เห็นคู่รักหนุ่มสาวกำลังพ่อแง่แม่งอนกัน อวี้จิงเหลยถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
“เยียนเอ๋อร์ ปู่ไม่เป็นไร!” เสียงหัวเราะนี้ดังมาจากข้างใน ก็เพราะว่าเขาดีใจจริงๆ
“เยียนเอ๋อร์ สายตาของเจ้าแหลมคมไม่เบา! หลินเจียงอ๋องนับว่าเป็นคนไม่เลวทีเดียว!”
อวี้จิงเหลยถึงกับยกนิ้วให้กับซย่าโหวฉิงเทียน
“ท่านอ๋อง เยียนเอ๋อร์ของข้ามอบให้ท่านแล้ว! นางยังเล็กอาจจะเอาแต่ใจไปบ้าง ขอให้ท่านอภัยให้มาก!”
เมื่อครู่ที่อวี้จิงเหลยเจตนาโมโหโกรธา เพราะต้องการทดสอบวรยุทธ์ของซย่าโหวฉิงเทียนนั่นเอง
นึกไม่ถึงว่าเขาจะปิดบังเอาไว้ได้ลึกล้ำถึงเพียงนี้!
ถึงตอนนี้อวี้จิงเหลยก็รู้สึกเชื่อบ้างแล้วในคำพูดของซย่าโหวฉิงเทียนที่ว่าจะปกป้องอวี้เฟยเยียน
หลานเขยที่แข็งแกร่งเช่นนี้ เขายอมรับแล้ว!
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว! ท่านปู่วางใจได้เลย!”
ซย่าโหวฉิงเทียนเห็นอวี้จิงเหลยพยักหน้ารับปากให้อวี้เฟยเยียนแต่งงานกับตน ก็รีบคารวะเขาทันที
“เดี๋ยวๆ!” เห็นอวี้จิงเหลยยอมยกนางให้กับเขาไปอย่างง่ายดาย
อวี้เฟยเยียนก็รู้สึกไม่ยุติธรรม ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ร่ำร้องจะตีกันแทบเป็นแทบตายหรอกหรือ แล้วเหตุใดเพียงครู่เดียว คนทั้งสองก็เห็นพ้องต้องกันเสียนี่!
“ท่านปู่ เมื่อครู่ท่านปู่ไม่ยอมรับปากมิใช่หรือ เหตุใดประมือกับเขาเพียงครู่เดียว ท่านปู่ก็กลับคำ ตอบตกลงเสียนี่”
“นี่เขาเรียกว่าไม่ประมือไม่รู้จักอย่างไรเล่า!”
อวี้จิงเหลยหัวเราะแล้วตบบ่าของซย่าโหวฉิงเทียนสองสามครั้ง
ได้ยินเชียนเสวี่ยบอกว่าท่านอ๋องคอแข็งไม่เบา ที่นี่นั้นมีสุราชั้นดีอยู่หลายไห วันนี้พวกเราดื่มสักไหสองไห
“สองไหไม่พอหรอก!”
ซย่าโหวฉิงเทียนส่ายหน้า แล้วยื่นมือออกมาชูสองนิ้ว
“ยี่สิบไหกำลังพอดี!”
“ดี เจ้าหนุ่มนี่ ยโสดี! “
“ดี! ขอเพียงแต่เจ้าดื่มได้ แล้วข้าจะหวงสุราเหล่านั้นอยู่อีกได้อย่างไร! ไป…”
ส่วนที่อวี้เฟยเยียนที่เดิมทีมีคำถามมากมายอยากจะเอ่ยถามผู้เป็นปู่ แต่เมื่อเห็นพวกเขากำลังอารมณ์ดี นางจึงเดินตามหลังพวกเขาไปอย่างเงียบๆ
ใครจะคาดคิดว่าจู่ๆ อวี้จิงเหลยก็หยุดฝีเท้า กวักมือเรียกอวี้เฟยเยียนเข้าไปหา
“ที่ท่านอ๋องพูดมานั้นถูกต้อง พ่อของเจ้าคือเชียนหาน แม่ของเจ้าคือตี้อู่เยียนเอ๋อร์”
แววตาของอวี้จิงเหลยที่ทอดมองมานั้นฉายแววแห่งความรักและเมตตาออกมาชัดเจน
“ปู่ผิดเองที่คิดไปว่าการที่ไม่ให้เจ้ารับรู้เรื่องพวกนี้ จะเป็นการปกป้องเจ้าได้ดีที่สุด ตอนนี้ปู่เปลี่ยนความคิดแล้ว! เจ้าอยากจะรู้อะไร ปู่จะบอกเจ้าทุกอย่าง!”
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเจ้า! นกน้อยอย่างไรเสียก็ต้องกางปีนโบยบินด้วยตนเองในสักวัน “
“มีท่านอ๋องอยู่เคียงข้างเจ้า ปู่ก็วางใจแล้ว!”
อวี้เฟยเยียนนึกไม่ถึงว่าอวี้จิงเหลยจะประเมินซย่าโหวฉิงเทียนสูงถึงเพียงนี้
ระหว่างทางที่มา อวี้เฟยเยียนคิดอะไรไปมากมาย
มิน่าเล่าเมื่อใดนางได้ฟังเรื่องราวของอวี้เชียนหานและตี้อู่เยียนเอ๋อร์แล้ว ถึงได้รู้สึกเจ็บปวดถึงเพียงนั้นความรู้สึกที่อยู่ในใจของนางยากจะสรรหาคำใดมาบรรยายได้
ที่แท้นางคือลูกของพวกเขานั่นเอง สายเลือดสายใยสัมพันธ์เป็นสิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดกาล
แต่อวี้ฟยเยียนก็เข้าใจว่าการที่ท่านปู่ปิดบังนางก็เพื่อที่จะปกป้องนาง
ชายชราที่อยู่ตรงหน้านี้ รักและเป็นห่วงนางด้วยใจจริง!
“ท่านปู่ ขอบคุณนะคะ!”
อวี้เฟยเยียนโผเข้าสวมกอดอวี้จิงเหลยทันทีโดยไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าเนื้อตัวของเขาจะเต็มไปด้วยฝุ่นดิน
ชายชราผู้นี้ใช้วิธีการของเขาปกป้องนางมาโดยตลอด!
“เจ้าไม่กล่าวโทษปู่ก็พอแล้ว!”
อวี้จิงเหลยน้ำตารื้น เขาเอื้อมมือออกมาปัดไรผมที่ปกหน้าของอวี้เฟยเยียนไปทัดไว้ที่ข้างใบหู
“เยียนเอ๋อร์ หลังจากแต่งงานแล้ว เจ้าไปที่เมืองอู๋โยวเถอะ!”
“ไปหาพ่อแม่บังเกิดเกล้าของเจ้า!”
เมื่อก่อน ถึงแม้ว่าอวี้จิงเหลยจะมีความคิดเช่นนี้ แต่เขาก็ยังเป็นห่วงหากว่าปล่อยให้อวี้เฟยเยียนไปที่เมืองอู๋โยวเพียงลำพัง เขาจะวางใจได้อย่างไร! บัดนี้ข้างกายอวี้เฟยเยียนมีซย่าโหวฉิงเทียน ซึ่งอวี้จิงเหลยถูกใจผู้ช่วยคนนี้อย่างที่สุด
“ท่านปู่…”
ได้ยินอวี้จิงเหลยกล่าวเช่นนี้ อวี้เฟยเยียนก็ขอบตาร้อนผ่าว แล้วตวัดสายตาเหลือบมองไปที่ซย่าโหวฉิงเทียน
“เฮอะ! ใครจะแต่งงานกับเขากัน! ข้าไม่แต่งกับเขาเสียหน่อย!”
เมื่อซย่าโหวฉิงเทียนได้ยินในสิ่งที่อวี้จิงเหลยเอ่ยขึ้น เขาก็ตวัดชายชุดขึ้นขุกเข่าลงทันที
“ขอบคุณที่ท่านปู่ส่งเสริม!”
คำเรียกขานว่า ‘ท่านปู่’ นั้นของเขา ทำให้อวี้จิงเหลยถึงกับหัวเราะชอบใจอย่างมีความสุข เขาเอื้อมมือออกมาประคองให้ซย่าโหวฉิงเทียนลุกขึ้น
อวี้จิงเหลยมือหนึ่งจับมือของอวี้เฟยเยียน อีกมือหนึ่งจับมือของซย่าโหวฉิงเทียนเอาไว้แล้วลากเอามือของซย่าโหวฉิงเทียนมาวางไว้บนมือของอวี้เฟยเยียน
“ข้ามีหลานสาวกับเขาคนนี้เพียงคนเดียว รักและทะนุถนอมมาอย่างดีที่สุด ท่านอ๋องอย่าทำให้ข้าผิดหวังละ!”
“เรียกชื่อของข้าก็พอ…”
ซย่าโหวฉิงเทียนกุมมือของอวี้เฟยเยียนเอาไว้ แล้วยิ้มออกมาอย่างงดงาม
“ข้าจะทะนุถนอมรักนางดังดวงแก้วตาของข้า!”
“ดีๆ!”
อวี้จิงเหลยมีความสุขและดีใจอย่างที่สุด
เทียบกับอวี้จิงเหลยแล้ว ในตอนนี้ซย่าโหวจวินอวี่ร้อนใจจนเดินวานไปวนมาราวกับหนูติดจั่น
ลูกชายไปที่จวนจงอี้โหวเพื่อพบอวี้จิงเหลย เพื่อแสดงเจตนารมณ์เรื่องของเขากับอวี้เฟยเยียน ไม่รู้ว่าอวี้จิงเหลยจะมีท่าทีอย่างไร!
ถึงแม้ว่าก่อนหน้าที่ซย่าโหวจวินอวี่จะถ่ายทอดเรื่องเกี่ยวกับสกุลอวี้รวมทั้งความชื่นชอบส่วนตัวของและลักษณะนิสัยอื่นๆ ของอวี้จิงเหลยให้กับซย่าโหวฉิงเทียนได้รู้ แต่เขาก็รู้จักลูกชายของเขาดีว่าเป็นพวกที่
เวลาทำอะไรไม่ค่อยจะกระทำตามปกติขั้นตอนแบบคนอื่นเขาสักเท่าไหร่
หากว่าซย่าโหวฉิงเทียนดันไปดื้อดึงงัดข้อกับอวี้จิงเหลยเข้า จะทำอย่างไร
ด้านหนึ่งก็กำลังเป็นห่วงบุตรชาย อีกด้านหนึ่งก็เกรงว่าอวี้จิงเหลยจะ ‘รังแก’ ซย่าโหวฉิงเทียนเข้า ดังนั้นฮ่องเต้จึงทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์เป็นชุดธรรมดาเดินทางไป เยี่ยมเยือนยังจวนสกุลอวี้พร้อมกับเซี่ยงจิ้นและฉู่อิน
ใครจะคาดคิดว่าเมื่อไปถึงจวนสกุลอวี้ ซย่าโหวจวินอวี่กลับไม่ได้พบพวกเขาเลยสักคน
ตรงกันข้ามกลับได้พบพ่อบ้านของสกุลอวี้ แจ้งว่าซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้จิงเหลยออกไปต่อสู้กันที่ด้านนอก
ข่าวนี้ทำให้ฮ่องเต้ทรงสะดุ้งโหยงร้อนพระทัยจนแทบจะไหม้!
ลูกเอ๋ย ในเวลาปกติไปต่อยตีกับเขาก็แล้วไป เหตุใดในเวลาเช่นนี้ถึงยังไม่ท้าตีกับเขาได้!
นี่เจ้ามาสู่ขอ หรือมาหาเรื่องกันแน่!
ซย่าโหวจวินอวี่แทบน้ำตาอาบแก้ม
ดูสิเขาสู้อุตส่าห์ตระเตรียมทุกอย่างเอาไว้มากมาย แม้กระทั่งรวบรวมข้อมูลครบครันรอบด้านก็เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือซย่าโหวฉิงเทียน เมื่อใกล้ถึงเวลา เขายังมาช่วยเหลือซย่าโหวฉิงเทียนด้วยตัวเองอีกด้วย
ตอนนี้ดีนี่ ไม่ต้องให้เขาช่วยเจ้าลูกชายตัวดีกลับทำเรื่องของตัวเองจนพังไม่เป็นท่า น่าปวดหัวจริงๆ เลย!
หรือเป็นเพราะอวี้จิงเหลยปฏิเสธคำขอแต่งงานของซย่าโหวฉิงเทียน ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนเกิดโมโห ติดจะเล่นงานอวี้จิงเหลยเล่นๆ สักหน่อย
เจ้าลูกชายบ้าบิ่นโหดเ**้ยมเช่นนั้น คงจะไม่เลาะกระดูกหักเส้นเอ็นของอวี้จิงเหลยไปแล้วใช่ไหม
ยิ่งคิด ฮ่องเต้ก็ทรงยิ่งกังวลพระทัย
นี่ลูกชายของเขาโตมาอย่างไรกันเนี่ย โตมากลายเป็นเช่นนี้ได้…