กลัดกลุ้มอยู่ครู่ใหญ่ๆ ซย่าโหวจวินอวี่ถึงได้เรียกพ่อบ้านเข้ามา
“พวกเขาไปทางไหนกัน”
ในเมื่อเรื่องนี้ซย่าโหวฉิงเทียนเป็นคนก่อนขึ้น เช่นนั้นก็ให้เป็นหน้าที่ของพ่ออย่างเขาจัดการจบเรื่องนี้ให้เถอะ! ใครใช้ให้เขาเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของเขากันเล่า!
“เรื่องนี้หม่อมฉันไม่ทราบเกล้าฯ พ่ะย่ะค่ะ แต่ว่าคุณหนูตามออกไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อได้ยินว่าอวี้เฟยเยียนตามออกไป ซย่าโหวจวินอวี่ถึงได้โล่งอกขึ้นมาบ้าง
มีอวี้เฟยเยียนอยู่ ซย่าโหวฉิงเทียนลงมือคงจะรู้จักหนักรู้จักเบาได้บ้าง
แต่ว่า เขาลงมือกับผู้อาวุโสกว่าอย่างไรเสียก็ต้องลงโทษ!
ช่วงเวลาที่รอผลลัพธ์อยู่ที่จวนสกุลอวี้ ซย่าโหวจวินอวี่ก็ถึงกับนั่งไม่ติด
อีกเดี๋ยวก็กังวลว่าลูกชายจะลงมือหนักเกินไป จนทำให้อวี้จิงเหลยถึงกับพิกลพิการ
อีกเดี๋ยวก็กังวลว่าเพราะว่าใจร้อนวู่วามหยาบคายของซย่าโหวฉิงเทียนจะทำให้อวี้เฟยเยียนเง้างอนเขา
อีกเดี๋ยวก็กังวลว่าประมุขแห่งสกุลอวี้จะโมโหโกรธา จนพาลไม่ยินยอมให้อวี้เฟยเยียนแต่งงานกับซย่าโหวฉิงเทียนเอา…
งานแต่งงานฮ่องเต้เตรียมการจนเกือบจะแล้วเสร็จสิ้นอยู่แล้ว ขาดก็เพียงแค่อวี้จิงเหลยพยักหน้าตอบตกลงเท่านั้น ซย่าโหวฉิงเทียนก็สามารถแต่งเจ้าสาวเข้าบ้านได้เลย! ขออย่าให้เมื่อใกล้จะถึงวัน อวี้จิงเหลยกลับไม่ยอมตกลง ซย่าโหวฉิงเทียนแต่งเจ้าสาวไม่ได้ นั่นเท่ากับเป็นเรื่องใหญ่เชียวนะ
มองดูฮ่องเต้ทรงเป็นเช่นนี้แล้ว เซี่ยงจิ้นก็ถึงกับส่ายหน้าเบาๆ
สองสามวันมานี้ได้เห็นการทำงานหนักของซย่าโหวจวินอวี่ เซี่ยงจิ้นก็ตกผลึกได้อย่างหนึ่ง นั่นก็คือการเป็นพ่อคนสรุปได้ด้วยอักษรเพียงตัวเดียว…เหนื่อย!
ขณะเดียวกันเซี่ยงจิ้นก็รู้สึกดีใจอยู่เรื่องหนึ่ง
โชคดีที่เขานั้นตัดปัญหานั้นเสียตั้งแต่ต้น มิฉะนั้นหากว่าเขามีลูกสักคนแล้วต้องเหน็ดเหนื่อยถึงเพียงนี้ เขาคงจะร่วงโรยไปตั้งนานแล้ว!
เฮ้อ!
ทุกอย่างสงบเรียบร้อยดี เพราะจบสิ้นไปเสียตั้งแต่ต้น!
ในตอนที่ซย่าโหวจวินอวี่กำลังร้อนใจ มือก็ลูบเคราของตนเองไปด้วยนั้น คนทั้งสามก็ปรากฏตัวที่หน้าประตู
เพียงแค่เห็นอวี้จิงเหลยเนื้อตัวคลุกฝุ่น และเหลือบไปเห็นซย่าโหวฉิงเทียนเนื้อตัวสะอาดเอี่ยม ซย่าโหวจวินอวี่ก็แทบจะทรุดลงบนพื้นทันที
ลูกชายคนดี เจ้าไม่ต้องอวดดีเพียงนี้ก็ได้!
ท่านนี้คือท่านปู้ของเมียเจ้านะ เจ้าทำเช่นนี้มันจะดีหรือ
ถึงแม้ก่อนหน้านี้ซย่าโหวจวินอวี่ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะสั่งสอนซย่าโหวฉิงเทียนต่อหน้าประมุขสกุลอวี้
เพราะอย่างไรเสียลงมือเอง ก็แลดูดีและดีกว่าถูกเขามาฟ้องเอาความอยู่มากนัก หากเขาไม่ปกป้องพวกเดียวกัน ปฏิบัติให้ยุติธรรม ไม่แน่ว่าอาจสามารถลดทอนความโกรธเกรี้ยวในใจของอวี้จิงเหลยได้
แต่เมื่อเห็นหน้าซย่าโหวฉิงเทียนขึ้นมาจริงๆ ฮ่องเต้กลับทำไม่ลง
รู้สึกราวกับว่าเนื้อหนังของตนเองถูกถลกออกก็ไม่ปาน เขาตีลูกชายไม่ลงนะสิ…
“ฝ่าบาท!”
เมื่อเห็นซย่าโหวจวินอวี่ อวี้จิงเหลยก็รีบเข้าถลามาทำความเคารพทันที
“พระองค์มาได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
“เอ่อ ข้ามาสังเกตการณ์!”
จวบจนกระทั่งอวี้จิงเหลยเดินเข้ามา ซย่าโหวจวินอวี่ถึงได้เห็นว่าเสื้อผ้าของเขาไม่เพียงแต่สกปรก ทั้งยังมีบางจุดที่ขาดวิ่น ฮ่องเต้ก็แทบจะกันแสงออกมาทีเดียว
“ท่านแม่ทัพ ข้าขออภัยต่อท่านแทนฉิงเทียน!”
ซย่าโหวจวินอวี่ถึงกับโค้งกายคำนับ ทำเอาอวี้จิงเหลยตกใจเป็นอย่างมาก
“ฝ่าบาท หม่อมฉันรับไว้ไม่ไหว!”
อวี้จิงเหลยมิกล้ารับการคารวะนี้ จึงรีบหลบหลีกไปด้านข้างทันที
“เป็นความผิดของข้าเอง ที่สอนสั่งสอนเขาไม่ดี ข้าเสียใจยิ่งนัก! ฉิงเทียนเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่รู้จักอ้อมค้อม หากมีอะไรที่ล่วงเกินท่านไป ข้าขออภัยแทนเขาด้วย!”
ฮ่องเต้ทรงตรัสเช่นนี้ อวี้จิงเหลยถึงได้บางอ้อ เขารีบโบกไม้โบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ
“ฝ่าบาท ทรงเข้าพระทัยผิดแล้ว! หม่อมฉันเพียงแต่ฝึกปรือวรยุทธ์กับหลินเจียงอ๋องเท่านั้น ไม่มีเรื่องอื่นใดเลย!”
“จริงหรือ”
ซย่าโหวจวินอวี่ยังมีแผนสำรอง ตั้งท่าที่จะร้องห่มร้องไห้สักยก เพื่อให้อวี้จิงเหลยเห็นว่าเขาจริงใจและรู้เหตุรู้ผล
ตอนนี้กลับได้ยินอวี้จิงเหลยกล่าวเช่นนี้ น้ำตาที่ปริ่มล้นดวงตาของซย่าโหวจวินอวี่ก็ผลุบกลับเข้าไปทันที
“ฝ่าบาท หม่อมฉันจะเท็จทูลพระองค์ได้อย่างไร!”
“เช่นนั้นก็ดี!”
ฮ่องเต้ถึงกับเป่าปาก ทอดถอนใจออกมาเฮือกใหญ่
มองดูว่าอวี้จิงเหลยกำลังอารมณ์ดี ซย่าโหวจวินอวี่จึงรีบรุกถามต่อ
“ท่านแม่ทัพ ท่านยินยอมให้เฟยเยียนแต่งงานกับฉิงเทียนหรือไม่ ข้ารับรองว่าจะรักนางดั่งลูกสาวแท้! จะไม่ให้นางต้องได้รับความอนาทรร้อนใจใดๆ แม้เพียงน้อยนิด!”
คำพูดของซย่าโหวจวินอวี่ทำให้อวี้จิงเหลยตกตะลึง
รักเอ็นดูน้องสะใภ้ราวกับลูกสาว
เอาเถอะ!
เห็นแก่ท่าทีของฝ่าบาททรงจริงใจเพียงนี้!
“เสด็จพี่ ท่านปู่ตอบตกลงแล้ว!”
“จริงหรือ!”
คราวนี้ทำเอาซย่าโหวจวินอวี่ดีใจจากใจจริง
เมื่อครู่เขายังจิตใจตุ้มๆ ต่อมๆ ด้วยความลุ้นระทึก กระทั่งได้ยินว่าซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้จิงเหลยต่อสู้กัน หัวใจเขาก็แทบร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม มาตอนนี้เมื่อได้รับรู้ว่าการสู่ขอแต่งงานสำเร็จลุล่วง ลูกชายจะได้มีเมียกับเขาเสียที ซย่าโหวจวินอวี่ก็รู้สึกดีใจ หัวใจพองโตยิ่งนัก!
ทั้งหมดทั้งมวลนี้โชคดีที่อวี้จิงเหลยใจกว้าง! มิเช่นนั้นคงจะรับไม่ไหวเป็นแน่!
“ท่านแม่ทัพ ข้าขอบคุณท่านมากนะ!”
ฮ่องเต้ก้าวเท้าออกมาด้านหน้า จับมือของอวี้จิงเหลยเอาไว้เขย่าไปมาอย่างบ้าคลั่ง
“ฝ่าบาท ขอทรงอนุญาตให้หม่อมฉันไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย”
อวี้จิงเหลยเหลือบมองที่เสื้อผ้าอันสกปรกคลุกฝุ่นของตน
“หากฝ่าบาททรงไม่มีราชกิจเร่งด่วนใดๆ ขอพระองค์ประทับอยู่ที่นี่ดื่มสุรากันสักหน่อย ดีไหมพ่ะย่ะค่ะ”
“ดีสิ!”
ซย่าโหวจวินอวี่พยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็ว
“ข้าจะลิ้มลองสุราดีของท่านแม่ทัพเสียหน่อย!”
คืนนั้น อวี้เฟยเยียนลงครัวด้วยตนเอง ทำอาหารโต๊ะใหญ่ ซึ่งหลังจากที่ซย่าโหวจวินอวี่ได้ลิ้มลองก็ถึงดับเอ่ยชมว่าซย่าโหวฉิงเทียนมีวาสนาโดยแท้
“เจ้ามีวาสนาดีกว่าข้า! โชคดีกว่าข้า!”
เนื่องจากอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ฮ่องเต้จึงทรงดื่มสุราเข้าไปมากพระพักตร์และพระเนตรของพระองค์เริ่มแดงก่ำ
“ฉิงเทียน เจ้าจะต้องดีกับเฟยเยียนให้มาก! พวกเจ้าจะต้องรักกันไปนานๆ จนแก่เฒ่า! อย่าเป็นเช่นข้า คลาดคลา อย่าได้สูญเสีย…”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ซย่าโหวฉิงเทียนตอบรับพร้อมกับทอดมองไปยังอวี้เฟยเยียนด้วยสายอ่อนโยน
อาจเพราะกำลังจะมีเรื่องมงคลเกิดขึ้น ตนเองกำลังจะได้เป็นเจ้าสาว ดังนั้นในคืนนั้นแก้มทั้งสองข้างของอวี้เฟยเยียนจึงเป็นสีชมพูระเรื่อ ดวงตาฉายแววขวยเขินออกมา
หากมิใช่ว่ามีผู้ใหญ่อยู่ข้างๆ ซย่าโหวฉิงเทียนคงจะจูบนางไปตั้งนานแล้ว
ยากหนักหนากว่าที่เขาจะได้พบกับนาง แน่นอนว่าย่อมต้องอยู่เคียงข้างกับนางตลอดไป ไม่แยกจากกันชั่วนิจนิรันดร!