ความท้าทายครั้งใหม่ โดย Ink Stone_Fantasy
“คำถาม?” โรแลนด์พูดทวนขึ้นมา คำนี้ฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไรเลย
‘เชิญตามหม่อมฉันมาเลยเพคะ’ พาซาร์หมุนตัวแล้วพาทุกคนเดินเข้าไปในถ้ำๆ หนึ่งที่อยู่ในโถง กำแพงหินภายในโถงนั้นถูกเจาะให้เป็นช่องขนาดเท่าๆ กัน ข้างในนั้นมีหนังสือและม้วนเอกสารต่างๆ นาๆ กองอยู่เต็มไปหมด เผลอๆ ยังจะมากกว่าหนังสือในห้องสมุดของวิหารลับเสียอีก ‘เซลีน ฝ่าบาทมาแล้ว’
“รู้แล้ว” ยังไม่ทันได้เห็นตัว เสียงเซลีนก็ดังมาเข้าหัวทุกคนแล้ว จากนั้นมีหนวดเส้นหนึ่งยื่นออกมาจากก้นถ้ำ หนังสือกองหนึ่งหล่นลงมาบนพื้นดังปึกปักๆ ก่อนที่หนวดเส้นนั้นจะหดกลับเข้าไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
แต่ก่อนหน้าที่หนวดจะหดกลับเข้าไป มันยังโค้งงอมาทางโรแลนด์เหมือนกำลังทำความเคารพเขาอยู่
‘อะแฮ่มๆ ขออภัยด้วยเพคะ เวลานางเจองานวิจัยใหม่เข้า นางก็จะเป็นแบบนี้แหละเพคะ’ พาซาร์พูดอย่างกระอักกระอ่วนนิดหน่อย ‘เพราะว่ามีแม่มดน้อยคนนักที่จะโชคดีเหมือนอย่างไลต์นิ่ง ที่ร่างกายต้องคำสาปแต่กลับไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต’
“นางจะทำอะไรไลต์นิ่งหรือเปล่า?” เมื่อพูดถึงการวิจัยขึ้นมา โรแลนด์พลันนึกถึงหนูทดลองในห้องทดลองขึ้นมา
“วางพระทัยได้เพคะ ตอนนี้ิวิธีการศึกษาเวทมนตร์หลักๆ แล้วจะเป็นการสังเกตและจดบันทึกเพคะ เพียงแต่เมื่อมีแกนเวทมนตร์คอยช่วยเหลือ ทำให้นางสามารถมองเห็นการไหลของเวทมนตร์ได้ทุกๆ อณู’ พาซาร์พูดพร้อมกับใช้หนวดม้วนเอาหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง ก่อนจะกางมันออกตรงหน้าทุกคน ‘เชิญดูตรงนี้…แล้วก็ตรงนี้เพคะ’
โรแลนด์สังเกตเห็นว่าหน้าหนังสือเหล่านี้ส่วนใหญ่กลายเป็นสีเหลืองจางๆ เห็นได้ชัดว่าเป็นหนังสือที่มาจากยุคสมัยของทาคิลา และตรงตำแหน่งที่อีกฝ่ายชี้ให้ดูนอกจากจะมีตัวหนังสือที่เป็นภาษาแม่มดแล้ว ยังมีกระดาษโน้ตที่เขียนคำแปลเอาไว้แผ่นหนึ่งด้วย เห็นได้ชัดว่าพวกเธอแปลมันออกมาเพื่อให้เขาอ่านได้สะดวก
เมื่อเขาอ่านมันอย่างละเอียดแล้ว เขาถึงได้พบว่ามันเป็นการบรรยายเกี่ยวกับสงครามสองครั้ง
‘ครั้งหนึ่งนั้นเป็นสงครามล้อมเมืองในดินแดนแห่งรุ่งอรุณ แม่มดที่ได้รับบาดเจ็บหนัก 8 คนถูกกองหนุนช่วยกลับมา ตามหลักแล้วพวกเธอไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงจนถึงชีวิต แต่สุดท้ายพวกเธอก็ตายลงไปทีละคนๆ สาเหตุการตายนั้นเป็นเพราะวิธีการรักษาไม่ได้ผล บาดแผลไม่สามารถสมานตัวได้ ทำให้เลือดไหลออกมามากขึ้นและติดเชื้อ โดยก่อนตายพวกเธอต้องเจอกับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส จนทำให้สุดท้ายมีแม่มด 2 คนที่เลือกจะฆ่าตัวตาย’ พาซาร์ค่อยๆ เล่า ‘เนื่องจากเวลาผ่านมานานมากแล้ว ตัวผู้เขียนเองก็ไม่รู้รายละเอียดในสงครามครั้งนั้นมากนัก นอกจากเหตุการณ์อันน่าเหลือเชื่ออันนี้เพียงเหตุการณ์เดียว คำสาปของปีศาจจึงถูกเริ่มพูดถึงเป็นครั้งแรกจากตรงนี้เพคะ’
‘อีกครั้งหนึ่งนั้นเป็นสงครามที่ใกล้กับยุคสมัยที่พวกเราอยู่ ปีศาจตัวหนึ่งที่ถูกทางสมาพันธ์เรียกว่าผู้คุมวิญญาณนั้นได้ต่อสู้อย่างดุเดือดกับกองทัพแม่มดที่เมืองเธาแซนด์เลคซึ่งตั้งอยู่ตรงชายขอบของที่ราบลุ่มบริบูรณ์ เจ้าปีศาจตัวนั้นมันสามารถใส่พลังเวทมนตร์เข้าไปในหอกหินสีดำของมันได้ ทันทีที่ถูกแทงเข้า ร่างกายจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายกลายเป็นซากศพแห้งเหี่ยว’ พาซาร์หยุดชะงัก ‘โดยในครั้งนั้นมีแม่มดอมนุษย์ 3 คนที่ตายด้วยน้ำมือมัน ซึ่งทางสถาบันค้นคว้าศาสตร์ลึกลับได้พบปฏิกิริยาเวทมนตร์ประหลาดในร่างกายของคนที่ได้รับบาดเจ็บ’
โรแลนด์เดาข้อสรุปได้ทันที “พลังเวทมนตร์นั้นมาจากศัตรู?”
‘ถูกต้องเพคะ’ พาซาร์ผงกหนวดหลัก ‘ดังนั้นพวกหม่อมฉันจึงคาดเดาว่าความสามารถพวกนี้นั้นเป็นประเภทเดียวกัน โดยมันจะอยู่ในร่างกายเป้าหมาย แล้วก็สร้างความเสียหายไปเรื่อยๆ วิธีการรักษาตามปกตินั้นใช้ไม่ได้ผล แล้วก็ยากที่จะใช้พลังจากภายนอกมากำจัดมันออกไปด้วยเพคะ’
“นี่มันเหมือนกับคำสาปจริงๆ เลย” เวนดี้พูดด้วยสีหน้าที่ดูค่อนข้างแย่ “น่ากลัวมาก…”
แต่ไนติงเกลกลับสังเกตเห็นถึงการเลือกใช้คำพูดของอีกฝ่าย ‘ยากที่จะใช้พลังจากภายนอกมากำจัดมัน อย่างนี้ก็แสดงว่า….ยังมีวิธีที่จะกำจัดมันอย่างนั้นเหรอ?”
พาซาร์พลิกไปที่หน้าต่อไป “สิ่งสำคัญคือหากพวกเราวิเคราะห์กันไม่ผิดล่ะก็’
โรแลนด์อ่านบันทึกจบลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เมืองเธาแซนด์เลคอยู่ในช่วงเวลาวิกฤติ แม่มดคนหนึ่งที่ชื่อซาแมนธาได้ก้าวออกมาสู้กับผู้คุมวิญญาณ ก่อนจะกลายเป็นสุดยอดอมนุษย์ในระหว่างต่อสู้ จากนั้นเธอได้ฟันปีศาจระดับสูงนั้นขาดเป็นสองท่อน เดิมเธอคิดว่าเธอคงต้องตายตามเพื่อนคนอื่นๆ ไป แต่ผลปรากฏว่าเธอกลับรอดชีวิต ราวกับว่าไม่เคยมีคำสาปนั่นมาก่อน และเนื่องจากอยู่ใกล้พื้นที่ของหมอกแดงมากเกินไป สุดท้ายเมืองเธาแซนด์เลคก็พังทลายลง แต่ก็ถือว่าเธอได้ซื้อเวลาให้กับผู้คนมานานมากพอแล้ว หลังจากนั้นด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของซาแมนธา เธอก็ได้ทำให้สมาพันธ์เห็นชอบกับระบบสามผู้นำและได้กลายเป็นหนึ่งในสามผู้นำรุ่นแรกของสมาพันธ์
เมื่ออ่านถึงตรงนี้ เขาพลันเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายทันที
ถ้าสมมติว่าไลต์นิ่งได้รับผลกระทบจากคำสาปเวทมนตร์จริงๆ อย่างนั้นการสังหารอีกฝ่ายอาจจะเป็นวิธีแก้คำสาปเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้ แต่ว่านี้มันเป็นเรื่องที่ทำได้ ‘ยากมาก’! ศึกตรงค่ายภูเขาหิมะและเนินนอร์ธบาวด์นั้นได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถอันน่าตกใจของปีศาจระดับสูงแล้ว หากพวกมันยังดึงดันที่จะเข้ามาปะทะกับกองทัพที่หนึ่งก็คงจัดการได้ง่ายหน่อย แต่ถ้าพวกมันไม่คิดที่จะสู้ซึ่งๆ หน้า การที่เขาจะไปไล่ตามสังหารพวกมันนั้นมีความเสี่ยงที่สูงมาก
หากเป็นสมัยทาคิลา นี่แทบจะเป็นภารกิจที่ไม่มีทางเป็นไปได้
ปีศาจระดับสูงจะเดินทางพร้อมกับกองทัพขนาดใหญ่ แล้วก็เป็นเหมือนแกนกลางของกองทัพ เพียงแต่คิดจะเอาชนะกองทัพปีศาจให้ได้นั้นก็นับว่าเป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก แล้วนับประสาอะไรกับการกำจัดพวกศัตรูให้หมดล่ะ?
โรแลนด์นึกถึงแม่มดนิรนามที่เขียนจดหมายให้กับนาตาย่าคนนั้นขึ้นมา
ตอนนี้เมื่อมาคิดๆ ดูแล้ว เกรงว่าเธอเองก็คงได้รับบาดเจ็บจากความสามารถแบบนี้เหมือนกัน เธอถึงได้ทิ้งจดหมายสั่งเสียฉบับนั้นไว้
คนที่สามารถคุยกับสามผู้นำแห่งสมาพันธ์ผ่านทางจดหมายได้นั้นย่อมไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน ทั้งความสามารถและสถานะนั้นน่าจะอยู่ในระดับสูงของสมาพันธ์ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น สุดท้ายเธอก็ยังต้องยอมรับจุดจบแบบนั้นอย่างเงียบๆ
นั่นเป็นเพราะว่าถ้าอยากจะหาปีศาจตัวที่ทำให้เธอบาดเจ็บในหมู่ปีศาจนับหมื่นนับแสนแล้วกำจัดมันทิ้ง ทางสมาพันธ์ก็จำเป็นต้องสละชีวิตแม่มดอีกเป็นจำนวนมาก เห็นได้ชัดว่าสำหรับสมาพันธ์แล้ว การช่วยเหลือชีวิตแม่มดที่ถูกสาปนั้นไม่คุ้มที่จะให้แม่มดคนอื่นไปเสี่ยงและสละชีวิต
ไนติงเกลน่าจะคิดได้ถึงจุดนี้เหมือนกัน เธอจึงกำหมัดแน่นทั้งสองข้าง
โรแลนด์ครุ่นคิดอยู่ครู่ ก่อนจะพูดออกมา “จริงอยู่ที่เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ข้าไม่มีทางทิ้งความเป็นไปได้นี้เด็ดขาด”
‘…..’ พาซาร์เงียบไปเล็กน้อย ‘หากนี่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ล่ะก็’
“แต่ก่อนหน้านั้น ข้าอยากจะทำความเข้าใจเรื่องบางเรื่องหน่อย ถ้าหากเจ้าปีศาจที่ไลต์นิ่งเจอมันมีความสามารถในการปล่อยคำสาปโดยที่ไม่ต้องสัมผัสตัวตรงๆ อย่างนั้นถ้าคนธรรมดาเจอคำสาปเข้าไปจะเป็นยังไง?”
‘ผลที่ออกมาจะแย่กว่าแม่มดมากเพคะ’ จู่ๆ เสียงของเซลีนก็ดังแทรกเข้ามาในหัว ‘พลังเวทมนตร์ทำให้พวกเรามีความสามารถในการฟื้นฟูและภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งกว่าคนธรรมดา ทำให้โรคระบาด หรือก็คือสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่พระองค์เขียนเอาไว้ในหนังสือยากจะทำอะไรพวกเราได้ แต่คนธรรมดานั้นไม่ได้ ขอเพียงปากแผลไม่ยอมสมาน คนพวกมันก็จะมีอันตรายถึงชีวิตได้ทุกเมื่อเพคะ’
“หินอาญาสิทธิ์ป้องกันความสามารถแบบนี้ได้ไหม?”
‘ได้เพคะ ความจริงแล้วในบันทึกก็มีพูดเอาไว้เหมือนกันว่าถ้าไม่เป็นเพราะผู้คุมวิญญาณมันมีความสามารถที่ไม่ด้อยไปกว่าแม่มดอมนุษย์ มันก็คงไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับสมาพันธ์ได้มากขนาดนั้น แต่ว่า…’ เสียงของเซลีนชะงักไปทันที ‘จากที่ไลต์นิ่งเล่ามา พวกเราไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่ว่าปีศาจตัวนั้นอาจจะเป็นผู้พิฆาตเวทมนตร์ เพราะหากเป็นแบบนั้น หินอาญาสิทธิ์ก็จะไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้เพคะ’
ปีศาจยิ่งแข็งแกร่ง รูปร่างของมันก็จะยิ่งคล้ายมนุษย์ นี่คือข้อสรุปที่ทางสมาพันธ์ได้มาจากสงครามแห่งโชคชะตาทั้งสองครั้ง
โรแลนด์รู้สึกตกใจ
คำเตือนของเซลีนนั้นไม่ใช่การขู่ จากคำบรรยายของไลต์นิ่ง ปีศาจระดับสูงที่ปรากฏตัวขึ้นมาใหม่นั้นอาจจะรับมือได้ยากกว่าศัตรูที่ผ่านมาทุกตัวก็ได้
ดังนั้นการจะบุกไปทาคิลาครั้งนี้เขาจำเป็นจะต้องวางแผนให้รัดกุมอย่างมาก ถึงจะทำให้เป้าหมายที่จะสังหารปีศาจระดับสูงกลายเป็นจริงได้