดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ทุกแห่งหนต่างก็ส่งศิษย์ยอดฝีมือวัยเยาว์ บางส่วนในบรรดายอดฝีมือเหล่านี้ ไม่ขาดแคลนยอดฝีมือที่ฝึกตนถึงแดนมกุฎยุทธ์ ไม่เพียงผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนมกุฎยุทธ์เท่านั้น ผู้ที่ร่างเนื้อและตัวสำนึกได้บรรลุถึงแดนมกุฎยุทธ์ ต่างก็มีอยู่ถมไป

ถึงอย่างไรเหล่าอัจฉริยะ ก็เกิดและโตมาในแดนศักดิ์สิทธิ์ วิชายิ่งเลิศที่ใช้ฝึกตนก็เป็นระดับที่สูงที่สุด ใช้ทรัพยากรที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด เงื่อนไขการฝึกตนก็เป็นที่สุด ยังมีผู้แข็งแกร่งอาวุโสแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นคนถ่ายทอดวิชาด้วยตนเอง

คนเหล่านี้ จึงเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงในหมู่คนรุ่นใหม่!

เมืองหลัวเทียนนั้นกว้างใหญ่ ครอบคลุมรัศมีหลายร้อยลี้ ป้อมปราการถูกสร้างขึ้นในตอนแรกนั้น ก็เพื่อจะต้านทานการโจมตีของกองทัพเผ่าพันธุ์มาร มีผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์เคลื่อนย้ายสายทิพย์สามเส้นด้วยตัวเอง แล้วฝังอยู่ในบ่อใต้เมือง

สายทิพย์สามารถเกิดเป็นปราณทิพย์ได้ ปราณทิพย์เป็นพลังงานชนิดหนึ่งที่มีระดับสูงกว่าพลังฟ้าดินจิต เหมาะเป็นอย่างมากกับการฝึกตน

ดังนั้นการฝึกตนในเมืองหลัวเทียน ก็จะสามารถดูดซับปราณทิพย์บาง ๆ ได้ด้วย นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่าทำไมนักยุทธ์ส่วนใหญ่จึงหลั่งไหลกันมาพัฒนาตนเองที่เมืองหลัวเทียน

และปราณทิพย์ที่แพร่กระจายออกมาจากสายทิพย์ เก้าในสิบส่วนต่างก็หลวมรวมกันอยู่ในสามตำหนักใจกลางเมืองหลัวเทียน ตำหนักทั้งสามนี้ลอยอยู่กลางอากาศ ตำหนักที่ใหญ่โตและสง่างามที่สุดอยู่ด้านบน ส่วนอีกสองตำหนักซึ่งเล็กลงมาหน่อยจะอยู่ด้านล่างถัดลงมา

ตำหนักที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุดนั้น เรียกว่าสำนักหลัวเทียน เป็นสถานที่พำนักของเจ้าเมืองหลัวเทียน

และเจ้าเมืองหลัวเทียนคนนี้ยังมีอีกหนึ่งสถานะ นั่นก็คือหัวหน้าลาดตระเวนแห่งสี่แก๊งใหญ่อาณาจักรใต้!

ด้านหน้าสำนักหลัวเทียน มีหอคอยสำหรับต้อนรับและให้คำแนะนำอยู่ หากต้องการจะเข้าไปในสำนักหลัวเทียน ก็จำเป็นต้องผ่านหอคอยต้อนรับนี้ก่อน

ที่หอคอยต้อนรับนี้ มีองครักษ์18คนที่สวมชุดเกราะนักยุทธ์อยู่ ยืนตรงด้วยสีหน้าราบเรียบ บนร่างกายของทุกคนเต็มไปด้วยจิตสังหารที่เยือกเย็นแพร่กระจายออกมา ทั้งหมดเป็นผลการฝึกตนมกุฎยุทธ์ขั้น9 บรรดาพวกเขาทั้งหมดยังมีหัวหน้าและรองหัวหน้าที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหายุทธ์

“ผู้ใดกำลังมา?”

ร่างสามร่างบินเข้ามาทางหอคอยต้อนรับ องครักษ์คนหนึ่งเงยหน้าขึ้นมอง แล้วจึงตะโกนออกไปเสียงเข้ม

สำนักหลัวเทียน แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของหัวหน้าลาดตระเวน ไม่สามารถล่วงล้ำได้ง่าย ๆ สำหรับองครักษ์เหล่านี้แล้วนั้น หากทั้งสามคนไม่บอกกล่าวเหตุผลออกมา ก็จำเป็นต้องลงมือสั่งสอนเสียหน่อย ไม่เช่นนั้นไม่ว่าใครก็คงจะพากันบินขึ้นมาถึงที่นี่ เช่นนั้นบารมีของท่านหัวหน้าผู้ลาดตระเวนจะอยู่ตรงไหนกัน?

ฉีฝ่าเทียนชูป้ายบัญชาการที่เปล่งแสง “ข้าคือผู้ลาดตระเวนฉีฝ่าเทียน ได้รับคำสั่งให้เข้าพบท่านหัวหน้าผู้ลาดตระเวน”