TQF:บทที่ 668 พระโอรสสารภาพรัก (1)

 

 

 

“เสวี่ยเอ๋อ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นอย่างไร เจ้าก็ต้องพยายามหาวิธีมาช่วยพวกเรานะ ไม่อย่างนั้นฟางซูหยุนไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่”

 

ฟางเต๋อถังลุกขึ้นยืนจ้องมองลูกสาวนิ่งก่อนจะเดินจากไป

 

สีหน้าของฟางซูเสวี่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย สุดท้ายแล้วทอดสายตาไปที่พ่อแม่และฟางหมิงจื้อน้องชายตัวเอง

 

แต่ฟางหมิงจื้อที่มีสีหน้าไม่สู้ดีอ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่มีคำพูดอะไรออกมา

 

ฟางเต๋อซิวพาภรรยาและลูกหลานกลับสู่บ้านหลักทั้งหมด เขาไล่เด็กๆออกไปก่อนจะตะคอกใส่ลูกเมียด้วยความโมโห “ตามข้ามาที่ห้องหนังสือ”

 

จนถึงตอนนี้พี่น้อง 3 คนฟางหมิงต๋าก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆท่านพ่อถึงโมโหขึ้นมา

 

แต่คำสั่งของพ่อแม่พวกเขาไม่กล้าไม่เชื่อฟัง แม่ลูก 4 คนจึงตามเข้ามาที่ห้องหนังสือ

 

ฟางเต๋อซิวที่นั่งอยู่ในห้องหนังสือเมื่อเห็นการมาของพวกเขาก็ตะโกนด่าลูกชายทั้ง 3 อย่างเดือดดาล “พวกเดรัจฉาน คุกเข่าลง….”

 

“ตุ้บ…”

 

พี่น้อง 3 คนล้วนคุกเข่าลงต่อหน้าท่านพ่อของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อแม่พวกเขาก็มีเพียงสถานะเดียวเท่านั้น นั่นก็คือลูกชาย ไม่ว่าจะอายุมากแค่ไหนก็ต้องคุกเข่าต่อหน้าพ่อแม่

 

จางชิวถิงมองสามีที่หลับตาอีกครั้งและมองลูกชายที่คุกเข่าบนพื้น นางอยากจะพูดบางอย่างแต่ก็หยุดไว้ก่อน ได้แต่นั่งเงียบๆ

 

ทั้งห้องหนังสือเหลือเพียงเสียงลมหายใจ บรรยากาศแปลกไปนิดหน่อย 3 พี่น้องฟางหมิงต๋าเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ

 

หลังจากที่ผ่านไป 1 ดอกธูป ฟางเต๋อซิวที่หลับตาอยู่จึงเอ่ยถามขึ้น “พวกเจ้ารู้ตัวไหมว่าทำอะไรผิด”

 

พี่น้องทั้ง 3 มองหน้ากันต่างเห็นความประหลาดใจและความงุนงงในสายตาของอีกฝ่าย ไม่มีใครเอ่ยตอบ

 

“ดูเหมือนพวกเจ้าจะไม่รู้นะ”

 

ฟางเต๋อซิวค่อยๆลืมตาขึ้นในเวลานี้จ้องมองไปยังลูกชายทั้ง 3 ตรงหน้าและพูดต่อ “ข้ารู้ว่าทำไมพวกเจ้าถึงเลือกอยู่ฝั่งเดียวกับลุงสามของพวกเจ้า เพราะพวกเจ้ามีตำแหน่งเจ้าบ้านอยู่ในใจ พวกเจ้าล้วนอยากเป็นเจ้าบ้าน….”

 

พูดมาถึงตรงนี้สายตาของฟางเต๋อซิวก็มองไปยังคนที่นั่งข้างๆด้วยสายตาคมกริบ “ความอยากได้อยากมีของเจ้าไม่อนุญาตให้เจ้าปล่อยสถานะภรรยาเจ้าบ้านไป เจ้าจึงหว่านล้อมคนตระกูลจางให้พวกเขาหนุนหลังให้ หวังให้ลูกชายของเจ้าชนะและเจ้าก็ไม่ต้องห่วงอะไรอีก”

 

“……” ใบหน้าของจางชิงถิงอึดอัดนิดหน่อย ไม่กล้าสบตากับนัยน์ตาที่มองทะลุถึงใจคนได้ของสามี

 

“ที่จริงสิ่งที่พวกเจ้าคิดก็ไม่ผิดหรอก สิ่งที่พวกเจ้าต้องการเป็นเรื่องปกติ แต่ข้าอยากจะถามพวกเจ้าสักหน่อยว่ามีตำแหน่งเจ้าบ้านมีแค่ตำแหน่งเดียว พวกเจ้าพี่น้องมีใครอยากจะเสียสละมั้ย ถ้าไม่อยากเสียสละแล้วจะเป็นเหมือนกับอาสามของพวกเจ้าอีกมั้ย หาคนมาหนุนหลังตัวเองแล้วค่อยสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายกับพี่น้องของเจ้า”

 

พูดมาถึงตรงนี้ฟางเต๋อซิวก็ถามภรรยาตัวเองอย่างเย็นชา “เจ้าล่ะ อยากนั่งตำแหน่งภรรยาเจ้าบ้านและนั่งดูลูกชายตัวเองฆ่ากันเอง ไม่ว่าใครจะเป็นจะตายเจ้าก็ไม่สนใจ ขอแค่ได้อยู่ในตำแหน่งภรรยาเจ้าบ้านก็พอแล้ว”

 

“……” สีหน้าของจางชิวถิงค่อยๆซีดลงเรื่อยๆ นางกัดริมฝีปากแน่นโดยไม่รู้ตัว ยังไม่ยอมพูดอะไร

 

ฟางเต่อซิวมองนางก่อนจะหันไปหาลูกชายทั้ง 3 ของตัวเองและถามด้วยกึ่งยิ้ม “ถ้าบ้านใหญ่ไม่ต้องการตำแหน่งเจ้าบ้านละก็พวกเจ้าก็พอมีคุณสมบัติอยู่จริงๆ พูดถึงคุณสมบัติ จริงๆแล้วมีแค่บ้านใหญ่เท่านั้นที่มีคุณสมบัติจริงๆ พวกเจ้ารู้ไหมว่าบ้านใหญ่เป็นสายเลือดตรงและข้าก็แค่ชิงอำนาจมาเท่านั้น แน่นอนว่าข้ามีความสามารถมากพอ แต่ก็เป็นเพราะบ้านใหญ่เต็มใจยกให้โดยไม่แก่งแย่งถึงได้มีสถานการณ์อย่างวันนี้”

 

“พวกเจ้าล่ะ ความทะเยอทะยานของพวกเจ้าข้าเห็นอยู่เต็มตา ในใจก็รู้ดีว่าไม่ว่าจะเป็นใครที่ได้ไปก็จะไม่มีใครยอม นี่ก็ไม่น่าแปลกหรอกเพราะข้าก็ทำแบบเดียวกันมาก่อน แต่พวกเจ้ารู้มั้ยว่าคำว่า ‘เจ้าบ้าน‘ มันหมายความว่าอะไร”

 

สีหน้าของฟางเต๋อซิวเข้มงวดมาก เขาชี้ไปที่ลูกชายคนโตและถาม “เจ้าลองพูดให้ข้าฟังซิ”

 

“เจ้าบ้านจะต้องรับผิดชอบต่อทั้งตระกูลฟาง พัฒนาตระกูลให้ตระกูลแข็งแกร่งยิ่งขึ้น” ฟางหมิงต๋ากล่าวเสียงเข้ม ในวินาทีนั้นเขาก็เริ่มเข้าใจในที่สุดว่าทำไมพ่อของเขาถึงอารมณ์เสียขึ้นมาซะอย่างนั้น

 

“ดี ไม่เลว” ฟางเต๋อซิวพยักหน้าอย่างไร้อารมณ์ “ถ้าเจ้าเป็นเจ้าบ้าน จะทำอย่างไรให้ได้แบบที่เจ้าพูด”

 

“แน่นอนว่าต้องให้ทั้งตระกูลร่วมมือกัน ช่วยกันฝึกฝนคนรุ่นใหม่และสามัคคีต่อกรกับคนนอก” ฟางหมิงต๋าพูดต่อ

 

“ดีๆๆ”

 

ฟางเต๋อซิวยังคงพูดคำว่าดีต่อไปเป็นการประเมิน สายตาของเขาหันไปหาฟางหมิงหยางลูกชายคนที่ 2 และถาม “เจ้าก็ลองพูดมาซิ บอกความคิดของเจ้าให้ข้าฟังหน่อย”

 

“เจ้าบ้านคือการจัดการกับปัญหาทั้งหมดของตระกูล เขาต้องมีความน่านับถือกับคนภายในเพื่อดูแลคนในตระกูล และมีอำนาจกับคนภายนอกเพื่อไม่ให้ใครดูถูก”

 

“ถูกต้อง งั้นเจ้าลองพูดซิว่าต้องทำอย่างไรถึงจะเป็นแบบนั้นได้” ฟางเต๋อซิวกระพริบตานิดหน่อยและถามต่อ

 

“ความสามัคคี คนทั้งตระกูลเชื่อฟังคำสั่ง ยกระดับวิทยายุทธของตัวเองไม่ให้ผู้อื่นมารังแกได้”

 

“ดี ไม่เลว”

 

หลังจากฟางเต๋อซิวแสดงความคิดเห็นไปสายตาของเขาก็หันไปหาลูกชายคนเล็กและถามต่อ “แล้วเจ้าล่ะ มีคำตอบที่แตกต่างจากนี้มั้ย เจ้าอยากจะเพิ่มอะไรให้กับคำตอบของพี่ชายของเจ้ารึเปล่า”

 

“ท่านพ่อ เจ้าบ้านก็ทำเช่นนี้ตลอดไม่ใช่หรือ” ฟางหมิงผิงตอบเสียงเข้ม ไม่สื่อความหมายใด

 

ฟางเต๋อซิวไม่ได้โมโหโทโสและก่นด่าใคร เขาเพียงมองหน้าลูกชายทั้ง 3 และพยักหน้าพูดว่า “ความคิดของพวกเจ้าดี แต่ความจริงไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิด เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง ข้าแค่อยากจะถามพวกเจ้าว่าถ้าตอนนี้พวกเจ้าเป็นเจ้าบ้าน และเจอปัญหาอย่างลุงใหญ่และอาสามของเจ้า พวกเจ้าจะจัดการอย่างไร จำไว้ว่าพวกเจ้าอยู่ในฐานะเจ้าบ้าน จำสิ่งที่พวกเจ้าเพิ่งพูดไปเมื่อกี้เกี่ยวกับความรับผิดชอบในฐานะเจ้าบ้าน พวกเจ้าจะทำอย่างไร”

 

“……”

 

พี่น้องทั้ง 3 นิ่งเงียบอย่างใช้ความคิด ไม่มีใครพูดอะไร

————————–