ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
••••••••••••••••••••
**บทที่****201:**ในดาบเดียว
เมื่อมองเห็นดาบธาตุทั้งห้าที่ดูแข็งแกร่งเช่นนั้น เหล่าสี่พี่น้องคล้ายไม่ต้องการแสดงออกว่าเกรงกลัวต่อมัน จิน ยิน ถง และเที่ยทำการคำรามออกมาพร้อมกับปลดปล่อยปราณจิตวิญญาณเพื่อปกป้องตนเองทันที ในเวลานั้นฝ่ามือของพวกเขาส่องประกายสีทองออกมาเพื่อป้องกันการโจมตีของดาบธาตุทั้งห้า
พี่ใหญ่จินกระโดดมาที่ด้านหน้าเจ้าอ้วนทันทีพร้อมกับคำรามออกมา “ไขมันบัดซบ เจ้ากล้ามากที่คิดโจมตีพวกเราเช่นนี้ ดังนั้นพวกเราจะไม่ละเว้นให้อีกต่อไป เหล่าพี่น้องข้า โจมตีมันด้วยพลังทั้งหมดของพวกเจ้า วันนี้เราจะทำลายเจ้าไขมันนี้ให้สิ้นซาก!”
เมื่อทั้งสามคนได้ยินเช่นนั้น ในขณะที่กำลังจะดำเนินการต่อ บางสิ่งบางอย่างได้เกิดในใจของพวกเขา ‘พวกเราทั้งสี่จะต่อสู้ด้วยกัน โดยมีหนึ่งคนเป็นผู้ฝึกตนระดับจินตัน แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่พวกเราจะพ่ายแพ้?’ แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาทั้งหมดประหลาดใจก็คือเจ้าอ้วนเป็นฝ่ายเปิดการโจมตีก่อน กล่าวก็คือพี่น้องทั้งสี่สามารถอ้างการป้องกันไว้ได้ กระทั่งพวกเขาบดขยี้เจ้าอ้วน แต่อาวุโสไม่อาจเอาเรื่องพวกเขาได้! โอกาสเช่นนี้ในร้อยปีคงจะเกิดขึ้นสักครั้ง แล้วเช่นนี้พวกเขาจะปล่อยไปได้อย่างไร? ดังนั้นพวกเขาใช้ทั้งหมดที่มีเพื่อป้องกันพลังของดาบธาตุทั้งห้าเพื่อเปิดช่องทางให้พี่ใหญ่จินโจมตีจากท้องฟ้า
เมื่อได้ยินเสียงสนทนาของเหล่าพี่น้องทั้งสี่ เจ้าอ้วนโกรธจัดทันที เขาไม่อาจช่วยอะไรได้นอกจากสบถในใจเท่านั้น ‘เจ้าหัวล้านผู้โง่เขลา ไม่เพียงแต่เข้ามาเหยียบย่ำในบ้านของข้า แต่ยังกระทั่งยืนมองร่างกายที่เปลือยเปล่าของหญิงสาวที่ข้าดูแลอยู่ แล้วยังต้องการที่จะสังหารข้าอีกงั้นหรือ! พวกเจ้ามันสารเลว! ถ้าหากพวกเจ้าคิดที่จะสังหารข้าแล้วก็อย่ามาร้องขอความเมตตาจากข้าในภายหลัง!’
เมื่อคิดเช่นนั้น เจ้าอ้วนโกรธจัดถึงจุดที่เขาไม่ปกปิดจิตสังหารภายในจิตใจอีกต่อไป เขาคิดจะใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อสังหารพวกเขาให้หมด
ภายใต้เสียงหัวเราะที่เย็นชา เจ้าอ้วนหยิบระฆังทองแดงออกมา ขนาดของมันในตอนนี้มีเพียงไม่กี่ฟุตเท่านั้น พร้อมกับหันหน้าไปหาพี่ใหญ่จินอย่างตั้งใจ จากนั้นเขาใส่ยันต์จิตวิญญาณลงไปที่ฐานของระฆัง
เกิดเป็นคลื่นเสียงปรากฏออกมาจากระฆังพร้อมกับพุ่งไปที่พี่ใหญ่จินซึ่งลอยอยู่กลางอากาศ
เขาปลดปล่อยเคล็ดวิชาเสียงอมตะทำลายกระดูกออกไป จากนั้นระฆังได้ปล่อยการโจมตีที่สามารถทำลายภูเขาทั้งลูกได้ออกไป สถานที่ที่คลื่นเสียงได้ผ่านไปล้วนแต่ถูกทำลายลงอย่างราบคาบ แม้แต่บ้านของเขานั้นก็ไม่ถูกละเว้นแต่อย่างใด
แม้ว่าอีกฝ่ายจะป้องกันตนเองด้วยปราณจิตวิญญาณและด้วยสถานะผู้ฝึกตนระดับจินตัน เขาก็ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากถูกส่งให้ลอยออกไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเขาในตอนนี้ราวกับถูกภูเขาทั้งลูกทุบลงอย่างไม่ใยดี เวลาเพียงชั่วพริบตาเขาถูกส่งให้ลอยออกไปนับร้อยฟุต
เมื่อพี่ใหญ่จินถูกส่งออกไป เจ้าอ้วนวางระฆังไว้ที่ด้านหลังเพื่อปกป้องหานหลิงเฟิงและมู่ซื่อหรง จากนั้นเขาก็ปลดปล่อยภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าออกมา
เจ้าอ้วนตอนนี้อยู่ระดับปฐมภูมิขั้นกลาง ปีศาจหญิงงามทั้งเก้าต่างก็แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างมาก ความแข็งแกร่งของพวกนางตอนนี้ใกล้เคียงผู้ฝึกตนระดับจินตัน พวกนางสามารถเคลื่อนไหวไปไหนมาไหนได้อย่างไร้ร่องรอย แม้จะเป็นเวลากลางวันอย่างตอนนี้ หากคิดตรวจจับการเคลื่อนไหวของพวกนางให้พบก็ไม่ใช่เรื่องง่าย สถานการณ์ยุ่งยากมากยิ่งขึ้นเมื่อพี่น้องทั้งสามไม่อาจจัดการกับดาบธาตุทั้งห้าเล่มได้ ผลลัพธ์ปรากฏคือเครื่องเรือนทั้งหมดในห้องนอนถูกทำลายย่อยยับ ดาบบินได้บินว่อนไปทั่วจนเกิดความโกลาหลอย่างแท้จริง
เมื่อปีศาจหญิงงามทั้งเก้าออกมา พวกเขายิ่งจัดการทุกอย่างได้ยากเย็นยิ่งขึ้นไปอีก เพราะว่าพวกนางสามารถทะลุผ่านทุกสิ่งอย่างได้ ทำให้สามารถควบคุมเหล่าพี่น้องทั้งสามคนได้อย่างง่ายดาย
เสี้ยวนาทีสุดท้ายกว่าสามพี่น้องรู้สึกตัวว่าผิดปกติ นับว่าน่าเวทนาที่พวกเขาไม่อาจควบคุมร่างกายของตัวเองได้อีกต่อไป สิ่งเดียวที่แสดงออกมาในตอนนี้คือสีหน้าที่ผิดหวังโดยสมบูรณ์
เจ้าอ้วนไม่ได้แสดงความเมตตาต่อพวกเขาแต่อย่างใด เขาหยิบเอาดาบอินทรีทองออกมาพร้อมกับสะบัดมันอย่างรุนแรงด้วยความโกรธ ดังนั้นโลกทั้งใบพลันดับลงทันทีพร้อมกับศีรษะของสามพี่น้องที่ร่วงหล่น พร้อมกันนั้นเลือดก็พุ่งออกมาจากลำคอของพวกเขาราวกับลาวาพุ่งออกมาจากปล่องภูเขาไฟอย่างรุนแรง
ด้วยการตัดเพียงครั้งเดียว เขาจัดการศีรษะของทั้งสามคนได้ เห็นได้ว่าพลังของภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้านั้นแข็งแกร่งอย่างมาก แน่นอนว่าความพิเศษของมันนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถค้นหาที่ใดได้อีก ไม่ว่าจะเป็นการซุ่มโจมตีหรือโจมตีอย่างเปิดเผย มันทำได้อย่างแข็งแกร่งและไม่พ่ายแพ้ต่อผู้ใด แม้เหล่าพี่น้องทั้งสามจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับพี่ใหญ่จิน แต่พวกเขาก็ยังอยู่ในระดับปฐมภูมิขั้นสุดท้าย ปราณจิตวิญญาณที่เขาร่ายออกมาป้องกันตนเองนั้นแม้แต่ผู้ฝึกตนระดับจินตันขั้นต้นก็ไม่อาจทำลายลงได้โดยง่าย แม้ว่าเจ้าอ้วนจะมีดาบธาตุทั้งห้าอยู่ในมือ เขายังต้องการพลังเสริมบางอย่างเพื่อสังหารและทำลายพวกเขา!
หลังจากที่ปีศาจหญิงงามเข้าควบคุมร่างกายของพวกเขา พวกนางปลดปล่อยให้ปราณจิตวิญญาณที่ป้องกันอยู่หายไป พร้อมกับรับการโจมตีจากเจ้าอ้วนภายในครั้งเดียว ในขณะนั้นพี่ใหญ่จินยังคงอยู่ในอากาศไกลนับพันฟุต!
แม้กระทั่งพี่ใหญ่จินยังตกใจอย่างมากกับสถานการณ์เช่นนี้ เพราะเขาเป็นผู้ฝึกตนร่างกาย ทว่าคลื่นเสียงเช่นนี้กลับทำให้เขากระเด็นออกมาได้ไกลขนาดนี้ อีกทั้งเขายังอยู่ในสภาวะการป้องกันตนเองอีกด้วย นั่นทำให้เขาตกใจพอสมควรแต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด
ในขณะที่เขากำลังลอยอยู่ในอากาศ เขาเห็นภาพพี่น้องของตนเองถูกตัดหัว ในขณะนั้นร่างกายของเขาราวกับถูกเผาไหม้อย่างรุนแรง มันเป็นความเจ็บปวดที่ไม่สามารถอธิบายได้!
อย่างแรกนั้น ทั้งสี่ต่างเติบโตมาด้วยกัน ความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นเหนียวแน่นอย่างยิ่ง พวกเขาสาบานว่าจะเป็นผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินด้วยกัน ประสบความสำเร็จไปพร้อมกัน แต่ในวันนี้พี่น้องของเขาทั้งหมดตายแล้ว! จะให้จินที่เป็นพี่ใหญ่อดทนกับสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร?
“อ๊าก!!!!” จินเปล่งเสียงคำรามร้องออกมาขณะที่ตนเองอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับตะโกนดังลั่น “ไอ้ไขมันสารเลว ข้าจะไม่ขอเป็นผู้คนอีกต่อไปหากไม่ได้สังหารเจ้า!”
ขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น ร่างที่ลอยลิ่วพลันหยุดขณะพุ่งเข้าหาเจ้าอ้วน
เมื่อเห็นดังนั้น เจ้าอ้วนหัวเราะอย่างสบายอารมณ์พร้อมกางแขนออกทันที สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ห้าลูกปรากฏแทบในทันที มันหมุนรอบเขาอย่างต่อเนื่อง มันหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว กลายเป็นบอลสายฟ้าหลากสี จากนั้นเขาปล่อยมันออกไปเพื่อปะทะกับพี่ใหญ่จินที่กำลังพุ่งเข้ามา
“สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์หยินหยางแห่งธาตุทั้งห้า!” ในขณะที่พี่ใหญ่จินเห็นเช่นนั้น เขากรีดร้องออกมาพร้อมกับหันหลังกลับทันทีโดยหวังว่าจะเปลี่ยนวิถีของพวกมัน
อย่างไรแล้วมันไม่ง่ายนักที่จะหลบหลีกการโจมตีของบอลสายฟ้าเมื่อเจ้าอ้วนควบคุมมันด้วยสัมผัสวิญญาณ แล้วเขาจะหลบมันได้อย่างไร?
แม้ว่าจินจะมีความเร็วแต่เขาก็ยังช้ากว่าลูกบอลสายฟ้า นอกจากนั้นเขายังถูกโจมตีไปแล้วหนึ่งครั้งโดยคลื่นเสียงของระฆังทองแดงพร้อมกับยังมึนงงอยู่เล็กน้อย แม้ว่าเขาจะใช้ความเร็วสูงสุดในขณะนี้ก็ไม่อาจหลบหนีบอลสายฟ้าได้พ้น
เขาหยิบดาบดำออกมาอย่างหมดหนทาง พร้อมกับโยนมันไปที่บอลสายฟ้าด้วยพลังทั้งหมดของเขา หลังจากที่มันปะทะกันก็พลันเกิดระเบิดออกทันทีสร้างเป็นภูเขาไฟขนาดใหญ่ไปไกลกว่าพันฟุต
แม้ว่าจินจะอยู่ห่างจากบอลสายฟ้าร้อยกว่าฟุต แต่คลื่นพลังของมันยังส่งผลกระทบต่อร่างกายของเขา จินกระเด็นออกไปอีกครั้งพร้อมกับเสียงกรีดร้องอย่างรุนแรง
ผลกระทบในครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่าตอนที่โดนโจมตีด้วยคลื่นเสียงของระฆังทองแดง ปราณจิตวิญญาณที่จินใช้ปกป้องตนเองถูกทำลายโดยสมบูรณ์
ไม่กี่อึดใจเขาร่วงหล่นกับพื้นพร้อมกับสะเก็ดสายฟ้าที่หลงเหลืออยู่ ในขณะนั้นร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยถูกเผาไหม้ บางแห่งบนร่างกายเปิดเผยให้เห็นถึงกระดูกภายใน โดยเฉพาะใบหน้าของเขาที่ผิวหนังได้หายไปครึ่งและเผยให้เห็นถึงกระดูกและฟันที่อยู่ภายในอย่างชัดเจน แม้ว่าด้านซ้ายของเขาจะดีกว่า แต่มันก็ยังคงไม่สามารถหลบหลีกการถูกเผาได้ ภาพที่เห็นนี้นับว่าน่าสังเวชมากนัก
ถ้าหากไม่ใช่ความจริงที่ว่าระฆังทองแดงได้ทำลายปราณจิตวิญญาณของเขาไปมากในตอนแรก ในฐานะผู้ฝึกตนระดับจินตันเขาจะไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้อย่างแน่นอน แต่เขาสูญเสียการควบคุมของตนเองไปเมื่อโกรธจัด การตายของน้องทั้งสามทำให้เขาสูญเสียสติไปจนหมดสิ้น ดังนั้นเขาจึงพุ่งเข้าหาเจ้าอ้วนด้วยปราณจิตวิญญาณที่อ่อนแอ หลังจากนั้นจึงถูกทุบตีด้วยสายฟ้าอย่างรุนแรง แม้จะเป็นผู้ฝึกตนระดับจินตันก็ไม่สามารถรับมือได้โดยง่าย กรณีนี้หากไม่บาดเจ็บสาหัสก็เป็นเรื่องประหลาดเกินไป! เพียงความจริงที่ว่าเขายังรอดชีวิตก็นับเป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งแล้ว
แม้ว่าจินจะอยู่ในสภาพเช่นนี้ เจ้าอ้วนก็หาได้คลายความโกรธลงไม่ เขาโบกมือของตนเพื่อปลดปล่อยดาบอินทรีทองและต้องการจะจัดการปัญหาตรงหน้าให้จบสิ้น
แต่หลังจากนั้นมีเสียงของผู้ฝึกตนระดับจินตันนับสิบกำลังบินลงมา แน่นอนว่าเจ้าอ้วนไม่สามารถสังหารเพื่อนร่วมสำนักที่กำลังบาดเจ็บสาหัสได้ เขาทำได้เพียงแค่หยุดมือแม้จะหงุดหงิดอยู่เต็มอก
ในขณะนี้สำนักเสวียนเทียนได้เปิดการแจ้งเตือนเพราะความรุนแรงของสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์หยินหยางแห่งธาตุทั้งห้าที่ระเบิดเมื่อครู่นี้ ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ สามารถมองเห็นมันอย่างชัดเจน
ก่อนอื่นที่ต้องรู้คือเจ้าอ้วนพักอาศัยอยู่ในลานชั้นในของสำนักเสวียนเทียนและถูกป้องกันอย่างแน่นหนา ไม่มีทางที่ผู้ใดสามารถรุกรานเข้ามาได้ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้ชีวิตของศิษย์ทุกคนรอดพ้นจากการโจมตีรุนแรง
ในขณะที่ทั้งหมดเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ลมหายใจของพวกเขาเย็นเฉียบและไม่รู้ว่าจะกล่าวสิ่งใดต่อ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีการต่อสู้กันอย่างลับ ๆ ภายในสำนักเสวียนเทียน แต่ไม่มีใครบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ วันนี้มีสามคนที่ถูกสังหารและอีกหนึ่งคนบาดเจ็บสาหัส นอกจากนี้คนที่ตายตกไปยังไม่ได้เป็นศิษย์ธรรมดา แต่กลับเป็นศิษย์ในการดูแลของคุณชายใหญ่และคุณชายรอง เรื่องนี้จะใหญ่โตสักเพียงใดกัน? แน่นอนว่าสิ่งนี้สามารถทำให้คุณชายใหญ่และคุณชายรองบ้าคลั่ง
ความจริงก็คือหลังจากนั้นไม่นาน คุณชายใหญ่ คุณชายรอง และนักบวชฮัวอวิ๋นต่างมาถึงสถานที่เกิดเหตุและเห็นสถานการณ์ทั้งหมด คุณชายใหญ่และคุณชายรองเจ็บปวดถึงขั้นที่น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งคู่ ศิษย์ที่เขาเฝ้าเลี้ยงดูมานับสิบปีตายตกไปสามคนและมีหนึ่งคนบาดเจ็บสาหัส ความเจ็บปวดนี้ราวกับหัวใจของพวกเขาถูกบีบอย่างรุนแรง
คุณชายใหญ่พุ่งเข้าหาจินทันทีเพื่อดูแลอาการบาดเจ็บของเขา คุณชายรองโกรธจัดพร้อมกับคำรามออกมาทันที “ใครทำเรื่องนี้!?”
เมื่อเห็นผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินโกรธจัด ทุกคนที่อยู่โดยรอบหวาดกลัวทันทีว่าพวกเขาจะโดนร่างแหไปด้วย แม้แต่เจ้าอ้วนยังตกใจ คุณชายรองเป็นถึงผู้ฝึกตนระดับหยวนหยิน แน่นอนว่าต้องแข็งแกร่งมากกว่าเขา ความจริงคือเจ้าอ้วนไม่กล้าแม้แต่จะยั่วยุเขาในเวลานี้ ถ้าหากเขาโจมตีออกมาด้วยความโกรธ เขาจะไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าตายได้อย่างไร ดังนั้นเจ้าอ้วนเลือกที่จะเงียบปากของตนและขยับเข้าไปยืนด้านข้างนักบวชฮัวอวิ๋น
แม้ว่าเจ้าอ้วนจะเงียบแต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเงียบตาม ในขณะนั้นจินเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับชี้ไปที่เจ้าอ้วนและร่ำไห้ออกมา “ท่านอาจารย์ เป็นมัน เป็นเจ้าไขมันสารเลวนั่นที่สังหารทั้งสามคน! ท่านจะต้องแก้แค้นให้กับพวกเรา!” ในขณะที่เขากล่าว น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างอย่างเจ็บปวด
เจ้าอ้วนตกใจและรีบซ่อนอยู่ด้านหลังนักบวชฮัวอวิ๋น สำหรับฮัวอวิ๋นที่เห็นเช่นนั้น เขาไม่สามารถทำสิ่งใดได้นอกจากหัวเราะอย่างขื่นขมและคิดภายในใจ ‘เจ้าอ้วน เจ้ากำลังใช้ข้าเพื่อหลบหนีจากโชคร้าย!’
แล้วนักบวชฮัวอวิ๋นจะยอมให้คุณชายรองสังหารเจ้าอ้วนได้อย่างไร? ดังนั้นเงาดาบสีแดงพุ่งออกจากมือของเขาทันที เพื่อบังคับให้คุณชายทั้งสองล่าถอยไป เขาเลือกกล่าวออกด้วยน้ำเสียงสงบ “ศิษย์น้อง มันคงจะไร้เหตุผลเกินไปถ้าหากเจ้าต้องการจะโจมตีศิษย์โดยไม่ถามถึงเหตุผลก่อน!”
“บัดซบ!” คุณชายรองสบถออกมาดังลั่น ในขณะนี้เขากำลังโกรธจัดและไม่สนใจสิ่งอีกแล้ว “ไขมันสารเลวนี้สังหารศิษย์ของข้า หลักฐานทั้งหมดกองอยู่ที่นี่ แต่เจ้ากลับหยุดข้าที่จะแก้แค้นงั้นหรือ?”
“อะไรคือหลักฐาน?” นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมาอย่างรังเกียจ “มันเป็นเพียงจินที่กล่าวหาเขา แต่ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ดังนั้นเราจึงต้องถามพวกเขาให้แน่ชัดก่อน ถูกต้องหรือไม่? อย่าบอกนะว่าเขาสมควรตายเพียงเพราะเจ้ากล่าวว่าเขาผิด?”
“เจ้า!” คุณชายรองเมื่อได้ยินก็อับจนถ้อยคำโดยทันที
อย่างน้อยในตอนนี้ยังมีคุณชายใหญ่ที่สามารถครองสติได้และดึงคุณชายรองกลับมา พร้อมกล่าวออกมาอย่างเย็นชา “ศิษย์พี่ฮัวอวิ๋นกล่าวถูกแล้ว ข้าจะอยู่ตรงนี้และรับฟังสิ่งที่เขาจะกล่าว! ซ่งจง ข้าไม่รู้ว่าศิษย์ของข้าไปสร้างความขุ่นเคืองอะไรให้กับเจ้า เหตุใดเจ้าจึงต้องสังหารพวกเขาทิ้ง!”