พอเราต้องการดูคุณสมบัติของคลื่นในอิเล็กตรอนโดยใช้การทดลองแทรกสอดร่องคู่ เราจะเห็นลักษณะของคลื่นที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งนั่นก็คือริ้วการแทรกสอด ในขณะที่พอเราต้องการดูคุณสมบัติของอนุภาคโดยการเพิ่มอุปกรณ์บันทึก ก็จะเหลือเพียงคุณสมบัติของอนุภาคล้วนๆ…

นี่หรือความจริงของโลก? อิเล็กตรอนจะแสดงให้เราเห็นสิ่งที่เราอยากเห็น ฉะนั้น การสังเกตของเราจึงเปลี่ยนโลกงั้นรึ?

ความคิดในหัวพวกเขายุ่งเหยิง ซึ่งความเข้าใจต่อโลกทั้งใบและแม้แต่ตัวเองก็เกินกว่าการรับรู้! พวกเขาเคยคิดว่าโลกจะแปลกตาไปก็ต่อเมื่อมีการร่ายเวทมนตร์ แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเขากลับต้องมารับรู้ว่าโลกจุลภาคนั้นแปลกตาและน่ากลัวยิ่งกว่าเวทมนตร์!

แลร์รี่รู้สึกตกใจสุดขีด แต่ก็ตื่นเต้นไปในคราวเดียวกัน เขาเริ่มพิจารณาหลักอาร์คานาเบื้องหลังการทดลองนี้ หลักอำนาจเสริมถูกใช้กับทวิภาคของคลื่น–อนุภาคแบบนี้นะหรือ? คุณสมบัติของคลื่นและคุณสมบัติของอนุภาคเกิดขึ้นพร้อมกันไม่ได้ เมื่อคุณสมบัติหนึ่งปรากฏ อีกคุณสมบัติจะหายไป นี่หรือกลไกของมัน?

เขาบอกตัวเองว่าควรเลี่ยงการเชื่อมโลกจุลภาคกับมหภาคในตอนนี้ก่อน มิฉะนั้น โลกแห่งปัญญาของเขาจะยุ่งเหยิงไปหมด และสรรพสิ่งมากมายในโลกนี้จะขัดแย้งกับเขาไปหมด

ในขณะเดียวกัน แอนนิค สปรินต์ เดียป ทิโมธี และจอมเวทคนอื่นๆ ก็บอกตัวเองเหมือนกันว่าต้องมีเหตุผลอื่นที่กระทบปรากฏการณ์นี้ระหว่างการเปลี่ยนจากโลกจุลภาคเป็นมหภาค ต้องมีเหตุผลอื่นที่ทำลายฟังก์ชันคลื่นและตั้งคุณสมบัติของอนุภาคขึ้นมา พวกเขาต้องเตือนตัวเองตลอดเวลา มิฉะนั้น ปัญญาที่มีจะถูกสั่นคลอนจากการทดลองนี้ได้ตลอดเวลา!

นี่เป็นวิธีเดียวที่พวกเขาจะทำใจยอมรับผลการทดลองที่ลูเซียน อีวานส์ แสดงให้เห็นได้

นี่อาจเป็นโลกที่แปลกประหลาดเกินจินตนาการและเหลือเชื่อที่สุดในประวัติศาสตร์ของอาร์คานาและเวทมนตร์เลยก็ได้!

แม้ว่าจอมเวทระดับล่างและระดับกลางจยังเป็นเพียงมือใหม่ในโลกจุลภาค และไม่เคยลองใช้ความรู้สร้างโลกแห่งปัญญาของตนมาก่อน แต่ผลการทดลองยังส่งผลกระทบต่อทัศนคติที่มีต่อโลก ต่อชีวิต และคุณค่าในตัวอย่างมหาศาล นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ลิ้มรสความเจ็บปวดที่จอมเวทต้องเผชิญ เมื่อโลกแห่งปัญญาต้องปรับเปลี่ยน

ลูเซียนเป็น ‘ผู้ทำลายภาพอนาคตทั้งสาม’ ถ้าพูดกันตรงๆ จอมเวทหลายต่อหลายคนไม่ชอบหน้าลูเซียน อีวานส์

เมื่ออารามตกตะลึงสงบลง จอมเวทที่ไม่มีอคติหลายคน ทั้งแลร์รี่ เดียป แอนนิค และสปรินต์ เริ่มรู้สึกตื่นเต้น การทดลองนี้ทำให้ทุกคนเข้าใจทวิภาคของคลื่น–อนุภาคและหลักอำนาจเสริมอย่างลึกซึ้ง และหัวใจก็เต็มไปด้วยแรงผลักดันที่จะเริ่มการสำรวจต่อไป

“ข้ามีคำถาม”

ตอนนั้นเอง โอลิเวอร์ถามขึ้น ทำหน้าเหยเก แต่บรรยากาศดำทะมึนรอบตัวเขาหายไป ช่วงครู่ก่อนหน้านี้ โลกแห่งปัญญาของเขาเกือบสั่นคลอน แต่โชคดีที่เขาพยายามรับมือเต็มความสามารถ

ลูเซียนพยักหน้าหงึกๆ “เชิญ ขอรับ”

แลร์รี่กับเดียปหันไปมองโอลิเวอร์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

โอลิเวอร์สูดหายใจเบาๆ แล้วถามว่า “เจ้าบอกว่า ‘การสังเกตเปลี่ยนผล’… เจ้านิยามคำว่า ‘การสังเกต’ ว่าอะไร? นี่มันสัมพันธ์กับการเปลี่ยนโลกจุลภาคเป็นมหภาค”

“หมายถึงทุกวิธีการที่เราใช้ศึกษาอิเล็กตรอน” ลูเซียนตอบอย่างใจเย็น เขาทอดสายตาลงต่ำเล็กน้อย ไม่มีใครอารมณ์ในดวงตาของเขาได้

โอลิเวอร์นิ่งสงบ เขายิ้มเบาๆ แล้วก็พูดออกมาราวกับกวี “ฉะนั้น เราจึงเป็นส่วนสำคัญที่สุด ข้ามีการทดลองความคิดมาเสนอ เราทุกคนรู้จักการสลายตัวของนิวเคลียสกันใช่ไหม?”

จอมเวทในห้องบรรยายทุกคนพยักหน้า การศึกษาการสลายตัวของธาตุเป็นหนึ่งในสาขาหลักของโลกจุลภาค เจ้าแห่งวายุกับเจ้าแห่งธาตุก็เพิ่งคว้ารางวัลอีวานส์ สาขาอาร์คานา จากผลงานวิจัยเรื่องนี้ การศึกษาเรื่องนี้ยังวางผังทิศทางใหม่การใช้พลังงานทางเลือก ซึ่งเป็นเวทมนตร์ชั้นตำนานพลังมหาศาลที่สังหารศัตรูได้ ดังนั้น ทุกคนจึงรู้จักมันดี!

โอลิเวอร์ว่าต่อ “สมมติว่านิวเคลียสมีโอกาสสลายตัวห้าสิบเปอร์เซ็นต์ แล้วเราออกแบบอุปกรณ์การทดลอง…”

แล้วโอลิเวอร์ก็บรรยายถึงอุปกรณ์อันงดงาม ในอุปกรณ์นี้ เมื่อนิวเคลียสสลายตัวและปล่อยนิวตรอนออกมา ปฏิกิริยาอนุกรมจะถูกกระตุ้น จนในที่สุดก็ทำลายขวดแก้วที่บรรจุคำสาปหายนะ

“…แล้วเราจับแมวน่าสงสารสักตัวใส่ในอุปกรณ์นี้ ตามทฤษฎี เราบอกได้ว่ามีโอกาสห้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่แมวตัวนี้ต้องตาย” โอลิเวอร์เล่าต่อ

ขณะที่โอลิเวอร์กำลังอธิบายเรื่องอุปกรณ์ ทั้งสปรินต์กับแอนนิคหน้าซีดเผือด ทั้งสองมีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

เดียป แลร์รี่ จูรีเซียน และจอมเวทคนอื่นๆ ที่ช่ำชองเรื่องโลกจุลภาคก็ดูวิตกมากเช่นกัน ทุกคนรู้ว่าโอลิเวอร์พยายามจะทำอะไร!

เขากำลังใช้อุปกรณ์นี้เชื่อมโลกจุลภาคกับโลกมหภาค!

นี่เป็นปัญหาส่วนหนึ่งที่พวกเขาพยายามหลีกหนีมาตลอด!

เมื่อถูกจอมเวททั้งหลายจ้องเขาตาเขม็ง เสียงของโอลิเวอร์ดังขึ้นอีก “สมมติเราปิดอุปกรณ์แล้วไม่สังเกตมัน ตามทฤษฎีของลูเซียน นิวเคลียสอะตอมจะอยู่ในสถานะการซ้อนทับของควอนตัม แล้วในการซ้อนทับของควอนตัมมีทั้งแบบสลายตัวและไม่สลายตัว แต่สถานะน่าอัศจรรย์นี้จะสลายไป พอเราแค่มองผ่านเร็วๆ”

“แต่คำถามของข้าคือ” โอลิเวอร์พูดต่อ “แล้วแมวที่น่าสงสารนั้นล่ะ? ถ้านิวเคลียสสลายตัว มันต้องตาย แต่ถ้าไม่สลายตัว ระหว่างสถานะการซ้อนทับ เราจะพูดว่าแมวตัวนี้ทั้งเป็นทั้งตายอยู่ในอุปกรณ์ได้ไหม”

“เป็นไปได้ไหม?”

“หรือเจ้ากำลังบอกว่าการสังเกตแมวตัวนี้จะนำไปสู่การสลายฟังก์ชันคลื่น และปักหลักกับผลลัพธ์” โอลิเวอร์ถามเสียงดัง

จอมเวทหลายคนถึงกับใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าซีดเผือด ทั้งรอดทั้งไม่รอด? ทั้งตายทั้งไม่ตาย? ไม่มีเวทมนตร์ไหนนำไปสู่สถานะนั้นหรอก การออกแบบการทดลองที่ดีได้ส่งความแปลกประหลาดที่น่าขนลุกของโลกจุลภาคไปที่โลกมหภาค!

พวกเขาทำเป็นเพิกเฉยต่อปัญหานี้ไม่ได้อีกต่อไป พวกเขาต้องเผชิญกับความขัดแย้งครั้งใหญ่ และพิจารณาการเปลี่ยนแปลงนี้

สปรินต์คิดไปว่าอยากจับคอแมวตัวนั้นซะ!

พวกเขารู้สึกว่าเหมือนพึ่งถูกตบหน้าที่ไปเห็นดีเห็นงามกับลูเซียน

โอลิเวอร์ถามอีกครั้ง และเป้าหมายของเขาคือลูเซียน อีวานส์ ที่ยังนิ่งเงียบอยู่ด้านหน้า “แมวตัวนี้อยู่ในสถานะอะไรกัน?”

โอลิเวอร์ไม่ได้คัดค้านแนวคิดสถานะการซ้อนทับของควอนตัม เนื่องจากเขาได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเส้นทางสู่ความเป็นอมตะและเรื่องที่เกิดขึ้นกับลูเซียน อีวานส์ อย่างไรก็ตาม สถานะนี้มีหลักฐานอะไรมาสนับสนุนร? ขอบเขตมันอยู่ตรงไหน? เป็นแค่อนุภาคขนาดเล็กเท่านั้นหรือ? หรือขยายผลไปถึงโมเลกุล เซลล์ หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิต และสิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาดหรือไม่? เพียงแค่หาขอบเขตเจอ ก็จะเจอสาเหตุที่สถานการณ์ซ้อนทับของควอนตัมหายไป และฐานทฤษฎีที่หนักแน่นพอจะใช้พัฒนาสู่ระดับมนุษย์ครึ่งเทพได้หรือไม่!

เขาจึงไม่พอใจข้อสรุปรวมๆ ของลูเซียนอย่างยิ่ง หากการสังเกตของมนุษย์ทำให้เกิดการล่มสลายของคุณสมบัติ แล้วการสังเกตสิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาดอื่นๆ ล่ะ? แล้วแมวล่ะ? โมเลกุลล่ะ?

ทุกคนกำลังตั้งตารอคำตอบของลูเซียน

ลูเซียนยังคงทอดสายตามองต่ำ แต่ก็ตอบออกมา “ใช่ขอรับ แมวตัวนั้นมีสถานะซ้อนทับของควอนตัมระหว่างความเป็นกับความตาย”

“อะไรน่ะ?!” จอมเวทบางคนโพล่งออกมา

แล้วมนุษย์ล่ะ? จะเป็นอย่างไรถ้ามีมนุษย์อยู่ในอุปกรณ์นั้น?

จอมเวทที่เหลือยังคงนิ่งเงียบ ฟังการสนทนาต่อ

โอลิเวอร์ถามเสียงเบาๆ “แล้วถ้ามีมนุษย์อยู่ในนั้นล่ะ? จะเหมือนกันไหม?”

“ไม่ ถึงตอนั้น ฟังก์ชันคลื่นจะสลาย แล้วจะได้เห็นผลลัพธ์” ลูเซียนตอบเร็วๆ “ไม่ว่าเป็นหรือตาย จะไม่มีการซ้อนทับ”

โอลิเวอร์ก้าวออกไปข้างหน้า “แล้วอะไรคือความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับแมว? ทำไมมนุษย์ถึงทำให้ฟังก์ชันสลาย แต่แมวทำไม่ได้”

ลูเซียนยิ้มมุมปากแต่ก็ยังตอบคำถามต่อ “เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับสติสัมปชัญญะ เฉพาะผู้สังเกตการณ์ที่มีสติปัญญาจึงทำให้ฟังก์ชันคลื่นสลายได้”

จอมเวททุกคนตกตะลึงสุดขีด ไม่มีใครคิดว่าจะได้ยินคำตอบแบบนี้ ตามทฤษฎีของลูเซียน ความจริงที่น่าสยดสยองและเกินจินตนาการมากมายเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น!

เฟอร์นันโดนิ่งเงียบอยู่นาน แต่แล้วเขาก็มาถึงขีดจำกัด เขาตะโกนขึ้นกลางห้องบรรยาย “เจ้ากำลังบอกว่าก่อนที่ผู้สังเกตการณ์ที่มีสติปัญญาปรากฏขึ้น โลกทั้งใบและจักรวาลอยู่ในสถานะฟังก์ชันคลื่น ในสถานะที่ไม่มีสสารของหมอกอิเล็กตรอนงั้นรึ? หลังจากผ่านมาแสนนาน ผู้สังเกตการณ์คนแรกเกิดขึ้น แล้วในตอนนั้น จักรวาล กับโลกก็ล้มสลาย แล้วกลายเป็นที่เราเห็นในตอนนี้งั้นรึ?”

ความอลหม่านและความไม่แน่นอนนานนับพันล้านปีเฝ้ารอปรากฏการณ์อันน่าอภิรมย์นี้อย่างงั้นรึ?

นี่มันไร้สาระเกิน! นี่มันมุกตลกจากคนบ้า!

“ไม่เห็นแปลกเลยขอรับ? เราไม่รู้ว่าโลกก่อนที่ผู้สังเกตการณ์คนแรกเกิดเป็นอย่างไร” ลูเซียนเลี่ยงไม่มองตาของเฟอร์นันโด

ดักลาสก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เจ้าจะบอกว่าผู้สังเกตการณ์คนแรกเป็นสุดยอดผู้สังเกตการณ์รึ? เจ้าจะสื่อแบบนี้ใช่ไหม?”

ไม่เพียงแต่บรูคกับโอลิเวอร์ แม้แต่เฮลเลนและแฮททาเวย์ที่เปิดใจรับฟังคำอธิบายของลูเซียนมากกว่าใคร ก็ยังส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

แต่แล้วจู่ๆ ลูเซียนก็เงยหน้าขึ้นมามองบรรดาจอมเวททั้งหลาย “พวกท่านเคยคิดไหมว่าทำไมถึงมีพลังสูงสุด? ทำไมถึงมีเวทมนตร์”

“ถ้าเราเริ่มจากการมีสติสัมปชัญญะ อิทธิพลของผู้สังเกตการณ์ เราอาจเจอคำอธิบาย” ลูเซียนตอบ

เสียงลูเซียนดังก้องอยู่ในห้องบรรยายขนาดใหญ่ คำถามของเขาก็กระแทกใจของจอมเวททุกคน แล้วแบบนี้ เนื้อแท้ของเวทมนตร์คืออะไร? นั่นเป็นคำถามที่สภาเวทมนตร์แสวงหาคำตอบมาตั้งแต่ก่อตั้ง? นั่นเป็นปัญหาที่จะถูกถามอย่างแน่นอน หลังจากที่มนุษย์เห็นปรากฏการณ์พิเศษครบทุกรูปแบบ! ปัญหาจะไม่เป็นปัญหาก็ต่อเมื่อมนุษย์หยุดคิดและหันมาใช้ชีวิตไร้ค่าเหมือนสัตว์!

บรรดาจอมเวทเริ่มสับสนกับหนทางเข้าหาความจริงของโลกมากขึ้นเรื่อยๆ ความสัมพันธ์ระหว่างโลกกับเวทมนตร์ก็เหมือนกับหลักความไม่แน่นอนที่ลูเซียนนำเสนอซึ่งยากที่จะเข้าใจ ดูเหมือนความจริงของโลกไม่มีที่ว่างเหลือให้เวทมนตร์เลย!

สติสัมปชัญญะคือคำอธิบายงั้นรึ? มันก็คืออิทธิพลของผู้สังเกตการณ์งั้นรึ?

แอนนิคจ้องอาจารย์ที่อยู่ด้านหน้าไม่วางตา เขาใจเต้นระส่ำ อาจารย์ภูมิฐานและมารยาทงาม เผด็จการและมุ่งมั่นอยู่เสมอ จนผู้คนต้องยอมลงให้เขา เขาเป็นปรมาจารย์ในโลกจุลภาคและผืนฟ้าดวงดาวมหภาค!

ในใจของแอนนิค ลูเซียน อีวานส์ สง่างามราวกับยอดเขาที่เขาต้องแหงนหน้ามองไปตลอดชีวิต

แต่ทำไมอาจารย์ถึงอธิบายการเปลี่ยนแปลงแบบนั้น? ทำไมเขาถึงบอกว่าการสลายของฟังก์ชันคลื่นทำให้โลกเป็นอย่างทุกวันนี้?

เขาคิดผิดไหม? แล้วประสบการณ์ที่ผ่านมา แล้วจินตนาการของเขาผิดไหม?

ท่านลูเซียน อีวานส์ คิดผิดไหม?

แอนนิคหันไปรอบๆ และเห็นว่าเหล่าสหายทุกคนก็ดูสับสนกันมาก สปรินต์กัดฟันกรอด ท่าทางหัวเสีย

ท่ามกลางความเงียบงันอันพิลึกพิลั่น ลูเซียนพูดเสียงเบาๆ อีกครั้ง “ผู้สังเกตการณ์คนแรกอาจไม่ได้วิเศษวิโสมาจากไหน อาจหน้าตาเหมือนๆ เรานี่แหละ”

“เราไม่ต้องไปสนสุดยอดผู้สังเกตการณ์ พระเจ้าเป็นผู้ทอยลูกเต๋า ไม่จำเป็นเลย”

“ลองดูที่การทดลองอีกที การสังเกตการณ์ของข้าพาไปสู่การเปลี่ยนแปลงลักษณะอิเล็กตรอน พวกท่านก็ทำได้!”

“ว่ากันว่าพระเจ้าเป็นผู้ทอยลูกเต๋า แต่พระเจ้าไม่ได้อยู่ที่ไหนหรอก แต่อยู่ในใจเรานี่แหละ เราต่างก็เป็นพระเจ้าสูงสุดของตัวเราเอง!”

เหล่ามหาจอมเวทมองหน้าลูเซียนด้วยความประหลาดใจ ไม่ต่างกับจอมเวทคนอื่นๆ ไม่มีใครสักคนพูดอะไรออกมา

สักพักต่อมา จู่ๆ ก็คนลุกพรวดพราดขึ้นจากที่นั่ง

“แอนนิค?” ลูเซียนมองไปที่ลูกศิษย์ของเขา

“อาจารย์ขอรับ…” ลำคอของแอนนิคเหมือนขาดน้ำ แต่จนแล้วจนรอด เขาก็พูดออกมาด้วยความมุ่งมั่น

“ข้าไม่คิดว่าคำอธิบายของท่านถูกต้องขอรับ”

คราวนี้ เขาไม่เขินอายอีกแล้ว สายตาของเขามองตรงไปที่ดวงตาของลูเซียน

“ท่านอาจารย์ ข้าคิดเหมือนแอนนิค” คราวนี้ สปรินต์ลุกขึ้นยืนพูดกับลูเซียนเสียงดัง ซึ่งทำเอาจอมเวทมากมายประหลาดใจ ซึ่งรวมถึงสหายของเขา ไฮดี้ แคทรีนา และเลย์เรีย

เขากำหมัดแน่น

…………………………………………………….