งานวันเกิด (2)

อี้เป่ยซีไม่รู้ว่าตัวเองยึดติดกับผมตรงของตัวเองตั้งแต่เมื่อไร อาจเป็นเพราะพี่ชายบอกว่าผมตรงของเธอสวย และอาจเป็นเพราะเนิ่นนานก่อนหน้านั้น เธอมักจะรู้สึกว่ามันคือตัวแทนของอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ แต่เพราะอธิบายไม่ได้ เธอเองจึงบอกไม่ถูก ไม่ใช่ว่ายอมรับไม่ได้ เพียงแค่ไม่ชอบเอามากๆ ไม่ชอบเปลี่ยนสไตล์ผมตรงสุดๆ

แต่ว่าวันนี้ยังต้องยอมให้ภาพวาดสามรูป เธอถอนหายใจ นึกถึงตัวเองเมื่อก่อน คิดอยากทำอะไรก็ได้ทำ แต่ตอนนี้กลับตกอยู่ในสถานการณ์ถูกชี้นิ้วสั่งการ

ง่วนอยู่อีกสักพักใหญ่ เซี่ยเช่อจึงเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดของเขาอย่างพึงพอใจ เขาตบๆ ไหล่คนที่อยู่ด้านหน้า “ไม่เลวเลย แบบนี้สิถึงจะถูก ไป ฉันจะพาเธอไปลองเสื้อ”

อี้เป่ยซีลูบคลำผมของตัวเองด้วยความเสียใจ เดินตามหลังเขาไปอย่างทำอะไรไม่ได้

“เสื้อชุดนี้น่ะฉันคิดไว้นานมาก พอดีเลย ครั้งนี้มีประโยชน์แล้ว” เซี่ยเช่อพูดอยู่ข้างหน้าอย่างเย่อหยิ่ง ไม่สนใจปฏิกิริยาของอี้เป่ยซีที่อยู่ข้างหลัง ผลักเธอเข้าไปในห้องลองเสื้อทันที แล้วนั่งยุ่งกับการดื่มสาเกของตัวเองอยู่บนโซฟาตัวยาว

รสชาติสาเกนี้ไม่เลวทีเดียว ไม่น่าล่ะเขาถึงชอบขนาดนั้น แต่ว่าดื่มตามลำพังก็ดูจะเหงาไปหน่อย เขาจึงวางเหล้าสาเกในมือลง

ผ่านไปสักพักอี้เป่ยซีจึงเดินออกมาอย่างอืดอาด

เมื่อก่อนเซี่ยเช่อคิดว่าสไตล์เสื้อผ้าตามอายุของเธอล้วนเป็นแนวอนุรักษ์นิยมและน่าเบื่อสำหรับวัยสาว แต่ว่าตอนนี้ อี้เป่ยซีดึงๆ เสื้อผ้าด้วยความอึดอัดเล็กน้อย ส่วนไหล่ที่เปลือยเปล่าทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก ชุดเดรสระดับอกทำให้เธอทนไม่ไหว คิดจะเอื้อมมือดึงมันขึ้นไป เสื้อผ้าที่แนบชิดผิวหนังทำให้ทุกกระเบียดนิ้วของร่างกายเด่นชัด อี้เป่ยซีทรมานสุดจะทน

ทำไมต้องออกแบบเสื้อผ้าประหลาดแบบนี้ด้วย เธอมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟายากที่จะเข้าใจ

“เหมาะจริงๆ” เซี่ยเช่อร้องชมอย่างอดใจไม่ไหว แม้ว่าจะจินตนาการภาพที่อี้เป่ยซีใส่ชุดนี้ไว้แล้ว แต่เธอที่อยู่ตรงหน้าก็ยังทำให้อัศจรรย์ใจ ชุดที่ออกแบบให้ระดับอกเผยกระดูกไหปลาร้างดงามของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ ชุดเดรสเข้ากับเรือนร่างสวยงามของเธออย่างลงตัว ทุกอิริยาบทดูน่ารักขึ้นเป็นกอง

“นี่มันไม่ต่างจาก….ไม่ต่างจากที่ฉันใส่มากไปหน่อยเหรอ”

“อืม บอกตามตรง ฉันรู้สึกว่าชุดที่เธอใส่มีแต่ชุดออกกำลังกายน่ะนะ” เซี่ยเช่อพยักหน้า “เอาละ เสี่ยวซีซี เธอดูสิ เธอสวยมากเลย”

อี้เป่ยซีมองดูตัวเองในกระจก เหมือนกับว่าต่างจากที่ตัวเองจินตนาการไว้ แต่ว่าเสื้อตัวนี้มันอึดอัดจริงๆ นะ เธอมองไปยังเซี่ยเช่อเชิงอ้อนวอน

“เอาเถอะ เดาออกอยู่แล้วว่าเธอไม่ชิน”

“งั้นฉันเปลี่ยนเสื้อได้แล้วสิ?”

“ไม่ได้ มีเสื้อคลุมตัวเล็กอยู่ เธอใส่แล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”

มีก็ดีกว่าไม่มี อี้เป่ยซีรับเสื้อคลุมมาใส่ไว้ เธอสังเกตเห็นเหล้าสาเกบนโต๊ะและแก้วเหล้าพอร์ซเลนสีฟ้าขาว เขาก็ชอบของแนวนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน

“นายชอบของโบราณพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไร อือ ทำไมดื่มเหล้าสาเกเหมือนหลานฉือเซวียนเลย”

เซี่ยเช่อไอสองที แต่ไม่ได้พูดอะไร

“ฉันจะบอกให้ หลานฉือเซวียนน่ะสะสมชุดเหล้าชุดหนึ่ง สวยมากเลยล่ะ อีกอย่างสาเกที่เขาหมักเองก็มีกลิ่นเฉพาะตัวด้วย ไม่เหมือนของนายที่ต้องเข้าใกล้ขนาดนี้ถึงจะได้กลิ่นเหล้า”

“งั้นเหรอ”

อี้เป่ยซีรู้สึกว่าน้ำเสียงในคำพูดนี้ฟังดูแปลกๆ อาการบนใบหน้าของเซี่ยเช่อก็แปลกมากเช่นกัน แต่ว่าทั้งสองคนก็ไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย เธอส่ายหัว จะคิดมากไปทำไม

อี้เป่ยซีอยู่ที่ชั้นสองมองดูแขกเหรื่อที่ทยอยกันเข้ามาก็ถอนหายใจ ช่างเถอะ อีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ผ่านไปแล้ว นอนครั้งหนึ่งก็หมดไปเจ็ดถึงแปดชั่วโมง เพียงแค่พริบตาเดียว พริบตาเดียวก็จบแล้ว

“เสี่ยวซี” อี้เป่ยเฉินเดินมาด้านข้างเธอ ดึงเธอมากอดในอ้อมแขนตัวเอง “ถ้าเธอเหนื่อยแล้ว เดี๋ยวเธอออกไปแป๊บเดียวก็พอ ที่เหลือไว้ให้พี่จัดการเอง”

เธอส่ายหน้า “พี่เป่ยเฉินเหนื่อยมากแล้ว เป่ยซีไม่เป็นไร” เธอดึงๆ เสื้อตัวนอก กลางคืนมันหนาวนี่นา

“เสี่ยวซียิ่งโตเป็นผู้ใหญ่ทุกวันแล้ว”

“ฉันเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้ว แต่พี่เป่ยเฉินทำยังกับฉันเป็นเด็กน้อยตลอด”

“ใช่ๆๆ ความผิดพี่เอง คนเริ่มมากันแล้ว พวกเราลงไปเถอะ”

อี้เป่ยซีพยักหน้า จูงมือเธอ ความอบอุ่นไหลจากปลายนิ้วผ่านเข้าสู่หัวใจทีละน้อย

ภายในห้องโถงเงียบลงโดยพลัน สายตาทุกคู่ต่างหยุดอยู่ที่คนสองคนที่เดินมาช้าๆ น่าทึ่งเหลือเกิน น่าอิจฉาจริงๆ

“อี้เป่ยเฉินรักน้องสาวของเขาจริงๆ เลยนะ”

“เห็นว่าพวกเขาไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ ไม่ใช่เหรอ?”

“ว่าไงนะ?”

“นั่นสิ ได้ยินว่าอี้เป่ยซีถูกรับเลี้ยง”

เซี่ยเช่อได้ยินเสียงคนข้างๆ ปรึกษาหารือกันก็รู้สึกเหนื่อยหน่าย เรื่องนี้มีอะไรน่าคุย จะเป็นพี่น้องกันจริงหรือเปล่ามันก็อยู่ตรงนั้นแล้วไม่ใช่เหรอไง เขาหรี่ตามองหาเป้าหมายของตัวเองไปทั่วทุกทิศ ในที่สุดก็มองเห็นอีกฝ่ายในชุดสูทสีดำท่ามกลางฝูงชน…หลานฉือเซวียน เซี่ยเช่อไม่พูดไม่จา เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

“วันนี้ประธานหลานก็มาด้วยเหรอ ขอคุยด้วยสักเดี๋ยวได้ไหม” เซี่ยเช่อไม่รอเขาตอบ ดึงตัวไปทันที หลานฉือเซวียนที่ไม่ชอบเข้าสังคมอยู่แล้วก็ตามออกไปที่สวนดอกไม้หลังโรงแรมด้วยกัน

……….

“ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานวันเกิดของเสี่ยวซี…”

อี้เป่ยซียืนอยู่ข้างอี้เป่ยเฉิน คงรอยยิ้มไว้บนใบหน้า

“เป่ยซี สุขวันต์วันเกิดนะ”ถังเสวี่ยถือของขวัญของตัวเองวิ่งเข้าไปหาเธออย่างมีความสุข อี้เป่ยซียิ้มรับของเอาไว้

“อี้เป่ยซี สุขสันต์วันเกิด”ผู้คนทยอยอวยพรและมอบของขวัญให้เธอไม่ขาดสาย เธอรู้สึกว่าใบหน้าตัวเองยิ้มจนแข็งทื่อไปหมดแล้ว เอาแต่คิดว่าพอทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วจะมีของขวัญจำนวนมากปรากฏอยู่ตรงหน้าตัวเอง

“สุขสันต์วันเกิด” เสียงทุ้มต่ำดังอยู่ข้างหู เหมือนสายลมสดชื่นที่พัดความน่ารำคาญเบาบางภายในห้องออกไป เธอเงยหน้าขึ้นมองดวงตาสีดำที่ราวกับทะเลสาบเงียบสงบคู่นั้น ในขณะนั้นเอง ก็ลืมไปว่าต้องพูดขอบคุณอย่างไร ลืมไปว่าต่อไปต้องทำตัวอย่างไร “จะไม่รับเหรอ?”

“เปล่า เปล่า” อี้เป่ยซีรีบรับของขวัญ “ข้างในคืออะไรเหรอ?” น่าแปลกใจจริงๆ ที่คนอย่างเขาจะมอบของขวัญเป็นด้วย เธอเขย่าอย่างสงสัย

ลั่วจื่อหานหัวเราะเบาๆ “อยากรู้เธอก็แกะสิ”

“แกะได้จริงเหรอ” ปากเธอพูดแบบนี้ แต่แกะของขวัญออกทันทีโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง มันคือกล่องไม้สวยงามกล่องหนึ่ง เธอเงยหน้าขึ้นอย่างไม่เข้าใจ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายส่งสัญญาณให้เปิดต่อก็เปิดกล่องไม้ออก มีหุ่นโมเดลแนวโบราณน่ารักที่สวมชุดกระโปรงสีฟ้าสดใส

“ทำไมคนนี้หน้าตาคุ้นๆ จังเลย”

“หน้าตาคุ้นจริงๆ” เขาพยักหน้า ไม่ได้อธิบายอะไร

อี้เป่ยซีหยิบหุ่นโมเดลออกมา พระเจ้า พระเจ้า น่ารักเกินไปแล้ว คนคนนี้…

“นี่ฉันเหรอ?”

เขาพยักหน้าให้

“ฉันยิ้มบ๊องๆ แบบนี้ที่ไหนกัน” เธออุ้มมนุษย์น้อยๆ ในมือไม่ยอมวาง “นี่นายทำเองเหรอ” ไม่รอให้เขาตอบ อี้เป่ยซีก็พูดต่อ “จะเป็นไปได้ยังไง แต่ว่าฉันชอบมากเลยนะ ขอบคุณ”

“เสี่ยวซี”

ลั่วจื่อหานมองไปตามเสียงและเห็นคนที่เดินเข้ามา ตาหรี่ลงเล็กน้อย

………………………….