ตอนที่ 705 ช่วยซีอาบน้ำ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

นี่เป็นครั้งแรกที่จิ่วเยี่ยจริงจังกับการทำอาหาร แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีได้เห็นกับยาพิษ และต้องการจะหลีกเลี่ยงมัน

ไม่สิ มู่เฉียนซีตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เห็นกับยาพิษ แต่เมื่อเห็นกับอาหารสีดำนี้ กระเพาะของนางก็กระตุกขึ้นทันที

“แค่คำเดียว!” องค์ชายจิ่วเยี่ยที่โดนรังเกียจรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก จึงกล่าวขึ้นอย่างเผด็จการ

“ไม่!” เพื่อปกป้องกระเพาะของตัวเอง มู่เฉียนซีทำได้เพียงแค่ปฏิเสธจิ่วเยี่ยไปอย่างไร้ความปรานี

มู่เฉียนซีปิดปากแน่นไม่ยอมกิน จิ่วเยี่ยทำได้แค่คิดหาวิธีอื่น ครั้นแล้วเขาจึงกินอาหารสีดำในช้อนนั้นเอง และจะใช้ปากของตัวเองป้อนให้กับมู่เฉียนซี

อื้อ!

ผลที่ได้คือ จิ่วเยี่ยถึงกับนิ่งอึ้งไป

ในฐานะที่เป็นองค์ชายแห่งแดนนรก ความแข็งแกร่งของจิ่วเยี่ยนั้นถึงจุดที่ไม่ต้องกินอาหารแล้ว ถึงแม้ว่าบางครั้งจะกินอาหารเพื่อปรับสมดุลอยู่บ้าง แต่อาหารนั้นก็เป็นอาหารที่ดีมาก

ส่วนฝีมือการทำอาหารของมู่เฉียนซีนั้นก็ไม่เลวเลย แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยกินอาหารที่ไม่อร่อยเช่นนี้มาก่อน

สิ่งที่ยากจะเอ่ยปากนั้นก็คือ อาหารที่รสชาติแย่เช่นนี้ เป็นฝีมือของเขาเอง

เดิมทีเขาคิดจะใช้ปากของเขาป้อนมู่เฉียนซี แต่อาหารที่รสชาติแย่เช่นนี้ แม้แต่ตัวเขาเองก็แทบจะกินไม่ได้ เขาทนไม่ได้ที่จะให้มู่เฉียนซีกินอาหารรสชาติแย่เช่นนี้ ดังนั้น เขาจึงกลืนลงไปเอง

ริมฝีปากของจิ่วเยี่ยอยู่ใกล้กับริมฝีปากของมู่เฉียนซีมาก ดังนั้นใบหน้าของนางจึงอยู่ใกล้กับจิ่วเยี่ยมาก การแสดงออกทางสีหน้าของเขานั้น มู่เฉียนซีเห็นมันอย่างชัดเจน

นางคิดในใจว่า ‘รสชาติมันต้องแย่มากแน่ ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นจิ่วเยี่ยแสดงสีหน้าที่รับไม่ได้เช่นนี้’

เขาไม่ได้ป้อนให้นาง อีกทั้งยังกลืนอาหารลงไปเองอีกด้วย!

ที่จิ่วเยี่ยกินเองเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นเพราะ…

เขาเปิดปากมู่เฉียนซีอย่างเผด็จการ และจูบนางอย่างเมามัน

อื้อ!

มู่เฉียนซีรู้สึกหายใจอย่างยากลำบาก ภายใต้สายตาการฟ้องร้องของนางคู่นั้น ในที่สุดจิ่วเยี่ยก็ค่อย ๆ ปล่อยนาง

“เจ้า…”

“ดูเหมือนจำนวนที่ค้างอยู่ข้าใช้ให้เจ้าครบแล้วนะ นึกไม่ถึงว่าเจ้าว่าทำอีก!” มู่เฉียนซีกล่าวพลางหอบหายใจ

“ซีกินอาหารที่ข้าทำไม่ได้ เช่นนั้นก็กินข้าแทน!” จิ่วเยี่ยยื่นหน้าไปด้านหน้าอีกครั้ง

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เมื่อครู่เจ้ากินอาหารสีดำนั่นที่เจ้าทำ รสชาติแย่มากเลยใช่หรือไม่!”

“อืม ต้องทิ้ง!”

ตอนนี้จิ่วเยี่ยรู้สึกว่าการทำอาหารนั้นยากยิ่งกว่าการฝึกทักษะโบราณเสียอีก

เพียงแค่ฟังจากเสียงระเบิดที่ดังขึ้นจากสำนักศึกษา มู่เฉียนซีก็รู้แล้วว่าจิ่วเยี่ยนั้นต้องใช้ความพยายามมากมายแค่ไหนกว่าจะได้บะหมี่หยางชุนถ้วยนี้มา อีกทั้งเขายังกินมันลงไปทั้ง ๆ ที่รู้ว่ารสชาติมันแย่มากแค่ไหน

จะขอโทษกระเพาะของตนเอง หรือจะขอโทษจิ่วเยี่ยดีนะ!

มู่เฉียนซีกำหมัดแน่น ดวงตาจ้องมองไปที่บุรุษผู้งดงามอย่างไร้ที่เปรียบตรงหน้า และนางก็ตัดสินใจที่จะขอโทษกระเพาะของตนเอง

“ไหน ๆ ก็ทำมาแล้ว จะทิ้งให้เสียของทำไมล่ะ ?”

“ซี!” จิ่วเยี่ยก็คิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ มู่เฉียนซีจะเปลี่ยนใจเช่นนี้!

“อา!” มู่เฉียนซีอ้าปากพลางเปล่งเสียง

“ป้อนข้าสิ!”

“ไม่ได้!” ก่อนหน้านี้ยังบีบคั้นให้มู่เฉียนซีกินอยู่เลย แต่ตอนนี้จิ่วเยี่ยกลับยืนกรานส่ายหน้าอย่างเดียว

“นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าลงมือทำอาหาร หากทิ้งไปก็เสียดายของแย่ ข้าจะรู้สึกผิดเอานะ ข้าไม่อยากรู้สึกผิดต่อเจ้า เจ้าเข้าใจข้าหรือไม่ ?”

จิ่วเยี่ยเห็นความจริงใจภายในดวงตาคู่นั้นของมู่เฉียนซี “แค่นิดเดียวนะ!”

ครั้นแล้วจิ่วเยี่ยก็ป้อนอาหารสีดำคำเล็ก ๆ นั้นให้มู่เฉียนซี นางกินคำเล็ก ๆ นั้นไป จากนั้นใบหน้าของนางก็พลันเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำขึ้น

ในที่สุดนางก็ได้พบเจอกับอาหารที่รสชาติแย่ที่สุดในโลกแล้ว

ต่อให้เป็นยาพิษที่รสชาติแย่ที่สุดที่นางเคยปรุงมา ก็ต้องหลีกทางให้กับอาหารสีดำถ้วยนี้

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ก็แค่รสชาติมันแปลกประหลาดไปหน่อยก็เท่านั้นเอง ไม่ได้มีผลต่อกระเพาะของข้าเลย ข้าเอาอีก!”

คราวนี้จิ่วเยี่ยตักคำใหญ่ แต่เขากลับป้อนเข้าปากตัวเอง มู่เฉียนซีกล่าว “นี่เจ้าทำให้ข้าไม่ใช่เหรอ เหตุใดถึงได้แย่งข้าเช่นนี้ล่ะ!”

“ข้ากับซี กินคนละคำ!”

มู่เฉียนซีหมดคำพูดจริง ๆ

ถึงแม้ว่าจะกินคนละคำ แต่จิ่วเยี่ยนั้นกินคำใหญ่กว่า ส่วนที่ป้อนให้นางเป็นแค่คำเล็ก ๆ ดังนั้นอาหารสีดำในชามนี้ส่วนมากจะเข้าปากจิ่วเยี่ยมากกว่า

หลังจากที่ทั้งสองกินหมดก็ได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก สีหน้าของทั้งสองก็ไม่ค่อยจะดีนัก

มู่เฉียนซีขยับตัวเข้าไปใกล้เขา และกล่าวด้วยเสียงสองฟังแล้วดูน่ารักว่า “คนบ้า!”

เขาไม่อยากให้นางรู้สึกผิดต่อน้ำใจที่เขามีให้ แต่เขาก็ทนไม่ได้ที่จะให้นางกินอาหารรสชาติแย่ ๆ เช่นนี้ และนี่เป็นการตัดสินใจที่สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว

หลังจากศึกอันดุเดือดครั้งนี้จบลง ชีวิตอันสงบสุขของทั้งสองก็ทำให้มู่เฉียนซีมีความสุขขึ้นมาทั้งกายใจ และดูเหมือนทั้งสองจะเพลิดเพลินกับช่วงเวลาที่สงบสุขนี้เป็นอย่างมาก

เขาคือผู้เผด็จการที่ไม่ยอมให้นางกล่าวคำปฏิเสธ เขาคือผู้ปกป้องนางที่ต้องการจะเอาชนะใจนาง ไร้ทางหลีกเลี่ยง และไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงได้เลย

“อาบน้ำ!” ยามรัตติกาลก่อนจะเข้านอน มู่เฉียนซีได้ยินจิ่วเยี่ยพ่นคำพูดสองคำนี้ออกมา

“จิ่วเยี่ย เรื่องอาบน้ำ เจ้าไม่ต้องช่วยข้าก็ได้! จริง ๆ นะ ตอนนี้ข้าไม่ได้รู้สึกเจ็บแล้ว”

“หากอาบน้ำ น้ำจะโดนแผลเอาได้ง่าย ๆ ข้าจำเป็นต้องอยู่ข้างกายเจ้า” จิ่วเยี่ยตอบ

“หากว่าจะเฝ้าดูอยู่เฉย ๆ ก็ไม่เท่ากับให้ข้าช่วยซีอาบ!” ในขณะที่กล่าวนั้น เขาก็ได้อุ้มมู่เฉียนซีไปที่อ่างอาบน้ำ

อ่างอาบน้ำที่ทำด้วยหยกอุ่นตอนนี้ก็ได้เติมน้ำอุ่นเข้าไปเต็มแล้ว

ปลายนิ้วของจิ่วเยี่ยลูบไล้ไปทั่วร่างของมู่เฉียนซี ไม่นานนักร่างของมู่เฉียนซีก็เปลือยไปทั้งกาย

เขาค่อย ๆ วางร่างของมู่เฉียนซีลงในอ่าง ไม่ให้แผลของนางโดนน้ำ

ทว่า หลังจากที่จิ่วเยี่ยลงไปในอ่าง ระดับน้ำก็เพิ่มสูงขึ้น จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีไว้ ไม่ให้น้ำโดนแผลนางแม้แต่น้อย

ร่างของทั้งสองแนบชิดติดกัน และมู่เฉียนซีก็ซบลงบนร่างของเขา

มู่เฉียนซีกล่าวเสียงต่ำว่า “จิ่วเยี่ย ข้าว่าเจ้าออกไปเถอะนะ อาบสองคนเช่นนี้ข้าว่ามันร้อนเกินไป!”

“เช่นนั้นข้าจะปรับอุณหภูมิให้ต่ำลง!”

อุณหภูมิน้ำลดลงภายใต้พลังการควบคุมของจิ่วเยี่ย

“เอ่อ…ข้าว่ามันอึดอัดไปหน่อยนะ!”

“วันพรุ่งข้าจะเปลี่ยนให้ใหญ่กว่าเดิม วันนี้ก็ใช้นี่ไปก่อนก็แล้วกัน!”

มือของจิ่วเยี่ยเคลื่อนไหวอยู่ในน้ำ และจับเท้าของมู่เฉียนซีไว้ เขากล่าวเสียงขรึมว่า “ตอนนี้ ข้าจะช่วยซีอาบน้ำ!”

เขาถูนิ้วเท้าของนางทุกนิ้วอย่างระมัดระวัง แต่อุณหภูมิในร่างกายของมู่เฉียนซีนั้นกลับเร่าร้อนขึ้น

ถึงแม้ว่าอุณหภูมิของน้ำจะอยู่ในระดับที่เหมาะสม แต่ทั่วทั้งร่างของนางก็แทบจะลุกเป็นไฟก็มิปาน

มู่เฉียนซีแอบคิดในใจว่า ‘หวงจิ่วเยี่ย เจ้ามันช่างเป็นปีศาจที่ยั่วยวนใจข้าเหลือเกิน’

ในที่สุดความทรมานนั้นก็ได้จบลงแล้ว

ดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกคู่นั้นตอนนี้จ้องมองไปที่มู่เฉียนซี “ซี! จะไม่ให้รางวัลข้าหน่อยเหรอ ?”

“รางวัล ข้าไม่วางยาพิษเจ้าให้เจ้าเป็นหินสลักก็ดีแค่ไหนแล้ว” มู่เฉียนซีกัดฟันกล่าว

มือของจิ่วเยี่ยจับคางมู่เฉียนซีให้เงยขึ้น ลำคอยาวขาวดั่งหงส์ปรากฏตรงหน้าจิ่วเยี่ย

สายตาของเขาลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นก็บรรจงจูบลงไป

เขาบรรจงจูบลงเบา ๆ และค่อย ๆ เพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นริมฝีปากก็เลื่อนขึ้นด้านบน

สิ่งนี้ทำให้หัวใจของมู่เฉียนซีเต้นแรงขึ้น แต่เขาก็ยังคงกลืนกินนางอย่างช้า ๆ ทีละนิด ๆ เพื่อโจมตีสติของนาง

มู่เฉียนซีรู้สึกว่าตนเองนั้นกำลังจะจมน้ำจริง ๆ นางเอามือคล้องคอจิ่วเยี่ยไว้ และได้ประทับรอยจูบลงบนคอของเขา นางต้องการจะยึดครองพื้นที่นี้ ทว่า ภายใต้การตอบโต้อย่างเผด็จการของจิ่วเยี่ย ทำให้นางต้องพ่ายแพ้อย่างไม่เป็นท่าไปอีกครั้ง