คำสาปเวทมนตร์ โดย Ink Stone_Fantasy

“ความสามารถ….ใช้ไม่ได้ผล?” ไนติงเกลมองไปทางเมซี่อย่างแปลกใจ “นางถูกปีศาจระดับสูงทำร้ายเหรอ?”

“…จิ๊บ” เสียงของเมซี่เบาจนเหมือนเสียงยุง

“อะไรนะ?”

“ข้า…” เธอตอบอีกรอบ ครั้งนี้ในที่สุดทุกคนก็ได้ยินคำตอบของเมซี่ “ข้าเป็นคนจิกนางเองจิ๊บ…”

“อะไรนะ?” โรแลนด์กับไนติงเกลสบตากัน ต่างฝ่ายต่างมองเห็นสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อของอีกฝ่าย จากนั้นทั้งสองคนต่างก็ถามออกมาพร้อมกันว่า “ตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เจ้าลองเล่ามาตั้งแต่ต้นซิ”

หลังฟังเรื่องราวจบ โรแลนด์จึงขมวดคิ้วขึ้นมา

ปีศาจที่แข็งแกร่งที่มีรูปร่างเหมือนกับคนอย่างมาก ถึงแม้จะสบตาจากระยะไกลก็ยังสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวอย่างรุนแรง ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนั้นไลต์นิ่งยังบินด้วยความเร็วเสียงด้วย แต่เธอก็ยังถูกอีกฝ่ายจ้องมอง? เมื่อเทียบกับข่าวนี้แล้ว ข่าวเรื่องที่ว่าปีศาจสู้กับพวกสัตว์อสูร และสัตว์ประหลาดโครงกระดูกสามารถใช้เป็นอาวุธโจมตีได้นั้นดูเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย

เพื่อจะเรียกสติไลต์นิ่งกลับคืนมา เมซี่จึงจิกลงไปบนหน้าอกของเธออย่างแรง ถึงได้ทำให้ทั้งสองคนหนีออกมาได้ ไม่อย่างนั้นหากบินต่อไปเรื่อยๆ ช้าเร็วเธอก็ต้องพุ่งเข้าไปชนศัตรูอย่างแน่นอน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่บาดแผลรักษาไม่หายนั้นย่อมไม่ได้เป็นเพราะเมซี่อย่างแน่นอน เพราะเธอไม่มีความสามารถแบบนั้น และถึงต่อให้มี เธอก็ไม่มีทางที่จะใช้มันกับเพื่อนที่สนิทที่สุดของเธอแน่

อย่างนั้นมันก็ต้องมาจากตัวไลต์นิ่ง

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาจึงถอนใจออกมา ก่อนออกเดินทาง ตัวเองเคยกำชับอีกฝ่ายแล้วว่าอย่าใช้ความสามารถใหม่ไปเสี่ยงอันตราย การกลับมาอย่างปลอดภัยนั้นสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด แต่สุดท้ายเธอก็ไม่สามารถสะกดความต้องการของตัวเองเอาไว้ได้ น่าจะเป็นเพราะความเป็นนักสำรวจที่สืบทอดมาทางสายเลือดของเธอล่ะมั้ง

แต่ในเวลานี้เขาไม่ได้มีความคิดที่จะกล่าวโทษไลต์นิ่งเลย ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน สิ่งที่ควรทำคือรีบหาว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน ไม่ใช่ไปถามหาว่าใครเป็นคนผิด

โรแลนด์ให้ไนติงเกลไปเรียกเวนดี้ ลิลลี่ อกาธากับไนท์ฟอลมา นอกจากจะทำการตรวจสอบดูอีกรอบแล้ว เขายังให้ไนท์ฟอลปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งการอยู่ร่วมกันลงไปด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทุกคนต่างวุ่นกันถึงหัวค่ำ จนในที่สุดไลต์นิ่งก็ตื่นขึ้นมา ซึ่งจากการตรวจสอบร่างกายทั้งหมดของเธอแล้วก็ได้ข้อสรุปในเบื้องต้นออกมา

“เจ้าจะบอกว่าร่างกายของนางปกติดีทุกอย่างงั้นเหรอ?” หลังฟังรายงานของอกาธา โรแลนด์จึงค่อยๆ หันหน้ามามองสาวน้อยที่นอนหน้าซีดอยู่ในอ้อมอกของเวนดี้แล้วพูดต่อว่า “แบบนี้มันจะปกติได้ยังไง?”

“การนอนสลบในตอนแรกนั้นเกิดจากความเหนื่อยล้าจากการบินมาเป็นเวลานาน ซึ่งเมล็ดพันธุ์แห่งการอยู่ร่วมกันสามารถพิสูจน์ในเรื่องนี้ได้ ไนท์ฟอลไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ นี่ก็อธิบายได้ว่าที่สภาพของนางเป็นอย่างนี้นั้นเกิดจากความหวาดกลัวภายในจิตใจของนาง หาใช่ร่างกายของนางไม่ ตามหลักแล้ว พักผ่อนซักสองสามวันก็หายดีแล้วเพคะ”

“แล้วบาดแผลล่ะ?”

“นั่นคือสิ่งที่หม่อมฉันกำลังจะพูดต่อไปเพคะ” อกาธาพูดเสียงเบาเลย “ปัญหาของนางนั้นอยู่ที่พลังเวทมนตร์ ตอนที่หม่อมฉันใช้หินเวทมนตร์วัดพลังทำการตรวจสอบพลังเวทมนตร์ในร่างกายนาง หม่อมฉันสัมผัสได้ถึงปฏิกิริยาเวทมนตร์ที่ไม่ได้เป็นของนางเพคะ”

“หมายความ….ว่าไง?” โรแลนด์ตกตะลึง

“พระองค์ก็น่าจะทรงทราบว่าถึงแม้พลังเวทมนตร์จะมีอยู่ทั่วทุกที่ แต่ถ้าอยากจะใช้มัน เราก็จำเป็นต้องเอามันมาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเรา ซึ่งนี่ก็คือการรวมตัวของเวทมนตร์ที่พวกเราพูดถึงบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการหมุนวน หรือการที่พลังเวทมนตร์จับตัวเป็นรูปร่างต่างๆ หลังบรรลุนิติภาวะก็ล้วนแต่เป็นการทำให้พลังเวทมนตร์มาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเราทั้งสิ้น ปีศาจเองก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน เพียงว่าพลังเวทมนตร์ที่พวกมันใช้นั้นไม่เหมือนกับของแม่มด เมื่อใช้หินเวทมนตร์วัดพลังดู ปฏิกิริยาที่สะท้อนออกมาก็เหมือนกับน้ำใสกับโคลน” เธอชะงักไปเล็กน้อย “ซึ่งปฏิกิริยาแปลกๆ ที่หม่อมฉันสัมผัสได้นั้นก็เหมือนกับของปีศาจไม่มีผิดเลยเพคะ”

โรแลนด์รู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างน่าปวดหัวขึ้นมาทันที “เจ้าหมายความว่าปีศาจมันกัดกินพลังเวทมนตร์ของไลต์นิ่ง…โดยที่ไม่ได้สัมผัสกันโดยตรงอย่างนั้นเหรอ?”

“จะเป็นไปได้ยังไง?” ไนติงเกลถามขึ้นมาอย่างสงสัย “ตอนที่ข้าอยู่ในหมอกมายา ข้าสามารถแยกแยะพลังเวทมนตร์ที่ผิดแปลกไปได้อย่างง่ายดาย ถ้านางถูกกัดกินจริงๆ อย่างนั้นข้าก็น่าจะเห็นแล้วสิ”

“เมื่อเทียบกับพลังเวทมนตร์ของไลต์นิ่งแล้ว มันมีขนาดที่เล็กกว่ามาก จึงไม่แปลกที่มันจะถูกมองข้าม” อกาธาส่ายหัว “แต่นี่เป็นเพียงการรับรู้ที่ได้จากหินเวทมนตร์วัดพลังเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ว่ามันใช่การกัดกินอย่างที่ฝ่าบาทตรัสหรือไม่นั้น ตอนนี้ข้าเองก็ยังไม่อาจตอบได้”

โรแลนด์เข้าใจความหมายในคำพูดของเธอทันที “ก่อนหน้านี้ปีศาจไม่เคยมีความสามารถแบบนี้เหรอ?”

“ถ้าเป็นการสร้างผลกระทบในระยะการมองเห็นโดยไม่ได้สัมผัสกันตรงๆ นั้น ความสามารถประเภทนี้ถือว่ามีให้เห็นบ่อยๆ อย่างเช่นปีศาจแห่งความกลัวนั้นถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดี ดังนั้นการที่ปีศาจระดับสูงจะมีความสามารถคล้ายๆ มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะพวกมันได้รับพลังมาจากหินเวทมนตร์ ไม่ใช่การตื่นรู้เหมือนอย่างพวกเรา แต่การทำให้บาดแผลไม่สามารถรักษาได้แบบนี้ หม่อมฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนจริงๆ เพคะ” อกาธาพูดเสียงคร่ำเครียด “สมมติว่ามีพลังเวทมนตร์ส่วนหนึ่งที่มาจากปีศาจฝังตัวอยู่รอบๆ ปากแผลจริงๆ อย่างนั้นเรื่องราวทุกอย่างก็สามารถอธิบายได้เพคะ”

ถูกต้อง หากนี่เป็นเพราะความสามารถของศัตรูจริงๆ อย่างนั้นก็สามารถอธิบายได้ว่าทำไมการรักษาของนาน่าถึงใช้ไม่ได้ผล เธอสามารถรักษาปีศาจได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะล้างพลังอันชั่วร้ายของศัตรูได้ โรแลนด์ถามขึ้นมาว่า “อย่างนั้นวิธีแก้ไขล่ะ?”

“ตอนนี้ยังไม่ทราบเพคะ” แม่มดน้ำแข็งตอบออกมาตรงๆ “ตามหลักแล้ว หากเข้าใกล้หินอาญาสิทธิ์ก็จะสามารถทำลายผลของเวทมนตร์ลงไป แต่ดูเหมือนพลังของปีศาจอันนี้จะไม่สามารถขจัดออกไปได้ง่ายๆ เพคะ”

“ในเมื่อมันส่งผลอยู่บนปากแผล อย่างนั้นถ้าเราตัดเนื้อรอบๆ ปากแผลออกแล้วค่อยทำการรักษาใหม่ล่ะ?”

“หม่อมฉันไม่แนะนำให้ทำเช่นนั้นเพคะ เพราะถ้าเกิดมันขยายตัวออกไปพร้อมกับบาดแผลได้ เช่นนั้นเรื่องราวมันจะยิ่งบานปลายได้เพคะ อย่างน้อยบาดแผลของไลต์นิ่งในตอนนี้ก็ไม่ได้อันตรายถึงชีวิตของนางเพคะ” อกาธาตอบปฏิเสธ “หม่อมฉันคิดว่าหลังจากนี้อีกซักสองสามวัน เราส่งนางไปพักรักษาตัวอยู่ที่เมืองชายแดนที่สามดีกว่าเพคะ พวกพาซาร์นางรู้อะไรเยอะกว่าหม่อมฉัน บางทีพวกนางอาจจะมีวิธีในการกำจัดพลังที่ว่าออกไปก็ได้เพคะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว”

โรแลนด์พยักหน้า ก่อนจะค่อยๆ เดินกลับมาที่เตียง

เมื่อเห็นเขา ไลต์นิ่งพลันก้มหน้าลงทันที เสียงของเธอเหมือนกำลังจะร้องไห้ออกมา “ฝ่าบาท หม่อมฉัน…ขอโทษ…”

“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” โรแลนด์ยื่นมือไปลูบหัวเธอ “ทำใจให้สบายๆ แล้วพักผ่อนเยอะๆ ข้าจะต้องรักษาเจ้าให้หายแน่นอน”

ไลต์นิ่งตัวสั่นขึ้นมา เหมือนเธอพยายามสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ ผ่านไปครู่ใหญ่ เธอจึงพูดเสียงค่อยๆ ขึ้นมา

“อื้อ”

….

หลังจากนั้นสามวัน โรแลนด์ก็ได้รับความคืบหน้าจากทางแม่มดทาคิลา

เขารีบพาไนติงเกล เวนดี้ไปยังเมืองชายแดนที่สามทันที

พาซาร์ยืนต้อนรับเขาอยู่ปากทางเข้าโถง

“ไลต์นิ่งเป็นยังไงบ้าง?”

‘ดีขึ้นมากแล้วเพคะ หลายวันมานี้เอเลน่าคอยอยู่เป็นเพื่อนเธอ แล้วก็เล่าเรื่องแปลกๆ ในโลกแห่งความฝันให้นางฟังจนนางเกือบจะลืมเรื่องปีศาจระดับสูงนั่นไปแล้วเพคะ’ พาซาร์พูดยิ้มๆ ‘วันนี้นางยังบินไปบินมาในโถงกับเมซี่ ส่วนบาดแผลเล็กๆ ตรงหน้าอกก็ไม่ได้ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของนางเลยเพคะ’

เมื่อฟังถึงตรงนี้ โรแลนด์จึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อที่จะไม่ให้ธันเดอร์ไม่กังวลใจ เรื่องของไลต์นิ่งจึงมีแม่มดเพียงแค่ไม่กี่คนที่รู้เรื่อง แต่ถ้าหากเธอไม่ปรากฏตัวเป็นเวลานาน ทุกคนคงจะรู้สึกเป็นห่วงอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นถ้าอยากจะปิดบังต่อไปก็คงทำได้ยากแล้ว

“พวกท่านรู้หรือยังว่ามันเป็นพลังอะไร?” เวนดี้รีบถามขึ้นมา

พาซาร์โบกหนวดหลัก ‘เซลีนเอาบันทึกทั้งหมดในสมัยทาคิลามาอ่านดูอีกรอบ แต่ก็ไม่พบบันทึกที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย ด้วยเหตุนี้ข้าจึงมั่นใจว่านี่น่าจะเป็นความสามารถใหม่ของปีศาจ แต่การที่ไม่มีความสามารถแบบนี้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีความสามารถคล้ายๆ กัน ความจริงแล้ว ผลของความสามารถนี้มันคล้ายๆ กับความสามารถชนิดพิเศษที่หาได้ยากชนิดหนึ่ง’

“มันคืออะไร?”

‘พวกเราเรียกมันว่าคำสาป’ พาซาร์พูดช้าๆ ชัดๆ