บทที่ 406 สระโลหิต

ภายในโลกขอบเขตนภานั้นมีความแตกต่างจากโลกขอบเขตรวมแสงดาราเป็นอย่างมาก

หลังจากเข้าสู่โลกขอบเขตนภา สิ่งที่ทุกคนเห็นก็คือสภาพแวดล้อมของที่นี่จะเป็นดินแดนที่ราบขนาดใหญ่

ซึ่งดินแดนนี้มันเหมือนจะถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วน ๆ ซึ่งแต่ละส่วนนั้นก็มีขนาดเท่ากับอาณาเขตของเมืองหยูหลัน ส่วนขนาดความกว้างของดินแดนที่ราบนี้ทั้งหมดนั้นเล็กกว่าทวีปเทียนหยวนอยู่พอสมควร

“พี่หลิง ท่านรู้ไหมว่าพวกเราอยู่ที่ไหน?” หวงเซียะถาม

หลิงตู้ฉิงขี้เกียจเกินไปที่จะตอบนางกลับ เขาเผิกเฉยกับคำถามของนางและเอาแต่เร่งบินไปข้างหน้า

“ถ้ากงหนิวอยู่ด้วย การเดินทางของเรามันคงจะเร็วกว่านี้มาก” หลิงตู้ฉิงพูดกับหลิงเทียนหยุน

หลิงเทียนหยุนยิ้มและพูดว่า “ต่อให้เรายังมีสิทธิ์ในการเข้าเหลือ เราก็ต้องคิดอยู่หลายตลบอยู่ดีว่าเราจะให้เขาเข้ามาด้วยไหม เพราะว่าเขาเองก็ไม่มีความแข็งแกร่งมากนัก แถมความสามารถในการเอาตัวรอดของเขาก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษเลย ข้าคิดว่าหากเขาเข้ามาที่นี่เขาคงจะมีชีวิตรอดกลับออกไปได้ยาก”

เนื่องจากหลิงเทียนหยุนติดตามหลิงตู้ฉิงมาหลายปีแล้วมันจึงส่งผลให้มาตรฐานในการวิเคราะห์คนของเขาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในขอบเขตนภา แต่เขาก็รู้สึกว่ากงหนิวไม่ได้มีความแข็งแกร่งมากนัก

เมื่อเห็นพ่อและลูกชายคุยกันเองและไม่สนใจนาง หวงเซียะก็ทำหน้าล้อเลียนแลบลิ้นใส่หลิงตู้ฉิงจากด้านหลัง

ในช่วงเวลาสั้น ๆ พวกเขาทั้งสามก็บินไปจนสุดพื้นที่แรกที่พวกเขาเข้ามา จากนั้นพวกเขาก็ได้ผ่านกำแพงแบ่งพื้นที่เข้าสู่พื้นที่ที่สอง

หลิงเทียนหยุนที่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกการผ่านกำแพงแบ่งพื้นที่ จากนั้นเขาพูดขึ้นว่า “ท่านพ่อ ทำไมเมื่อครู่ข้าถึงรู้สึกเหมือนว่าข้าออกจากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่ง?”

ความรู้สึกของหลิงเทียนหยุนที่เขารู้สึกก็คือมันเหมือนกับว่าเมื่อครู่เขาเคยได้อยู่ห้องขนาดกว้างโปร่งสบายแล้วหลังจากนั้นจู่ ๆ เขาก็เดินเข้ามาอยู่ในห้องแคบ ๆ ที่ให้ความรู้สึกคนละแบบ

หวงเซียะที่รู้สึกก็เอ่ยขึ้นเช่นกัน “ข้ารู้สึกว่ามันเปลี่ยนจากอาณาเขตหนึ่งไปยังอีกอาณาเขตหนึ่ง!”

หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่หวงเซียะ จากนั้นเขายิ้มให้หลิงเทียนหยุนและพูดว่า “หยุนเอ๋อ หวงเซียะพูดถูกแล้ว ในโลกขอบเขตนภานี้มันประกอบขึ้นด้วยอาณาเขตมากมายเชื่อมติดกัน แต่อาณาเขตของที่นี่นั้นมันจะมีขนาดเล็กมากกว่าอาณาเขตที่อยู่ข้างนอก เนื่องจากอาณาเขตเหล่านี้มันเป็นอาณาเขตที่ยังสร้างไม่เสร็จ ซึ่งมันก็เลยไม่สามารถขยายใหญ่มากไปได้มากกว่านี้”

หลิงเทียนหยุนพยักหน้าแสดงว่าเขาเริ่มพอจะเข้าใจได้บ้างแล้ว “ท่านพ่อ ถ้าอย่างนั้นมันก็แปลว่าตัวตนที่ท่านเคยพูดถึง ไม่ได้ต้องการที่จะสร้างโลกใบนี้ให้เหมือนกับโลกของเราที่อาศัยอยู่ใช่ไหม?”

หลิงเทียนหยุนที่ได้ติดตามหลิงตู้ฉิงมาตลอดตั้งแต่โลกขอบเขตประสานทะเลปราณถึงโลกขอบเขตนภา จากมุมมองของเขาโลกขอบเขตนภานั้นประกอบไปด้วยอาณาเขตมากมายเชื่อมต่อกัน ส่วนโลกขอบเขตรวมแสงดารานั้นก็เต็มไปด้วยเต๋ามากมายที่แตกต่าง หากสิ่งเหล่านี้ถูกวิวัฒนาการไปจนสมบูรณ์ สภาพแวดล้อมของมันก็จะต้องไม่เหมือนกับโลกของพวกเขาแน่นอนจริงไหม?

“ถูกต้อง” หลิงตู้ฉิงถอนหายใจ

“พี่หลิง นี่ท่านกำลังจะบอกว่าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยใครบางคนงั้นเหรอ?” หวงเซียะที่ยืนอยู่ด้านข้างจับสถานการณ์ได้

“ใช่!” ในที่สุดหลิงตู้ฉิงก็ตอบนาง

หวงเซียะตกใจจนพูดไม่ออก

จากนั้นก็ผ่านไปกว่า 1 ปี พวกเขาทั้งสามได้เดินทางผ่านอาณาเขตเล็ก ๆ มามากมาย ด้วยความเร็วอันยิ่งยวดจนในที่สุดพวกเขาก็ได้มาถึงอาณาเขตที่เต็มไปด้วยเลือด

หลิงตู้ฉิงชะลอความเร็วลง และพูดกับหลิงเทียนหยุนและหวงเซียะ “นี่คือจุดหมายปลายทางของเราในโลกขอบเขตนภานี้ นี่คือ อาณาเขตสระโลหิต! สำหรับผู้อื่น การที่พวกเขาเข้ามาในโลกขอบเขตนภา มันเป็นเพราะพวกเขาต้องตามหาพลังแห่งกฎที่แฝงอยู่ในแต่ละอาณาเขต ซึ่งมันจะช่วยให้พวกเขาสามารถทะลวงศักยภาพของขอบเขตนภาของตัวเองได้ แต่ถ้าหากเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ต้องการพัฒนาสายเลือดของตนเอง อาณาเขตสระโลหิตคือสถานที่ที่พวกเขาจำเป็นต้องมาที่สุด”

“นี่เป็นเพราะภายในสระโลหิตของอาณาเขตสระโลหิต มันจะมีเลือดที่เหมาะกับสายเลือดต่าง ๆ ซึ่งเมื่อเหล่าผู้คนที่มีสายเลือดพิเศษต่าง ๆ ได้ดูดซับเลือดเหล่านั้นที่เหมาะกับสายเลือดของเขา มันจะสามารถเพิ่มความเข้มข้นของสายเลือดในร่างกายของพวกเขาได้อย่างมาก”

“ตัวอย่างเช่น แม่หนูน้อยหวงเซียะ หากนางดูดซับเลือดของนกฟีนิกซ์ที่อยู่ที่นี่ สายเลือดนกฟีนิกซ์ของนางจะเข้มข้นขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและศักยภาพของนาง”

หวงเซียะพูดด้วยความไม่พอใจ “พี่หลิง ข้ารู้ว่าท่านคือตัวตนที่เหนือล้ำมาก ๆ ในอดีต แต่นั่นมันเป็นอดีตไม่ใช่ปัจจุบัน ดังนั้นอย่าเรียกข้าว่าแม่หนูน้อยจะได้ไหม ข้าอยากให้ท่านเรียกแค่ชื่อของข้าก็พอ!”

ถึงแม้ว่าจะได้ยินคำทักท้วงของนาง หลิงตู้ฉิงก็ขี้เกียจเกินกว่าที่จะตอบอะไรกลับไป

หลิงเทียนหยุนทำราวกับว่าเขาไม่ได้ยินนางเช่นกัน เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็พูดกับหลิงตู้ฉิง “ท่านพ่อไม่คิดว่าเราจะใช้มันได้เหมือนกันงั้นเหรอ?”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวเล็กน้อย “นอกจากยู่ชานและฟ่างหัวแล้ว พวกเจ้าที่เหลือนั้นไม่ต้องการมันหรอก”

“อ๋อ” หลิงเทียนหยุนถามขึ้นต่อ “ถ้างั้นแล้วทำไมพวกเราไม่เก็บเลือดเหล่านี้ไปให้กับพี่ใหญ่และน้องห้าล่ะท่านพ่อ?”

หลิงตู้ฉิงยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “พ่อเอาพวกมันออกไปไม่ได้ เนื่องจากเลือดทุกประเภทในสระโลหิตนี้หากมันถูกดูดซับไปแล้วมันจะต้องรอไปอีก 500 วันมันถึงจะพร้อมให้ดูดซับได้อีกรอบ แม้แต่สำหรับพ่อ ด้วยวิธีการของพ่อ พ่อสามารถทำให้เลือดมันใช้งานได้เพียงแค่สองรอบในเวลาเดียวกันเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น สระโลหิตนี้มันเป็นสถานที่ที่อันตรายมาก ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ตกลงไปในสระโลหิต พวกเขาก็จะถูกสระโลหิตดูดกลืน ดังนั้นการที่จะได้เลือดเหล่านั้นมาแต่ละครั้งมันจึงเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก”

ถึงแม้ว่าสิ่งที่หลิงตู้ฉิงพึ่งอธิบายไปจะดูน่าสนใจ แต่สิ่งที่หวงเซียะให้ความสนใจที่สุดกลับเป็นเรื่องอื่น นางมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยความประหลาดใจและพูดว่า “พี่หลิง ท่านมีลูกอยู่หลายคนเลยงั้นเหรอ?”

หลิงเทียนหยุนอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปหานางและตอบกับหวงเซียะแทนพ่อของเขาว่า “ข้ามีแม่ 6 คนและข้าก็ยังมีพี่น้องอีก 6 คน”

หวงเซียะอดไม่ได้ที่จะตะลึง นางไม่คาดคิดว่าเขาจะมีลูกเยอะมากขนาดนี้

จากนั้นหลิงตู้ฉิงและหลิงเทียนหยุนก็ไม่ได้สนใจว่านางกำลังคิดอะไรต่อ พวกเขาทั้งคู่ร่อนลงไปบนพื้น จากนั้นก็เดินเท้าไปข้างหน้า ซึ่งที่พื้นที่พวกเขาเหยียบย่ำอยู่ในขณะนี้นั้นมีเลือดแปดเปื้อนอยู่ทุกที่

ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือแม้ว่าเลือดที่นี่จะมีมากสักเท่าไหร่ แต่ในเลือดเหล่านี้ก็ไม่มีกลิ่นอายของความอาฆาตใด ๆ ปะปนอยู่เลย

พูดอีกนัยหนึ่งคือเลือดนี้ไม่ได้มาจากการฆ่าสิ่งมีชีวิต

หลังจากเดินไปได้สักพัก หลิงตู้ฉิงก็หยุดและรอให้หวงเซียะตามทัน จากนั้นเขาเตือนว่า “ต้องมีการวิวาทกันในสถานที่นี้ ตอนนี้คงมีคนเสียชีวิตไปเยอะแล้ว พวกเจ้าต้องระวังอย่าอยู่ไกลเกินไปจากข้า”

หลิงเทียนหยุนหัวเราะ “ข้าไม่เป็นไรแน่นอน!”

หลิงตู้ฉิงยังคงเตือนเขาว่า “เจ้าไม่ควรมั่นใจในความสามารถของเจ้ามากเกินไป ความสามารถของเจ้าตอนนี้ยังไม่แข็งแกร่งพอ อย่าลืมว่าถ้าหากเจ้าเจอกับคนที่มาจากตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ ด้วยวิชาของพวกเขาที่มีกฎของธาตุแสง พวกเขาจะสามารถหาร่างของเจ้าเจอได้ง่าย ๆ”

“ข้าจะระวัง ท่านพ่อ” หลิงเทียนหยุนพยักหน้า

จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เดินนำทั้งสองคนไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ

ซึ่งยิ่งพวกเขาเข้าใกล้มากเท่าไหร่ กลิ่นเลือดก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น และพวกเขายังสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังวิญญาณจากการต่อสู้ที่อยู่ข้างหน้า

หลังจากนั้นพวกเขาก็เห็นที่ราบกว้างใหญ่เบื้องหน้าของพวกเขา กำลังมีกลุ่มคนที่กำลังต่อสู้กันอย่างรุนแรง ซึ่งสระเลือดสีแดงสดที่อยู่ใกล้คนทั้งสองกลุ่มนั้น เลือดในสระก็ดูเหมือนจะเดือดเป็นฟองมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งฟองเลือดที่เดือดปุด ๆ ขึ้นมาแต่ละฟองนั้นภายในของมันก็คือสายเลือดประเภทต่าง ๆ ที่เหล่าผู้คนในที่นี้ต่างต้องการครอบครอง

ในเวลาเดียวกับที่หลิงตู้ฉิงและคนของเขาปรากฏขึ้น ชายที่มีร่างกายปกคลุมเต็มไปด้วยเกล็ดที่มีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตนภาระดับ 12 ก็พูดกับทั้งสามคนด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ไอ้พวกมดปลวกขอบเขตรวมแสงดาราและขอบเขตประสานทะเลปราณ ไม่เคยมีใครเตือนพวกแกงั้นเหรอว่าการเข้ามาเหยียบที่นี่มันเท่ากับรนหาที่ตาย!”

เมื่อพูดจบชายผู้นั้นก็พุ่งเข้ามาหากลุ่มของหลิงตู้ฉิงทันที

“ระวังมันคือเผ่าปีศาจ!” หวงเซียะร้องออกมาด้วยความตกใจ

นางไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับเผ่าปีศาจคนนี้โดยตรง นางรีบพุ่งตัวเข้าไปอยู่ข้าง ๆ หลิงตู้ฉิงและหลิงเทียนหยุน เพื่อเตรียมพร้อมที่จะดึงพวกเขาหนีไปทันที

อย่างไรก็ตามเมื่อนางพยายามคว้าหลิงเทียนหยุน นางกลับล้มเหลว หลิงเทียนหยุนที่ยืนอยู่ข้างนางเมื่อครู่นั้นเป็นเพียงแค่ร่างเงา

หลิงตู้ฉิงพูดเบาว่า “หยุนเอ๋อ จุดตายของผู้เชี่ยวชาญเผ่าปีศาจระดับสูงนั้นมีอยู่สามจุด จุดแรกอยู่ที่ช่องท้องซึ่งเป็นแกนกลางของมัน จุดที่สองคือหัวใจ จุดที่สามคือหัวซึ่งเป็นที่อยู่ของดวงวิญญาณที่แท้จริงของมัน หากเจ้าทำลายพวกมันได้ครบ มันจะตายลงทันที”

เมื่อหลิงตู้ฉิงพูดจบ หน้าท้องส่วนล่าง หน้าอกและศีรษะของปีศาจตนนี้ก็ถูกเจาะทะลุส่งผลให้ร่างของมันค่อย ๆ ร่วงลงมาจากท้องฟ้า ตายลงในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับทันที