“วิธีของเสี่ยวเสียนี่ท้าทายสวรรค์เกินไปจริงๆ ข้าแทบไม่อยากหยุดเลย” เฉียวฉู่เหยียดขาออก ดูเหมือนยังไม่หายอยาก เขาหลงใหลความรู้สึกที่มีพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งไหลบ่าเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง
เขามีความรู้สึกว่า หากให้เวลาเขาอีกสักสองสามเดือน เขาจะสามารถไปถึงระดับในโลกวิญญาณที่สูงเท่ากับพลังวิญญาณสีม่วงในโลกภายนอก
จวินอู๋เสียมองเฉียวฉู่ที่ตื่นเต้นดีใจ แล้วค่อยๆลดสายตาลงต่ำ การค้นพบในหอคอยโยวหลิงแห่งที่สี่ทำให้นางได้ผลลัพธ์ที่เกินความคาดหมาย ไม่คิดเลยว่าการเสริมวิญญาณจะสามารถนำไปใช้เร่งการเติบโตของพลังวิญญาณได้จริงๆ แต่ความก้าวหน้าเช่นนี้ก็มีขีดจำกัดอยู่ เมื่อบรรลุถึงระดับหนึ่ง ความเร็วในการก้าวหน้าจะช้าลงมาก
สำหรับพวกเฉียวฉู่ที่แทบไม่ต่างจากวิญญาณใหม่ การใช้วิชาเสริมวิญญาณในช่วงเริ่มต้นของการฝึก ก็เหมือนกับพวกเขากำลังขี่จรวด แต่เมื่อพลังวิญญาณสะสมในร่างกายมากขึ้นเรื่อยๆ ความก้าวหน้าในการฝึกก็ช้าลง
จวินอู๋เสียเดาว่าเป็นเพราะขีดจำกัดที่วิญญาณสามารถทนได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
อักขระเสริมวิญญาณในหอคอยโยวหลิงจะไม่สนใจว่าวิญญาณทนรับพลังมหาศาลนั้นได้หรือไม่ มันจะบังคับยัดพลังเข้าใส่ร่างพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวิญญาณไม่สามารถทนได้และระเบิดออก จากนั้นก็ถูกไฟวิญญาณของชั้นสิบสองดูดซับเข้าไป หลังจากจวินอู๋เสียดัดแปลงมันแล้ว อักขระเสริมวิญญาณก็ไม่มีพลังบังคับยัดพลังเข้าใส่ร่างวิญญาณอีกต่อไป แต่จะปล่อยให้วิญญาณดูดซับไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะจำกัดปริมาณที่ดูดซับได้ แต่ก็ปลอดภัยกว่ามาก
อย่างน้อยตลอดครึ่งปีที่พวกเขาฝึกฝนอยู่ พวกเฉียวฉู่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด แต่กลับรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามาก
“จะว่าไป เสี่ยวเสีย เจ้าเคยบอกว่าอยากไปที่หอคอยโยวหลิงแห่งแรก จะไปเมื่อไรล่ะ?” เฟยเหยียนมองจวินอู๋เสียอย่างสงสัย ก่อนหน้าที่พวกเขาจะเริ่มฝึกกัน จวินอู๋เสียได้วางแผนและเตรียมตัวที่จะเข้าไปในหอคอยโยวหลิงแห่งแรกเพื่อทำลายมันแล้ว เสี่ยวเฮยจะได้ฟื้นขึ้นมา แต่ตลอดช่วงครึ่งปีที่พวกเขาอยู่ในป่าโยวเมิ่ง พวกเขาไม่เห็นจวินอู๋เสียแสดงท่าทางว่าจะทำเช่นนั้นเลย.ไอลีนโนเวล.
“เร็วๆนี้แหละ” จวินอู๋เสียพูดอย่างเฉยเมย ดูเหมือนนางจะใจลอย เด็กสาวเอามือจับหน้าอกพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา การฝึกของนางก้าวหน้าเร็วมาก นางไม่รู้สึกอึดอัดไม่สบายเลยสักนิด จวินอู๋เหยามักจะมาอยู่เป็นเพื่อนนางขณะฝึกที่ป่าโยวเมิ่งบ่อยๆ บัวน้อยและอิงซู่ก็มาบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อนำข่าวล่าสุดเกี่ยวกับจวินกู่มาบอกนาง
หลังจากค้นหามาครึ่งปี บัวน้อยและอิงซู่ได้เห็นวิญญาณทุกดวงที่ปรากฏตัวนอกหอคอยโยวหลิงทั้งสามแห่ง แต่พวกเขาก็ยังไม่เห็นวิญญาณไหนที่ดูคล้ายกับจวินกู่ ข่าวดังกล่าวทำให้จวินอู๋เสียเริ่มรู้สึกสิ้นหวัง
เวลาที่จวินกู่เข้ามาในโลกวิญญาณนับได้ว่าไม่นานมานี้เอง เนื่องจากเวลาสิบปีในโลกวิญญาณนั้นสั้นเพียงแวบเดียวราวกับดีดนิ้วสั่ง
จวินอู๋เสียอดคิดไม่ได้ว่าจวินกู่ได้ไปที่หอคอยโยวหลิงและสังเวยวิญญาณให้กับไฟวิญญาณไปแล้วรึเปล่า นั่นเป็นคำตอบที่มีเพียงอูจิ่วเท่านั้นที่ตอบได้ เนื่องจากวิญญาณทุกดวงที่บรรลุพลังระดับสูงในหอคอยโยวหลิงและถูกไฟวิญญาณดูดกลืนไปนั้น จะได้รับการโปรดปรานจากอูจิ่วและกลายเป็นศิษย์เอกของเขาก่อนที่พวกเขาจะถูกดูดกลืน หากอยากรู้ว่าจวินกู่ถูกสังเวยไปรึยัง อูจิ่วเป็นคนเดียวที่จวินอู๋เสียสามารถถามได้
“เสี่ยวเสีย? เจ้าคิดอะไรอยู่? ท่าทางมีเรื่องหนักใจอยู่นะ” เฉียวฉู่เห็นสีหน้าครุ่นคิดของจวินอู๋เสีย ก็อดโบกมือตรงหน้านางไม่ได้
จวินอู๋เสียได้สติกลับมา นางส่ายหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ไม่มีอะไร แค่รู้สึกแปลกๆที่หน้าอก”