ส่วนที่ 4 ตอนที่ 185 รูปคือความว่าง

ความลับแห่งจินเหลียน

จ่านป๋ายผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ขอแค่มีความจำเป็น แต่เธอไม่ได้จะเจียระไนหินลายน้ำมาดูภายในวันนี้เสียหน่อย…ซีเหมินจินเหลียนเป็นคนฉลาดมีเหตุผลอยู่ตลอด เธอจะไม่เชื่อมั่นในตัวเองจนเกินไปเพื่อก่อความยุ่งยาก หินหยกแบบนี้หากอยากจะชำแหละออกมาเท่ากับทำลายหยกที่ล้ำค่าสูญเสียเปล่าๆ 

 

แม้จะมีเงินก็ไม่ควรสิ้นเปลืองแบบนี้ 

 

แต่ปากเธอที่พูดว่าจำเป็น แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร สถานการณ์ไหนที่จำเป็น? แต่ยังดีที่เธอไม่ได้คิดที่จะเจียระไนหยกราชางู 

 

“จินเหลียน หยกที่หายากเช่นนี้ หากชำแหละออกมา ถึงอยากจะตามหาอีกก้อนคงไม่มีทางเป็นไปได้แน่ คุณต้องคิดทบทวนให้ดี” จ่านป๋ายเกลี้ยกล่อมให้ใจอ่อน 

 

“คุณวางใจได้ แม้ว่าฉันจะสงสัยแค่ไหน แต่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเจียระไนออกมาดูตอนนี้” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มฝืน “กลับจากพม่าค่อยว่ากันเถอะ ฉันคิดตลอดเลยว่าหินหยกก้อนนี้มีพลังร้ายกว่าหยกราชางูถึงสามส่วนแน่ ทำให้ความกลัวคืบคลานเข้ามาในใจฉัน!” 

 

การที่มองไม่เห็น บางครั้งก็เป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง! ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมาเบาบาง มีความสามารถในการมองทะลุผ่านที่พิเศษกว่าคนอื่น ในขณะที่มาพร้อมกับความร่ำรวย ก็สามารถทำให้เธอได้เห็นของน่าสะพรึงใจเช่นกัน อย่างเช่นหินลายน้ำที่น่าแปลกประหลาดนี้ 

 

“ไม่ต้องกลัว มันก็แค่หินก้อนหนึ่งเท่านั้น!” จ่านป๋ายตบหลังเธอเบาๆ “จินเหลียน เมื่อสักครู่ผมต้องขอโทษด้วย!” 

 

“อะไร?” ซีเหมินจินเหลียนยังไม่ทันได้ตั้งสติและยังคงมึนงง 

 

“ผมไม่น่าถามคำถามพวกนี้กับคุณเลย” จ่านป๋ายยิ้มขมขื่น 

 

“เสี่ยวป๋าย ฉันรู้เจตนารมณ์ของคุณดี แต่…ฉันยังไม่รู้จักใจของตัวเอง คุณให้เวลาฉันหน่อยเถอะ!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มอ่อน “คุณเคยพูดว่า นอกจากฉัน คุณไม่เหลืออะไรเลย แต่ฉันก็เพิ่งค้นพบว่า ฉันก็ขาดคุณไม่ได้เหมือนกัน! ฉันมีเรื่องต้องพึ่งพาคุณอยู่ตลอด ฉัน…เห็นแก่ตัวที่ไม่อยากจะเสียคุณไป” 

 

“ผมรู้ ผมจะไม่มีวันหนีห่างจากคุณไปไหน!” จ่านป๋ายกุมมือเธอไว้ “รีบพักผ่อนเถอะ อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก” 

 

“โอเค!” ซีเหมินจินเหลียนลุกขึ้นยืนรีบกำชับจ่านป๋าย “พรุ่งนี้ตอนเช้าประมาณแปดโมงครึ่ง คุณอย่าลืมมาปลุกฉันด้วย ฉันจะรีบทำฐานรองนั่งดอกบัวหยกสีเลือด จากนั้นไปพม่า ใช่สิ คุณมีเพื่อนที่พม่าไม่ใช่เหรอ คุณฟังภาษาพม่าออกไหม” 

 

“ผมรู้เรื่องนิดหน่อย แต่ไม่ได้คล่อง พอที่จะสื่อสารฟังได้เท่านั้น!” จ่านป๋ายยิ้มพลางนำราชาหยกและหินลายน้ำย้ายเข้าไปในตู้เซฟด้วยกัน “เรื่องนี้คุณไม่ต้องกังวลไป นักเดิมพันหินส่วนมากมีคนรู้ภาษาพม่าสักเท่าไหร่กัน? ต่างจ้างแรงงานกันทั้งนั้น นอกจากนี้พม่า เวียดนามดินแดนสามเหลี่ยมทองคำก็สื่อสารภาษาจีนอย่างคล่องแคล่ว” 

 

“นอกจากภาษาจีนแล้ว ภาษาอังกฤษฉันก็ย่ำแย่มาก!” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ภาพยนตร์ต่างๆ ถึงจะมาจากฮอลลีวูดถ่าย ฉันยังดูพากย์ภาษาจีน” 

 

จ่านป๋ายได้ยินเช่นนั้นพร้อมพูด “คุณวางใจได้ พวกเราสามารถทำเป็นพากย์จีนและอังกฤษสองพากย์ได้ แต่ภาษาอังกฤษคุณไม่ต้องกังวล ผมจะเป็นล่ามให้คุณฟรีๆ แน่นอน ถ้าคุณตอบตกลง มั่นใจ และยืนยันที่จะจ่ายค่าแปลส่วนตัวให้ผม ผมก็ต้องยอมรับมันอย่างปฏิเสธไม่ได้” 

 

“จ่ายแส้ฟาดใส่คุณสักทีแล้วกัน” ซีเหมินจินเหลียนด่า 

 

จ่านป๋ายหัวเราะเสียงดังมองไปที่ซีเหมินจินเหลียนที่กำลังขึ้นไปข้างบน เสียงของรองเท้าส้นสูงกระทบบันได ท่วงทำนองที่หนักแน่น…แม้แต่เสียงเดินของเธอยังเพราะขนาดนี้ 

 

แต่สิ่งที่เขามั่นใจมากก็คือ ซีเหมินจินเหลียนไม่เคยเห็นเขาเป็นคนนอกมาตลอด เวลามีอะไรก็พูดอย่างนั้น และในวันนี้ตนไปถามคำถามบ้าบอกับเธอ ก็ไม่แปลกที่เธอจะโกรธ 

 

เที่ยงวันต่อมา สวี่อี้หรานตั้งใจมารับพวกเขาเป็นพิเศษ 

 

“ว้าว สวนที่บ้านของคุณใหญ่มาก!” ซีเหมินจินเหลียนมองสวนขนาดใหญ่ของบ้านตระกูลสวี่ผ่านรั้วที่กั้นไว้ พูดอย่างไม่อิจฉา แม้ว่าจะเป็นคนในย่านเดียวกัน แต่ตามเนื้อที่ที่ไม่เหมือนกัน ราคาย่อมต่างกัน พื้นที่สวนดอกไม้ของตระกูลสวี่ใหญ่กว่าคฤหาสน์จินเหลียนถึงสองเท่า และต้นไม้ดอกไม้ต่างถูกเลี้ยงดูอย่างดี ไม่เหมือนของเธอที่ปลูกต้นไม้ดอกไม้ที่เห็นได้ตามทั่วไป 

 

สวนของสวี่อี้หรานข้างใน เมื่อทอดสายตามองมีดอกไม้หายากนานาพันธุ์ 

 

“จัดการธุระให้เสร็จก่อน แล้วผมค่อยพาคุณมาเยี่ยมชมสวนของผมนะ!” สวี่อี้หรานยิ้ม 

 

“อืม ฉันก็กำลังอยากดูอยู่พอดีเลย” ซีเหมินจินเหลียนพูด ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่สนใจดอกไม้ 

 

เหมือนกับคฤหาสน์จินเหลียน บ้านตระกูลสวี่ก็มีห้องใต้ดินเช่นกัน ห้องใต้ดินที่นี่ไม่ได้มีไว้วางหยกชั้นดีหรือของที่ใช้ในการเจียระไนหิน แต่มีไว้วางเครื่องมือการทดลองทางการแพทย์ และเป็นอุปกรณ์ที่ทันสมัยพึ่งนำเข้ามา เพราะบ้านตระกูลสวี่ค่อนข้างใหญ่ ห้องใต้ดินของเขาจึงใหญ่กว่าห้องใต้ดินของซีเหมินจินเหลียนอยู่มาก 

 

“โอ๊ย!” จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็ร้องเสียงหลง 

 

“เป็นอะไรไป?” จ่านป๋ายรีบเดินเข้าไปดู เมื่อมองในใจก็พ่นด่าสวี่อี้หรานสติเพี้ยนไม่หยุด มีขวดแก้วขนาดใหญ่ใส่สารละลายชนิดหนึ่ง ในนั้นมีหัวของคนตายแช่อยู่ และยังถูกชำแหละออกมาครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นไขสมองสีขาวถูกแช่ไว้… 

 

“พวกคุณอย่าดูถูกของนี่เชียวนะ…” สวี่อี้หรานพูดอย่างจริงจัง “ผมขอร้องพ่อตั้งนาน เขาถึงยอมหามาให้ผมสามหัว สุดท้ายมีหัวหนึ่งใส่ไว้ในตู้เย็น ให้หนูค่อยๆ แทะไปครึ่งหนึ่ง” 

 

ซีเหมินจินเหลียนยกมือขึ้นปิดปาก จู่ๆ ก็อยากจะอ้วกออกมา ไอ้คนนี้ เขาก็กล้าเอาหัวคนไปใส่ไว้ในตู้เย็นหรือ?! ไม่ใช่ว่าเขาเรียนแพทย์แผนจีนมาหรืออย่างไร ทำไมถึงต้องมาทดลองอะไรพวกนี้? 

 

“ผมคิดว่าคนที่เรียนแพทย์แผนจีนจะทำเป็นแค่จับชีพจรหรือฝังเข็ม” จ่านป๋ายลากมือซีเหมินจินเหลียนไปดูอย่างอื่นต่อ บนชั้นวางก็มีขวดแก้วขนาดใหญ่ใส่สารละลายไว้อยู่ ไม่รู้ว่าแช่อะไรอยู่ในนั้น จากประสบการณ์ที่มีอยู่ในนั้น เขารับรองได้ว่านั่นคงต้องเป็นอวัยวะของมนุษย์สักส่วน 

 

โรคจิต คนคนนี้ก็โรคจิตขั้นรุนแรงแล้ว 

 

“ไม่ใช่ว่าผมกำลังวิจัยการแพทย์แผนจีนกับแพทย์แผนปัจจุบันอยู่เหรอไง?” สวี่อี้หรานพูด พลางเรียกให้ซีเหมินจินเลียนกับจ่านป๋ายมานั่ง 

 

ซีเหมินจินเหลียนนั่งลงบนเก้าอี้ และพบว่ามีนิตยสารเล่มหนึ่งวางอยู่ด้านบน สายตาดีกวาดไปมองรูปไม่กี่ใบที่ทำให้ใจเต้นแรง 

 

“จุ๊ๆ ดูไม่ออกเลย!” จ่านป๋ายเห็นสายตาซีเหมินจินเหลียนแปลกไปเลยมองตาม อดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะแล้วพูดขึ้น “หมอมองโกลก็มีงานอดิเรกพวกนี้ด้วย?” 

 

“ผมเป็นหมอ!” สวี่อี้หรานรีบอธิบายด้วยท่าทีจริงจัง “ผมมีไว้เพื่อสะดวกในการศึกษากายวิภาคศาสตร์มนุษย์!” 

 

ซีเหมินจินเหลียนสบตากับจ่านป๋าย ทั้งสองรู้ใจกันดี ที่แท้…การวิจัยกายวิภาคศาสตร์มนุษย์ ก็คือการซื้อนิตยสารภาพเปลือยของผู้หญิงมาดู 

 

“ผลวิจัยที่ได้เป็นยังไง?” ซีเหมินจินเหลียนโยนนิตยสารทิ้งไป 

 

“ผลวิจัยที่ได้ก็คือ…รูปคือความว่าง” สวี่อี้หรานพูด 

 

“อย่าพูดจาไร้สาระอยู่เลย พวกเราไม่ได้มาดูคุณวิจัยกายวิภาคศาสตร์มนุษย์นะ!” จ่านป๋ายพูด “คุณซื้อปลาแล้วหรือยัง?” 

 

“ต้องซื้อแล้วสิ!” สวี่อี้หรานพูด “คุณลองดูในแท็งก์น้ำสิ ก็ไม่ใช่ว่าเลี้ยงอยู่เหรอ?”