TQF:บทที่ 665 รวมตัวอีกครั้ง(2)
หวงฝู่หยีมู่ผู้เย่อหยิ่งและไม่เห็นคนวัยเดียวกันอยู่ในสายตามาตลอดก็รู้สึกบางอย่างในใจในขณะนี้ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กผู้หญิงอายุเพียง 13-14 ปีตรงหน้าเขาจะทำให้ปรากฏเทพเทวาที่ข่มตัวเองไว้ได้อย่างสิ้นเชิงบาดเจ็บได้ด้วยเพียงแค่การเฮอะ ครั้งเดียว
ถ้าไม่เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างไรซะเขาก็ไม่เชื่อเด็ดขาด เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เขาก็รู้สึกนับถือเด็กผู้หญิงตรงหน้าคนนี้
เขาไม่ได้ชอบนางแค่เพราะความน่ารักและตรงไปตรงมาอีกต่อไป แต่เป็นเพราะนางมีพลังมากพอที่จะทำให้เขาเคารพ
ครู่หนึ่งเขาถึงสงบจิตสงบใจได้และมองไปยังเด็กสาวตรงหน้าพลางยิ้มอย่างสุภาพ “ข้าเพิ่งจะมาได้ไม่นาน ต้องรบกวนแม่นางหยูเฮงออกมาต้อนรับข้า”
“แม่นางหยูเฮง เจ้าลำเอียงเกินไปรึเปล่า พวกเราก็อยู่ที่นี่เจ้าไม่เห็นเหรอ”
เสียงที่นุ่มนวลและแฝงไว้ด้วยความนึกขำดังขึ้นไม่ไกล หยูเฮงน้อยชำเลืองมองไปด้านข้างก็เห็นพวกเขาอีกครั้ง อดหัวเราะไม่ได้ “หนอนหนังสือ พระธิดาทั้ง 2 พวกท่านก็มาด้วยเหรอ ดีจัง วันนี้มีคนมาเล่นกับข้า”
หยูเฮงน้อยยิ้มให้พวกเขาอย่างเบิกบาน ไม่ทันที่พวกเขาจะตอบก็พูดต่อ “ไหนๆก็มาแล้ว ยินดีต้อนรับๆ พวกเราไปกันเถอะ”
พระโอรสทั้ง 2 และพระธิดาเดินตามหลังนางไปราวกับว่าเป็นผู้ติดตามของนาง กลายเป็นว่าเหล่าคนใน ตระกูลฟางไม่รู้ว่าพวกเขาควรจะทักทายเหล่าพระโอรสและพระธิดามั้ย
เมื่อมาถึงประตูก็เห็นคนที่ขวางประตูอยู่ หยูเฮงน้อยเอ่ยปากด่าโดยไม่ต้องคิด “สุนัขที่ดีไม่จะไม่ขวางทาง ไม่เห็นเหรอว่าพวกเราจะเข้าไป”
“ไอเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า กล้ามา….”
“เพียะ….”
เสียงตบดังสนั่นขัดจังหวะการด่าของฟางซูเสวี่ย ไม่เพียง ไม่เพียงแต่ตบจนฟางซูเสวี่ยงงเท่านั้น แต่ยังทำให้คนอื่นที่เห็นงงไปด้วย ไม่มีใครคิดว่าหยูเฮงน้อยจะลงมือ
ใบหน้าเล็กๆของนางเย็นชาราวน้ำแข็ง นัยน์ตาสีดำเยือกเย็นเหมือนมีดน้ำแข็งที่ทิ่มแทงเข้าไปในดวงตาของฟางซูเสวี่ย ทำให้นางตาบอดและจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปชั่วขณะ
“ยัยสารเลวด่าใคร”
“ยัยสารเลวก็ด่าเจ้าไง ยัยสารเลวหน้าไม่อาย เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกล้ามาเห่าหอนในบ้านตระกูลฟางของข้า….”
ฟางซูเสวี่ยที่ได้สติกลับมาก่นด่าด้วยความเกรี้ยวกราดอีกครั้ง นางเพิ่งจะด่าไปได้ 2 คำก็มีเสียงเพียะดังขึ้น จากนั้น็รู้สึกถึงความแสบร้อนที่แก้ม
“ถูกต้อง เจ้านั่นแหละยัยสารเลว” น้ำเสียงของหยูเฮงน้อยเย็นยะเยือกและมุ่งร้าย นางกวาดตามองทุกคนอย่างเย็นชา “หลีกไป ไม่อย่างนั้นข้าไม่คิดมากที่จะโยนพวกเจ้าออกไปให้หมดเลย ไม่เชื่อก็ลองดู”
นี่ไม่ใช่การพูดเล่น ทุกคนรู้ว่านางมีพลังมากพอ แต่ละคนจึงถอยกลับไปข้างๆโดยไม่ต้องคิด ไม่กล้าขวางทางเด็กสาวคนนี้
แม้ว่าฟางซูเสวี่ยยังอยากจะกร่างอยู่ แต่ถูกท่านแม่ของนางดึงไว้ ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าประตูไป
หลังจากที่พวกนางไปไกลแล้ว ฟางซูเสวี่ยที่สง่างามอยู่เสมอดกรีดร้องโวยวายไม่ได้ “ข้าโกรธ โกรธมากโกรธจะตายอยู่แล้ว เป็นแค่คนไม่มีหัวนอนปลายเท้าแต่กล้ามาทำตัวเป็นเจ้านายในบ้านตระกูลฟางของเรา บังอาจนัก รังแกกันมากเกินไปแล้ว ข้า….”
“เจ้าจะทำไม….”
หยูเฮงน้อยโผล่มาอยู่ตรงหน้านางตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มองนางด้วยรอยยิ้มหยัน ฟางซูเสวี่ยที่ยังไม่รู้ตัวตะโกนออกมา “ข้าจะให้นางตาย…”
“เพียะๆๆๆ”
เสียงตบอย่างต่อเนื่องดังฟังชัดราวกับบทเพลงอันไพเราะ ทุกคนอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ยัยเด็กคนนี้ดุร้ายมากจริงๆ นางตบคนระดับก้าวสู่เทพเทวาโดยไม่คิดมากเลย
แต่คนระดับก้าวสู่เทพเทวาผู้สูงส่งกลับถูกเด็กสาวทุบตีหมือนหมา แก้มนางบวมอย่างกับซาลาเปา มุมปากก็เต็มไปด้วยเลือด
สุดท้ายหยูเฮงน้อยก็โยนนางทิ้งลงบนพื้นอย่างไม่ใยดีและบอกกับเจ้าสำนักมารที่อึ้งเป็นไก่ตาแตก “ดูแลเมียเจ้าให้ดี ปากนี่อย่างกับไปกินอึมา เหม็นมากแล้วยังพ่นอึไปทั่วอีก รนหาที่ตายรึไง ถ้าข้าได้ยินอีกก็อย่าโทษข้าละกันที่จะอัดนางอีก ถึงเวลาเจ้าก็ต้องหาเมียใหม่ละนะ”
พูดจบก็ไม่สนว่าคนอื่นจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ร่างของหยูเฮงน้อยหายไปทันที
ทุกๆการกระทำของหยูเฮงน้อยเฉิงเสี่ยวเสี่ยวรู้ดี นางกำลังเดินออกจากบ้านเพื่อต้อนรับทุกคนก็อดส่ายหัวไม่ได้
ไม่คิดเลยว่าที่แท้ฟางซูเสวี่ยจะมีสภาพแบบนี้ ไม่รู้จริงๆว่านางไต่เต้าขึ้นไปสู่ตำแหน่งภรรยาเจ้าสำนักได้อย่างไร บอกได้แค่ว่านางโชคดีจริงๆ
เมื่อเดินไปถึงสระบัวหน้าสวน ก็เห็นคนที่หยูเฮงน้อยพามาพอดี ซึ่งก็คือ 4 คนที่เพิ่งพบกันเมื่อวานก่อน แล้วยังมาด้วยกันอีก
“พระโอรสทั้ง 2 ท่าน พระธิดาทั้ง 2 ท่าน ยินดีต้อนรับ”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวย่อตัวทำความเคารพและยิ้มเบาๆ
ทั้ง 4 ไม่กล้าเสียมารยาท ต่างเคารพคืนอย่างสุภาพ
“แขกผู้มีเกียรติ 4 ท่าน ต้องขอโทษด้วย ท่านปู่ทวดของข้ากำลังเก็บตัวฝึกฝนอยู่ ไม่ค่อยสะดวกหากพวกเราจะเข้าไปในบ้าน ถ้าอย่างนั้นเราไปนั่งคุยในศาลาข้างๆสระบัวดีมั้ย”
ไม่เชิญแขกเข้ามาในบ้านถือเป็นการเสียมารยาท แต่ทั้งบ้านใหญ่ตระกูลฟางก็กำลังเก็บตัวฝึกฝนกันหมด ไม่เพียงแต่เหล่าผู้อาวุโสที่คุ้มกันอยู่ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ปล่อยสัตว์อมตะ 100 กว่าตัวคอยเฝ้าไว้
ตอนนี้ไม่สะดวกที่จะเชิญพวกเขาเข้าไปจริงๆ
เมื่อได้ยินคำพูดของนาง หวงฝู่หยีมู่ก็ยิ้ม “ข้าจำได้ว่านายท่านใหญ่ตระกูลฟางอยู่ระดับปรากฏเทพเทวาแล้ว ถ้าตอนนี้บรรลุอีกก็เป็นบรรลุเทพเทวาน่ะสิ”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเราก็ขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย ตอนนี้ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธที่บรรลุเป็นบรรลุเทพเทวาได้มีน้อยลงเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ก็ติดอยู่ที่ปรากฏเทพเทวา ไม่มีอะไรคืบหน้า”
——————————