งานวันเกิด (1)

ฤดูหนาวเดินจากเมืองแห่งนี้ไปอย่างช้าๆ เหมือนกับคนแก่ถือไม้เท้า ฤดูใบไม้ผลิค่อยๆ ย่างกรายเข้ามาดุจสายลม ทุกอย่างกำลังฟื้นตัว ชีวิตใหม่กำลังเริ่มขึ้น

“เป่ยซี ทำไมไม่รีบบอกว่าพรุ่งนี้เป็นวันเกิดเธอล่ะ แบบนี้จะเตรียมของขวัญทันได้ยังไง” ถังเสวี่ยบ่นอุบ อี้เป่ยซีวางของในมือลง มองถังเสวี่ยที่เพิ่งกลับถึงหอด้วยความสงสัยเล็กน้อย

“เธอรู้ได้ยังไงเนี่ย?”

คราวนี้ถึงตาถังเสวี่ยสับสนบ้าง เธอมองอี้เป่ยซี เมื่อมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดเล่นจึงเอ่ยปาก “อ๋อ วันนี้พี่ชายฉันได้รับการ์ดเชิญก็เลยรู้น่ะ”

การ์เชิญ การ์ดเชิญอะไร ทำไมเธอไม่รู้อะไรเลย ก็บอกกับพี่เป่ยเฉินแล้วไม่ใช่เหรอว่าเธอไม่ชอบปาร์ตี้ ทำไมเขาต้องคิดเองเออเองด้วย ไม่ได้ปรึกษากับเธอเลย เธอวางหนังสือลงบนชั้นวางหนังสือ รู้สึกหงุดหงิด เธอคิดตั้งแต่แรกแล้วเชียวว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี

“เป่ยซี บัตรเชิญของพวกเราล่ะ? เธอคงไม่ได้ไม่อยากเชิญพวกเราหรอกนะ” ถังเสวี่ยยิ้มเอ่ย

อี้เป่ยซีโบกมือ เธอไม่อยากเชิญใครทั้งนั้นโอเคไหม “ไว้ค่อยให้พวกเธอแล้วกัน ฉันยังมีธุระนิดหน่อย ออกไปแป๊บหนึ่งนะ”

“แปลกคน” ถังเสวี่ยมองแผ่นหลังของเพื่อน คิ้วขมวดกันโดยไม่รู้ตัว

งานวันเกิดก็ควรเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ อีกทั้งพี่ชายเธอยังทุ่มเทแรงกายแรงใจเตรียมงานเพื่อเธอด้วย แต่ทำไมเธอดูแล้วไม่มีความสุขเลย

อี้เป่ยซีเดินออกจากหอพัก รู้สึกว่าอากาศข้างนอกน่าหงุดหงิดใจเล็กน้อย สุนัขจรจัดข้างๆ ก็เห่าด้วยความตื่นเต้นโดยไม่รู้สาเหตุ เห่าอย่างนั้นไม่หยุด เธอเดินไปข้างหน้าพร้อมอารมณ์ฉุนเฉียว ขณะที่กำลังจะถึงรั้วมหาวิทยาลัย จึงเห็นรถที่นัดไว้ขับเข้ามาในบริเวณสถานศึกษา

รถจอดลง เมื่อเปิดประตูก็เห็นการ์ดเชิญที่ถูกตกแต่งอย่างบรรจง เธอนั่งลงข้างอี้เป่ยเฉินด้วยความอึดอัด

“พี่เป่ยเฉิน พี่ไม่บอกฉันเลย”

อี้เป่ยเฉินวางการ์ดไว้อีกทาง “เสี่ยวซี นี่เป็นวันเกิดครบสิบแปดปีของเธอ พี่อยากให้เจ้าหญิงน้อยของพี่ได้รับความสนใจและคำอวยพรจากทุกคนในวันนั้น” จากนั้นก็ค่อยอวยพรให้พวกเราสองคน

“แต่ว่าพี่เป่ยเฉิน ฉัน…” อี้เป่ยซีเห็นแววตาของอี้เป่ยเฉินที่เปล่งประกายด้วยความสุข จู่ๆ สิ่งที่ต้องการจะพูดก็ถูกยับยั้งไว้ในใจ อารมณ์หนักหน่วงในตอนแรกยิ่งไม่สามารถบรรเทาได้ เธอกัดริมฝีปาก จะพยักหน้าก็ไม่ได้จะส่ายหัวก็ไม่ได้

ถึงอย่างไรพี่ชายก็พยายามทำเพื่อเธอขนาดนี้ แต่ว่าจะขัดความต้องการของตัวเองแล้วรับมันไว้ทั้งอย่างนี้เหรอ? หลังจากกลอกตาไปรอบๆ เธอกลืนน้ำลาย “ฉันรู้แล้ว”

อี้เป่ยเฉินยื่นมือลูบผมของอี้เป่ยซีอย่างชื่นชม ผมนุ่มสลวยลื่นไหลผ่านฝ่ามืออุ่นๆ ของเขาไปอย่างง่ายดาย “เสี่ยวซี วันเกิดครั้งต่อไป เธอจะเอายังไงพี่ก็จะตามใจเธอโอเคไหม?”

เธอพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร และยื่นมือออกไปรับการ์ดที่อี้เป่ยเฉินยื่นมา การ์ดเชิญสีชมพูสะท้อนแสงสดใส เธอเก็บไว้อย่างไม่เต็มใจนัก

“บัตรพวกนี้เธอไปส่งเองนะ”

“อืม”

“คืนนี้พี่จะรับเธอกลับบ้าน”

“อืม”

“เสี่ยวซี ไม่พอใจพี่ใช่หรือเปล่า”

“อืม” ผ่านไปเนิ่นนานอี้เป่ยซีจึงค่อยรู้สึกตัว เธอรีบแก้คำพูด “เปล่านะ ฉันก็แค่ แค่รู้สึกว่าวันเกิดปีหน้ายังอีกตั้งนาน” เพียงแค่รู้สึกว่าตัวเองรอคอยวันเกิดครบสิบแปดปีครั้งนี้อย่างมีความสุขมานาน จู่ๆ มันก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว

ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็แค่ผิดหวังเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีอะไรน่าเสียใจ พรุ่งนี้ก็เป็นเพียงวันธรรมดาวันหนึ่ง ไม่มีอะไรน่าเสียใจเลย วันเวลาในอนาคตยังอีกยาวไกล เรื่องบางอย่างและคำพูดบางคำค่อยว่ากันใหม่ในอนาคต หรือในอนาคตของอนาคตก็ได้

อี้เป่ยซีรู้สึกว่าไม่มีอะไรจริงๆ เธอพยักหน้ากับตัวเอง “พี่คะ งั้นฉันกลับหอก่อนนะ”

เขาตอบรับ มองดูแผ่นหลังของเด็กสาวที่จากไปพลางกล่าวโทษตัวเองอยู่ในใจ เขาทำเกินไปหรือเปล่าที่ไม่ได้ใส่ใจกับความคิดของเธอแม้แต่นิดเดียว ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอไม่ชอบปาร์ตี้แบบนี้ก็ยังผลักเธอไปยังสถานที่ที่แสงไฟส่องสว่างที่สุด วางเธออยู่ในจุดที่วุ่นวายที่สุด

เขามองบัตรเชิญปึกสุดท้ายในมือ ความรู้สึกผิดเมื่อครู่หายไปในพริบตา มือที่บนพวงมาลัยออกแรงมากกว่าเดิม มันคือความแน่วแน่ชนิดหนึ่งที่บรรยายไม่ได้

วันต่อมา พออี้เป่ยซีลุกจากเตียงก็ถูกลากไปยังห้องทำงานชั่วคราวของเซี่ยเช่อ เธอไร้ซึ่งชีวิตชีวา รอยยิ้มที่ส่งมาดูฝืนเล็กน้อย ริมฝีปากดูแข็งทื่อ

“คุณหนูใหญ่อี้ เธอทำแบบนี้ฉันแต่งลำบากนะ” เซี่ยเช่อหยุดถือแปรงอยู่ตรงหน้าเธอเนิ่นนาน ก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มวาดจากตรงไหนดี เมื่อเห็นหน้าตาเธอที่น่าเกลียดยิ่งกว่าตอนร้องไห้ ความสวยงามในจินตนาการทั้งหมดก็พังทลาย

“ฝีมือนายไม่ดีมากกว่ามั้ง”

เซี่ยเช่อหัวเราะกับเธออย่างอารมณ์ดี “เห็นท่าทางเธอแบบนี้ฉันก็อดเล่นพิเรนทร์ไม่ได้น่ะสิ งั้นแบบนี้ไหม ปาร์ตี้วันเกิดเปลี่ยนเป็นงานเต้นรำสยองขวัญเป็นไง แบบนั้นน่ะฉันแต่งได้ทันทีเลย” เขาพูดขณะไปเอาอุปกรณ์แต่งหน้าอีกชุด อี้เป่ยซีรีบคว้าแขนเขาไว้

“คนเราจะอารมณ์เสียหน่อยไม่ได้หรือไง” เธอมองเซี่ยเช่อด้วยความน้อยใจเล็กน้อย

“อี้เป่ยซี ถ้าเธอไม่อยากทำอะไรใครจะบังคับเธอได้ เธอมานั่งอยู่ตรงนี้เอง ไม่ใช่เพราะพี่ชายเธอ หรือเพราะฉันจับเธอมัดไว้ที่นี่ ถ้าเธอไม่ชอบใจก็ออกไปได้เลย อย่าทำหน้าเหมือนถูกบังคับให้ขายตัวสิ” เขาโบกมือไปมา

“ก็เห็นอยู่ว่านี่มันเรื่องของพวกเธอ ฉันเป็นแค่คนแต่งหน้า อย่ามากวนอารมณ์ฉันเลยถ้าจะงอแงก็ไปหาพี่ชายเธอโน้น” เขาก้มหน้าก็เห็นหน้าตาบึ้งตึงของเธอตามที่คาดไว้

เซี่ยเช่อถอนหายใจ โน้มตัวเข้ามาหาเธอกึ่งหนึ่ง “เด็กน้อย เด็กดี เก็บหน้าตาน่าเกลียดของเธอไว้เถอะ พี่ชายจะแต่งหน้าเธออย่างงามแน่นอน”

ดวงตาอี้เป่ยซีกลอกไปมา ก้มหน้าลง

“อี้เป่ยซี รูปวิวของจื่อจวีหานซื่อ”

มือของเด็กสาวขยับไปมาแต่ยังไม่เงยหน้าขึ้น

“ฉันจะให้เธอเพิ่มอีกรูป”

“…”

“ก็ได้ฉันยอมเธอแล้ว ดอกเหมยหิมะรูปนั้นของเขาเธอคงไม่อยาก…”

“ขอบคุณ สามรูปไม่มีเครดิต” เธอเงยหน้ายิ้มสดใสอีกครั้ง เซี่ยเช่อส่ายหัวจนใจ ช่างเถอะ ตอนแรกก็คิดจะให้เธอเป็นของขวัญวันเกิดอยู่แล้ว เขาหยิบเครื่องสำอางมาและเริ่มวาดลงบนใบหน้าของอี้เป่ยซี

ในที่สุดก็แต่งหน้าจนเสร็จ เซี่ยเช่อมองดูผลงานของตัวเองอย่างพึงพอใจ ทั้งบริสุทธิ์และเจือกลิ่นอายของความขี้เล่น อ่อนเยาว์แต่กลับไม่ทิ้งบุคลิกสง่างาม เขายื่นมือลูบผมของอี้เป่ยซี ตรงนี้ก็ควรจะเปลี่ยนสักหน่อย

“ฉันจะบอกนายนะ ถ้านายคิดจะม้วนผมของฉันล่ะก็ ฉันกับนายจบกัน” อี้เป่ยซีเอาผมดกดำของตัวเองออกมาจากมือเขาราวกับแม่แกะปกป้องลูกน้อย เธอมองตัวเองในกระจก แบบนี้ก็ได้แล้วนี่นา จะม้วนผมหรือไม่ก็ไม่มีอะไรแตกต่าง

“เด็กน้อย คนสวยก็ต้องลองทรงผมใหม่สักหน่อยสิ”

“ไม่ได้ๆๆ บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ”

เซี่ยเช่อยิ้มชั่วร้าย “เสี่ยวซีซีจ๊ะ เธอจะปฏิเสธฉันเหรอ? งั้นฉันก็ไม่รู้นะว่าภาพวาดของเธอจะถึงมือเธอเมื่อไร”

อี้เป่ยซีปล่อยมือของตัวเองด้วยความละเหี่ยใจ ดูแล้วคงหนีไม่พ้นการทำลายล้างของเครื่องม้วนผม “งั้นนายก็ทำกับผมฉันดีๆ หน่อยนะ”

……………….