มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 580
ป้ายบัญชาการของผู้ลาดตระเวนจดจำลมปราณที่เฉพาะเจาะจง องครักษ์บนหอคอยต้อนรับใช้ตัวสำนึกกวาดออกไป ก็สามารถยืนยันตัวตนได้ถูกต้อง

“พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะเข้าไปรายงาน” เสียงขององครักษ์ยังไม่ทันสิ้นลง ก็กลายเป็นลำแสงสีทอง บินขึ้นไปที่สำนักหลัวเทียนด้านบนสุด

หลังจากนั้นไม่นาน องครักษ์คนนั้นก็กลับมา “ในบรรดาพวกเจ้า ใครคือหลัวซิว?”

“ข้าเอง” หลัวซิวยืนขึ้น

“ท่านเจ้าเมืองมีคำสั่ง ให้เจ้าเข้าไปได้” องครักษ์พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

หลัวซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “เช่นนั้นเพื่อนของข้ากับท่านผู้ลาดตระเวนฉีเล่า?”

“ท่านเจ้าเมือง รับสั่งเพียงแค่ให้เจ้าเข้าไป อีกสองคนไม่สามารถเข้าไปได้” น้ำเสียงขององครักษ์ ไม่มีวี่แววของหนทางเจรจา

“เจ้าสำนักหลัว ถึงอย่างไรท่านเจ้าเมืองก็เรียกพบเพียงแค่ท่านคนเดียว ท่านก็เข้าไปเถิด” ฉีฝ่าเทียนเอ่ยปาก เขาเป็นเพียงแค่ผู้ลาดตระเวนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอจะได้เข้าพบหัวหน้าลาดตระเวน นั่นก็เป็นเรื่องที่ปกติมาก

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ต้องรบกวนท่านผู้ลาดตระเวนฉีพาเยว่เอ๋อร์ ไปพักผ่อนในที่ปลอดภัยด้วย” หลัวซิวพูด

เมื่อพูดจบ หลัวซิวก็หันไปทางองครักษ์บนหอคอยต้อนรับ “รบกวนท่านนำทางไปเถอะ”

บันไดสีทองก็ยืนออกไปจากหอคอยต้อนรับ ยืดยาวไปจนถึงหน้าสำนักหลัวเทียนที่อยู่สูงสุด

หลัวซิวทำตามเงื่อนไขขององครักษ์ สาวเท้าก้าวขึ้นไปบนบันได เดินขึ้นไปยังสำนักหลัวเทียน

เหยียนเยว่เอ๋อร์มองแผ่นหลังของหลัวซิว “ผู้ลาดตระเวนฉี หลัวซิวจะไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”

ฉีฝ่าเทียนได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ท่านหัวหน้าผู้ลาดตระเวนเป็นใครกันล่ะ? เจ้าสำนักหลัวจะไม่มีเรื่องอะไรหรอก เจ้าวางใจได้”

บันไดสีทองนั้นยาวมาก มีราว ๆ ร้อยขั้น ลำแสงสีทองส่องประกาย ราวกับของจริง เมื่อก้าวขึ้นไปด้านบน มองไปรอบ ๆ ด้าน สามารถมองเห็นเมืองหลัวเทียนได้ทั้งเมือง

เมื่อระยะห่างของสำนักหลัวเทียนยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ หลัวซิวก็ยิ่งรับรู้ได้อย่างชัดเจน ภายในสำนักหลัวเทียน มีลมปราณที่น่าเกรงขามแพร่กระจายออกมาเป็นระลอก ๆ

ลมปราณเหล่านี้ไม่ได้เป็นความตั้งใจในการแพร่ออกมา แต่หลัวซิวนั้นมีความสามารถของกระแสสัมผัสพลังชีวิต จึงสามารถสัมผัสสิ่งที่เข้ามากระทบร่างของตนได้ ยิ่งใกล้สำนักหลัวเทียนเท่าไร ก็รู้สึกว่าแต่ละก้าวเดินนั้นยิ่งยากขึ้นไปเท่านั้น

ภายในสำนักหลัวเทียน มีร่างสี่ร่างนั่งอยู่ บนที่นั่งผู้นำนั้น คือชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมชุดคลุมยาวสีแดงเพลิง ส่วนอีกสามคนนั้น คนหนึ่งคือหญิงสาวที่สวมชุดสีเขียวอ่อน คนหนึ่งคือชายวัยกลางคนที่สวมชุดสีดำ อีกคนหนึ่งคือชายชราสวมชุดสีขาว

หนุ่มชุดคลุมแดงคนนั้น ก็คือหัวหน้าลาดตระเวนแห่งอาณาจักรใต้ นามว่าหวูชิว ดูราวกับเป็นชายหนุ่ม แต่ความจริงแล้วนั้นเป็นเฆ่าประหลาดที่มีอายุนับพันปีแล้ว เพียงเพราะว่าวรยุทธ์ที่ฝึกตนนั้นมีวิชาเยาว์วัย นี่คือวิธีที่สามารถคงความอ่อนเยาว์อยู่เสมอ

ส่วนหญิงสาวชุดเขียวอ่อน ดูเหมือนอายุประมาณ20ต้น ๆ คือหัวหน้าลาดตระเวนแห่งอาณาจักรตะวันออก นามว่าชิงหานยู่ ผู้คนมักจะเรียกกันว่าเทพธิดาหานยู่บุคลิกและใบหน้าที่สง่างามเช่นนั้น ทำให้คนที่ยืนต่อหน้านาง รู้สึกว่าตนขี้เหล่อย่างช่วยไม่ได้

ยังมีชายวัยกลางคนชุดสีดำคือหัวหน้าลาดตระเวนแห่งอาณาจักรเหนือ ต้วนฉือเทียน ส่วนชายชราชุดขาวคือหัวหน้าลาดตระเวนอาณาจักรตะวันตกเซียวโป๋

หัวหน้าลาดตระเวนสี่อาณาจักรใหญ่ที่บัญชาแดนศักดิสิทธิ์ ทุกคนต่างก็เป็นถึงพรีเมี่ยมยุทธ์ หวูชิวคือเจ้ายุทธจักรอัคคีเทพธิดาหานยู่คือเจ้ายุทธจักรหยกนารา ต้วนฉือเทียนคือเจ้ายุทธจักรพลานุภาพ เซียวโป๋คือเจ้ายุทธจักรมรณา

นอกจากเจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวแล้ว ด้านหลังหัวหน้าลาดตระเวนทั้งสามคนต่างก็มีหนุ่มสาววัยเยาว์ยืนอยู่ด้วย

“นี่คืออัจฉริยะแห่งอาณาจักรใต้ที่ท่านหวูชิวเลือกมางั้นหรือ?” เทพธิดาหานยู่พูดด้วยรอยยิ้ม

ในขณะที่หลัวซิวกำลังเดินขึ้นบันไดขึ้นมานั้น พรีเมี่ยมยุทธ์ทั้งสี่คนที่อยู่ในสำนัก ก็สามารถรับรู้ได้ถึงลมปราณของเขา

หวูชิวยิ้มพร้อมกับพยักหน้า “เทพธิดาหานยู่คิดว่าการเลือกคนผู้นี้ของข้าเป็นเช่นไร?”

เทพธิดาหานยู่ยิ้มเล็กน้อย “ในบรรดาพวกเราเจ้ายุทธจักรทั้งสี่ ในด้านการมองคนนั้นท่านมองได้ขาดที่สุดเสมอ ในตอนนี้ชายวัยเยาว์ผู้นี้ได้รับความสำคัญจากท่าน ดูแล้วก็คงจะมีคุณสมบัติใดที่ไม่ธรรมดาเป็นแน่?”

ในเวลานี้เอง หัวหน้าลาดตระเวนอาณาจักรเหนือ‘ต้วนฉือเทียน’กลับพ่นลมหายใจออกมา “ข้าเห็นเพียงเจ้าหนุ่มคนนี้มีผลการฝึกตนแดนจักรพรรดิยุทธ์ขั้น7 ความสามารถระดับนี้ยังหวังจะได้รับโควตาแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นล่างงั้นหรือ?”

“เจ้ายุทธจักรพลานุภาพพูดเช่นนี้คงไม่ถูก เจ้าหนุ่มคนนี้ผลการฝึกตนไม่สูง แต่ลมปราณสงบมั่นคง ที่น่ายกย่องที่สุดคือ บรรดาพวกเราทั้งสี่ต่างก็เก็บซ่อนพลังลมปราณเอาไว้ แต่เขากลับดูเหมือนว่าจะสามารถสัมผัสลมปราณของพวกเราได้ตั้งแต่อยู่ด้านนอก กระทั่งสามารถรับแรงกดจากพลังลมปราณของพวกเราแล้วเดินขึ้นมาที่สำนักหลัวเทียนแห่งนี้ได้” เทพธิดาหานยู่ขมวดคิ้วพูดตอบ

“ตลกแล้ว! ด้วยความสามารถของเราในการระงับลมปราณ เพียงแค่จักรพรรดิยุทธ์ตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเท่านั้น ยังสามารถรับรู้ได้ถึงลมปราณของเราเช่นนั้นหรือ?” ต้วนฉือเทียนมุ่ยปาก “จะให้ข้าพูด เจ้าหนูคนนี้คงจะไม่เคยเผชิญโลกกว้างเสียมากกว่า เพราะกังวล จึงได้ก้าวเดินอย่างลำบาก ขี้ขลาดตาขาว!”