TQF:บทที่ 666 รวมตัวอีกครั้ง(3)

นัยน์ตาสีดำสนิทของหวงฝู่เส้าจวินเป็นประกายอยู่แว้บหนึ่งและพูดกับเฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มๆ

พระธิดาทั้ง 2 ก็พยักหน้าเช่นกัน หลังจากที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวกล่าวขอบคุณแล้วก็พาพวกเขาไปที่ศาลาขนาดใหญ่ด้านหน้า

อย่างไรซะตระกูลฟางก็เป็น 1 ใน 10 ตระกูลใหญ่ เรื่องฉากหน้าทำได้ดีมาก แม้แต่ศาลาก็ถูกเก็บกวาดจนสะอาดสอ้าน รอบๆศาลาประดับไปด้วยม่านสีชมพูบางๆ พลิ้วไหวไปตามสายลมเพื่อสร้างบรรยากาศ

ทุกคนนั่งเข้าที่ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ได้เรียกคนรับใช้ออกมาต้อนรับแขก นางหยิบผลไม้ต่างๆที่เตรียมไว้ออกจากมิติและวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็เป็นชาวิเศษ พลางพูดยิ้มๆ “ของพวกนี้ไม่ใช่ของดีอะไร หวังว่าพระโอรสและพระธิดาทั้ง 4 จะไม่ว่ากัน”

“พลังวิญญาณหนาแน่นมาก” พระธิดาซีหลานอุทานทั้งที่ยังไม่ได้ลิ้มรส

พระธิดาฉียวี่มองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าและถามด้วยความสงสัย “แม่นางเฉิง ข้าขอโทษนะ แต่ข้าอยากถามว่าเจ้าซื้อสิ่งเหล่านี้จากตึกจงหยวนใช่มั้ย ข้ารู้สึกว่าเหมือนจะเป็นของที่นั่น”

“แน่นอนว่าใช่….”

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ทันจะอ้าปาก หยูเฮงน้อยก็ชิงตอบคำถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ข้าคิดว่าสินค้าที่ตึกจงหยวนดีใช้ได้จึงตั้งใจซื้อมาให้พวกเจ้า เป็นไง ข้าดีกับพวกเจ้ามั้ย”

“มิน่าล่ะถึงรู้สึกๆคุ้นตา ที่แท้ก็ของจากตึกจงหยวนนี่เอง ของๆพวกเขาดี แต่ไม่รู้ว่ามาจากไหน”

หวงฝู่เส้าจวินยกชาวิเศษขึ้นจิบและพยักหน้า “รสชาติเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าพลังวิญญาณจะหนาแน่นกว่า”

“นั่นเป็นเพราะคุณหนูของข้าไม่ได้เติมน้ำลงไป แต่ใช้น้ำวิเศษปรุงโดยตรงก็ต้องไม่เหมือนกันอยู่แล้ว” หยูเฮงน้อยตอบขึ้นมาอีก สรุปก็คือปล่อยให้นางโม้ไป

พระธิดาซีหลานผู้นิ่งเงียบกลังส่งยิ้มให้หวงฝู่เส้าจวินและพูดว่า “น้องเส้าจวินนี่รู้จักตึกจงหยวนดีจังเลยนะ แค่ชาวิเศษก็สามารถรู้สึกได้ถึงความแตกต่าง พวกเราสิไม่รู้สึกอะไรเลย”

“พี่ซู่ซินพูดเป็นเล่นไป รู้จักดีอะไรกัน ก็แค่รู้สึกว่าสินค้าที่ตึกจงหยวนดีจึงซื้อกลับไปใช้ถึงได้มีความรู้นิดหน่อย”

สีหน้าของหวงฝู่เส้าจวินไม่เปลี่ยน แต่เหลือบมองหวงฝู่หยีมู่อีกด้านด้วยหางตา อยากรู้ว่าเขามีสีหน้าอย่างไร

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยังคงมียิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า นางนั่งฟังการสนทนาของทุกคนโดยไม่มีท่าทีจะขัดจังหวะ

หวงฝู่หยีมู่หยิบชาวิเศษขึ้นจิบแล้วจึงหยิบผลไม้ขึ้นมากิน ท่าทางเหมือนหยูเฮงน้อยไม่มีผิด เจ้าคนโตและคนเล็กตรงหน้ากินผลไม้อย่างมีความสุข

พระธิดาฉียวี่มองเขาอย่างตั้งใจก่อนจะทอดสายตาไปยังเฉิงเสี่ยวเสี่ยว และเอ่ยถามเสียงเบา “แม่นางเฉิง สำนักมารเป็นสำนักชั้น 2 อิทธิพลไม่น้อย ข้ากลัวว่าพวกเขาจะไม่ยอมกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ไม่รู้ว่าแม่นางเฉิงจะทำอย่างไร ถ้าหากต้องการก็แค่บอก พวกเราตำหนักองค์ชาย 7 พอมีอะไรจะให้อยู่บ้าง”

การชักชวนซึ่งๆหน้าดึงดูดสายตาจากพระโอรสทั้ 2 และพระธิดา แต่พระธิดาฉียวี่ก็ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ยังคงมองเฉิงเสี่ยวเสี่ว ราวกับว่านางนั่นแหละที่มีบางสิ่งจะขอความช่วยเหลือจากนาง

ดวงตามีชีวิตชีวาของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเปล่งประกายแวววาวและคลี่ยิ้ม “ขอบคุณความหวังดีของพระธิดา หากมีความต้องการละก็จะขอความช่วยเหลือจากพระธิดาและพระโอรสอย่างแน่นอน ในตอนนี้พวกเรายังไม่พบปัญหาที่เราแก้ไขไม่ได้ และเชื่อว่าหลังจากนี้เราก็สามารถแก้ไขปัญหาของเราได้ในอนาคต”

“แม่นางเฉิงอย่าเกรงใจไปเลย พวกเราถือว่าพบปะกันเป็นครั้งที่ 2 แล้ว อย่างไรก็นับว่าเป็นเพื่อนกันแล้วเพื่อนๆต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ถ้าเกรงใจกันเกินไปก็ไม่ดี”

พระธิดาฉียวี่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายปฏิเสธจริงจังหรือไม่ แต่ยังคงมองนางด้วยรอยยิ้มหวังดี

“เป็นเพื่อนกัน”

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้าและเห็นสีหน้าดีใจของพวกเขาและพูดต่อไปว่า “หลักการของข้าคือคนที่เห็นข้าเป็นเพื่อนข้าก็จะเห็นเขาเป็นเพื่อนด้วย ดังนั้นทุกคนวางใจได้ พวกเราใจแลกใจคือ ตราบใดที่เราเป็นเพื่อนที่จริงใจต่อกันเราก็จะจริงใจต่อท่าน”

“เหอะๆๆ แม่นางเฉิงพูดได้ดี เพื่อนกันก็ต้องจริงใจกันอยู่แล้ว มันก็เป็นเรื่องจริง”

หวงฝู่เส้าจวินหัวเราะเบาๆ มองเฉิงเสี่ยวเสี่ยวอย่างอ่อนโยน “แม่นางเฉิงเป็นคนตรงไปตรงมา ต้องมีคนมากมายที่อยากจะเป็นเพื่อนกับแม่นางเฉิงแน่ๆ หวังว่าแม่นางเฉิงจะไม่ลืมข้าคนนี้นะ”

“พระโอรสพูดเป็นเล่นไป” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยกแก้วชาวิเศษขึ้นใส่เขาและดื่มอย่างเป็นธรรมชาติ

การกระทำนี้ทำให้รอยยิ้มของหวงฝู่เส้าจวินกว้างขึ้นอีกหน่อย ราวกับนัยน์ตาสีเข้มนั้นจะทะลักออกมา

หวงฝู่หยีมู่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเฉิงเสี่ยวเสี่ยวหยิบผลไม้มา 1 ลูกและโยนไปให้เฉิงเสี่ยวเสี่ยว “สหายของข้ามอบผลไม้ให้เจ้ากิน ทั้งหอมทั้งหวานและอร่อยมาก ที่สำคัญรสชาติเยี่ยมยอด ข้าเชื่อว่าเหมาะสำหรับเจ้าอย่างแน่นอน อย่าปฏิเสธให้ข้าต้องช้ำใจล่ะ”

“…….” แม่ทัพอ๋องผู้โหดเหี้ยมและไร้ความเมตตากับพูดคำที่น่าขนลุกเช่นนี้ออกมาได้ เหล่าลูกพี่ลูกน้องของเขาต่างพากันมองบน

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่ได้รับผลไม้ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก นางเอามากกัดคำนึงจริงๆ กินไปพูดไป “ไม่เลว อร่อยดี ผลไม้นี้สดชื่นจริงๆ”

“ถือว่าเจ้าดูเป็น” หวงฝู่หยีมู่ยิ้มอย่างพอใจและไม่ลืมที่จะยักคิ้วให้คนอื่น

เมื่อเห็นฉากนี้หยูเฮงน้อยก็หัวเราะในใจอย่างบ้าคลั่ง

พวกนางคนกลุ่มใหญ่นั่งพูดคุยกันอย่างมีความสุขที่นี่ แต่บรรยากาศในอีกด้านหนึ่งอึดอัดเป็นอย่างมากโดยเฉพาะคนรับใช้ที่นี่ แต่ละคนกลัวจนใจเต้นระส่ำ เกรงว่าหากไม่ระวังจะเกิดปัญหากับตัวเองได้ ต่างเฝ้าอยู่ข้างนอกอย่างระมัดระวัง

ในห้องรับแขกอันหรูหราและโอ่อ่า สีหน้าของทุกคนดูย่ำแย่มาก โดยเฉพาะฟางซูเสวี่ยที่นั่งอยู่บน 1 ในที่นั่งหลัก แม้ว่านางจะได้รับการรักษาด้วยเม็ดยาและการลำเลียงพลังเซียนแล้วใบหน้าของนางก็ยังมีรอยแดงอย่างผิดปกติอยู่ ดูแล้วแปลกประหลาดสิ้นดี ท่าทีสง่างามของนางถูกใบหน้าทำลายจนหมดสิ้น ราวกับยัยป้าที่สวมใส่ชุดหรูหรา ดูยังไงก็พิลึก

เจ้าสำนักไม่แม้แต่จะมองนาง เหมือนกับสะกดความแค้นใจไว้อยู่ อีกสักพักไม่รู้ว่าใครจะเป็นเป้าหมายระบายอารมณ์ของเขา

ส่วนแต่ละคนในบ้านตระกูลฟางที่นั่งอยู่ด้านล่างต่างก้มหน้าอย่างหดหู่ ท่าทางรอถูกจัดการ

ฟางหมิงจื้อกลับเงยหน้าขึ้นมองดูพี่เขยก่อนจะหันไปพูดกับฟางซูเสวี่ย “พี่ ท่านเห็นแล้วใช่มั้ยว่าพวกนางจองหองแค่ไหน ถ้าไม่ไล่พวกเขาออกจากตระกูลฟางไม่ช้าก็เร็วพวกเขาต้องไล่เราออกแน่”
———————————-