TQF:บทที่ 667 รวมตัวอีกครั้ง(4)
“พวกนางอย่าหวัง คนบ้านนี้แซ่ฟางไม่ได้แซ่เฉิง พวกนางคู่ควรด้วยรึ…”
ฟางซูเสวี่ยบันดาลโทสะอีกครั้งและตบเข้าที่โต๊ะ โต๊ะที่วางแก้วก็รับเคราะห์ไปโดยปริยาย แม้กระทั่งแก้วทั้ง 2 ใบก็หนีไม่พ้นเคราะห์นี้เช่นกัน
ฟางเต๋อซิวที่เงียบขรึมไม่พูดแอบหัวเราะเยาะในใจ เขาจะคู่ควรหรือไม่ก็ไม่ใช่อะไรที่เจ้าฟางซูเสวี่ยตัดสินได้ เขามีพลังมากพอ แต่ยัยเด็กที่โตในบ้านนี้สิ วางมาดภรรยาเจ้าสำนักแม้กระทั่งต่อหน้าผู้ใหญ่
“เสวี่ยเอ๋อ พวกเราจะสามารถมีชีวิตที่ดีในบ้านหลังนี้ได้มั้ยต้องพึ่งพวกเจ้าแล้วนะ พวกเราไม่มีข้อเรียกร้องอื่นๆ ขอแค่ไล่ยัยฟางซูเสวี่ยและเด็กสาวชั่วร้ายทั้ง 2 คนที่นางพามาด้วยออกจากบ้านตระกูลของเราไปก็พอ” ฟางเต๋อถังมองหน้าลูกสาวและลูกเขย แต่เขาไม่กล้าบอกลูกเขยโดยตรง กลับบอกกับลูกสาวของตัวเองแทน
“เรื่องนั้น….”
ฟางซูเสวี่ยก็ไม่ได้โง่ จึงไม่ได้รับปากทันที เบือนสายตาไปยังสามีข้างกายเพื่อขอความคิดเห็นของเขา
ในเวลานี้เจ้าสำนักมารที่โกรธจัดไม่มีอารมณ์จะจัดเรื่องของตระกูลฟางหรอก เขาแค้นจนแทบจะล้างบางตระกูลฟางที่ทำให้เขาต้องอับอายขายขี้หน้า จะได้ไม่นึกถึงทีก็โมโหที
“สามี…” เมื่อเห็นผู้ชายของตัวเองไม่ท่าทีจะสนใจก็อดร้องเรียกไม่ได้
น้ำเสียงอ่อนโยนอย่างถึงที่สุด แต่เมื่อรวมเข้ากับใบหน้าของนางแล้วกลับทำให้เจ้าสำนักมารอยากจะอ้วกทันที เขาลุกขึ้นยืนและพูดเสียงขรึม “เรื่องนี้อีก 2 วันค่อยว่ากัน ตอนนี้กลับไปพักผ่อนที่ห้อง”
พูดจบก็ออกจากห้องรับแขกไปที่ตึกนอนที่เตรียมไว้สำหรับพวกเขาทันที
เหลือเพียงคนในห้องรับแขกที่นั่งมองหน้ากัน รู้สึกเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เมื่อก่อนลูกเขยคนนี้กลับบ้านตระกูลฟางไม่ได้ปฏิบัติต่อทุกคนเช่นนี้
ความกังวลในสายตาฟางเต๋อซิวเจ้าบ้านชัดเจนมากขึ้น เพียงแต่เขาซ่อนมันได้ดีจึงไม่มีใครรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของเขา
ส่วนฟางเต๋อหรงบ้านสี่นั้นเฉยเมยเป็นที่สุดราวกับว่าเรื่องราวทุกอย่างไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา เขาก็แค่คนดูเท่านั้น
ฟางซูเสวี่ยอึดอัดเล็กน้อย ตอนนี้นางต้องเผชิญกับผู้ใหญ่ซะส่วนใหญ่ เดิมทีมีเจ้าสำนักมารนั่งคุมอยู่ที่นี่นางยังสามารถวางมาดได้อย่างสบายใจ แต่ตอนนี้สามีนางทิ้งนางไว้คนเดียว นางรู้สึกอึดอัดใจที่ต้องอยู่ตัวคนเดียว
ไม่ว่าอย่างไรในเมื่อนั่งอยู่ที่ที่นั่งหลักแล้ว อย่างไรซะนางก็จะไม่เดินลงมา จึงได้แต่แสแสร้งนั่งอยู่ด้วยความใจเย็น
ฟางเต๋อถังเห็นท่าทีของลูกสาวแม้ว่าจะค่อนข้างไม่ชอบใจแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก อย่างไรซะเขาก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากลูกสาวอยู่
“เสวี่ยเอ๋อ ตอนนี้ไม่ใช่แค่ยัยเด็กผู้หญิง 2 คนนั้นที่วิทยายุทธไม่ธรรมดา แต่ฟางเต๋อหยวนก็เก็บตัวฝึกฝนในวันนี้ ได้ข่าวว่าเขากำลังจะบรรลุเป็นบรรลุเทพเทวา ถ้าเขาทำสำเร็จละก็ ครอบครัวของเราก็คง….”
แม้ไม่ได้พูดต่อแต่ความหมายก็บอกไว้ชัดเจนแล้ว หลักๆก็จะดูว่านางจะช่วยครอบครัวตัวเองอย่างไร
เมื่อฟางซูเสวี่ยทราบข่าวก็รู้สึกตะลึงอยู่ในใจ สีหน้าเคร่งเครียดขึ้น “ท่านพ่อ ท่านลุงรอง ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่อยากช่วย แต่บรรลุเทพเทวาไม่ง่ายอย่างที่คิด สำนักมารของเราก็มีบรรลุเทพเทวาเพียง 2 คนเท่านั้น และพวกเขาไม่สนใจเรื่องภายนอกมาหลายร้อยปีแล้ว เว้นแต่ว่าสำนักมารของเราจะเผชิญกับการถูกล้างบางพวกเขาถึงจะช่วย ความขัดแย้งส่วนตัวแบบนี้พวกเขาไม่ลงมืออยู่แล้ว ต่อให้คุกเข่าขอร้องพวกเขาก็ไม่ช่วยหรอก”
“…..”
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนในห้องรับแขกรู้สึกเหมือนตกลงไปในก้นเหว หนาวไปถึงทรวงจริงๆ เย็นยิ่งกว่าการดื่มน้ำเย็นในฤดูร้อน
แต่อารมณ์ของฟางเต๋อซิวในตอนนี้นั้นแตกต่างจากคนอื่น ดวงตาของเขาน่ากลัว มือของเขากำหมัดแน่น
บรรลุเทพเทวาเลยนะ ตระกูลฟางของพวกเขามีประวัติเป็นพันๆปีก็ยังคงไม่มีก้าวสู่เทพเทวา ตอนนี้อุตส่าห์มีบรรลุเทพเทวามาปรากฏแล้ว แต่เขากลับสร้างปัญหาไม่รู้จบเพราะความแค้นส่วนตัว พยายามอย่างที่สุดที่จะกำจัดบรรลุเทพเทวนี้ไป
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เจ้าบ้านฟางเต๋อซิวก็อ้าปากหายใจอย่างหนัก ไม่รู้ว่าโกรธหรือเศร้า เห็นเพียงว่าเขาสั่นไปทั้งตัวทำให้คนรอบข้างอุทานขึ้นด้วยความตกใจ
โดยเฉพาะภรรยาของเขา “นายท่าน ท่านเป็นอะไรไป”
“ไป กลับไปกับข้า กลับไปให้หมด” จู่ๆฟางเต๋อซิวก็ลุกขึ้นยืนอย่างแรงตะโกนใส่คนรอบตัวอย่างเกรี้ยวกราดแล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
ฟางเต๋อหรงมองไปยังคนที่ออกไปด้วยความรีบร้อน สายตากระพริบนิดหน่อยก่อนจะลุกขึ้นยืนเช่นกันและพูดกับครอบครัวตัวเอง “กลับเถอะ ข้าก็รู้สึกไม่สบายเท่าไหร่”
ดังนั้นคนบ้านสี่ก็จากไปตามๆกัน
ทั้งห้องรับแขกเหลือเพียงคนบ้านสาม สีหน้าฟางเต๋อถังอึมครึมจนน่ากลัว แววตาดุร้ายและแค้นเคือง ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ฟางซูเสวี่ยรู้สึกแปลกๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆคนถึงไปกันหมด เหลือแค่นางและพ่อแม่อยู่ที่นี่
“ท่านพ่อ ท่านแม่ หมิงจื้อ เกิดอะไรขึ้น”
——————————