เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 817
อาจารย์สองคณะยังขนาดนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนักเรียน ไม่สู้กันจนสมองไหลออกมาน่ะสิถึงจะแปลก

ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีอาจารย์ควบคุม การต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย ต้องกำเริบเสิบสานยิ่งขึ้นแน่นอน ไม่แน่อาจกลายเป็นการต่อสู้เป็นกลุ่มก็ได้!

ทุกคนรีบไปที่นั่นด้วยความอยากดูเรื่องคนอื่น

ถึงขนาดที่อาจารย์สองสามคณะได้ยินข่าว ก็มีความคิดที่จะไปดู

เพราะการต่อสู้นี้ ทำให้ทั้งสถาบันสอนวิชาบู๊พากันออกไปดู

สิ่งที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดแบบนี้ มีเพียงคนที่สร้างปาฏิหาริย์ในสถาบันสอนวิชาบู๊ อย่างลู่ฝานกับเอี๋ยนชิงเท่านั้นที่ทำได้

ข่าวแพร่ไปถึงโถงหลักของสถาบันสอนวิชาบู๊ ตอนนี้ท่านผอ.เทียนหยาจื่อ กำลังต้อนรับแขก

ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง นั่งอยู่ข้างหน้าเทียนหยาจื่อ แม้เสื้อผ้าบนตัวธรรมดา แต่เข็มขัดหยกสีดำตรงเอวของผู้ชาย กับตัวอักษรสองตัวคำว่าอู่อานที่ชัดเจน บ่งบอกว่าเขามาจากราชสำนัก

“ท่านผอ.เทียนหยาจื่อวาสนาดีจริงๆ ศิษย์ที่คุณสอนได้รับตำแหน่งผู้ตรวจการชั้นกลาง บ่งบอกว่าท่านผอ.เทียนหยาจื่อสอนอย่างถูกต้อง วันหลังฉันจะเขียนจดหมายให้เบื้องบน ขอความกรุณาจากเบื้องบน ให้ท่านผอ.เทียนหยาจื่อมีตำแหน่งเป็นครูในสถาบันบู๊องอาจที่เมืองหลวง”

ชายวัยกลางคนยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น

ท่านผอ.เทียนหยาจื่อยิ้มไม่หุบ พูดตามตรง เขาไม่คิดว่าช่วงเทศกาลเซ่นไหว้ประจำปี ซึ่งระยะเวลาเพียงสั้นๆ ลู่ฝานจะทำให้เขาตกใจถึงขนาดนี้

ลูกศิษย์สอบผ่านผู้ตรวจการชั้นกลาง อีกทั้งยังฆ่ากุยวัว เรื่องแบบนี้ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด

ประเทศอู่อานแสนแปดพันเขต สถาบันมีมากมายนับไม่ถ้วน แต่จะมีสักกี่สถาบันที่บ่มเพาะลูกศิษย์ให้สอบผ่านผู้ตรวจการชั้นกลางได้

เมื่อก่อนสถาบันสอนวิชาบู๊เคยมีลูกศิษย์สอบผ่านผู้ตรวจการชั้นล่าง ก็เพียงพอที่จะทำให้สถาบันยินดีแล้ว แต่ตอนนี้เป็นถึงชั้นกลาง ราชสำนักส่งคนมาแจ้งข่าว เกียรติยศระดับนี้ เพียงพอที่จะทำให้ชื่อของลู่ฝานสลักบนป้ายเกียรติยศของสถาบันสอนวิชาบู๊ตลอดไปแล้ว

“ท่านหม่าชมเกินไปแล้ว รอลู่ฝานกลับมา ผมจะให้เขามาพบท่านหม่าทันที”

ท่านหม่าส่ายหน้าพูดว่า “ไม่ต้องๆ ฉันแค่ถือโอกาสมาแจ้งเท่านั้น ท่านผอ.ช่วยแจ้งลู่ฝานว่าราชสำนักมีคำสั่ง ให้เขาไปเมืองหลวงในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า”

ท่านผอ.ตกใจ “ขอถามได้ไหมครับ ราชสำนักจะให้รายชื่อลู่ฝานเข้าร่วมการคัดเลือกเหรอครับ”

ท่านหม่าส่ายหน้า “ไม่ทราบ เบื้องบนไม่ได้แจ้งแน่ชัด ฉันก็ไม่กล้าเดาเอาเอง แต่ท่านผอ.คิดแบบนี้ก็ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะมีโอกาส จะให้เขาไปเมืองหลวงทำไมล่ะ”

“มีเหตุผล มีเหตุผล!”

ท่านผอ.เทียนหยาจื่อปรบมือแล้วหัวเราะ ปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมาก

แอบคิดในใจเงียบๆ ถ้าลู่ฝานก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น ได้รายชื่อการคัดเลือก ถึงกระทั่งที่ไปร่วมการแข่งนานาประเทศได้จริง งั้นเขาก็ไม่ต้องการอะไรแล้วจริงๆ

สิ่งที่เสียดายในชีวิตนี้ คือไม่สามารถเข้าร่วมเรื่องยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ถ้าลูกศิษย์ตัวเองเข้าร่วมได้ นั่นคือการเติมเต็มความฝันตลอดชีวิตของเขา

ขณะกำลังคุยกันอย่างมีความสุข นักบู๊คนหนึ่งเดินเข้ามา “ท่านผอ. ลู่ฝานกลับมาแล้ว”

ท่านผอ.หัวเราะ แล้วพูดว่า “ยังพูดไม่ทันขาดคำ ท่านหม่ามาได้จังหวะพอดี ลู่ฝานกลับมาแล้ว ไปเจอพร้อมกันกับผมสิครับ”

ท่านหม่าเอียงหัวไปมา “งั้นก็ไปพร้อมกัน ฉันก็อยากเห็นอัจฉริยะอย่างผู้ตรวจการลู่เหมือนกัน”

“ไปคณะหนึ่งเดียวกันครับ”

ท่านผอ.สะบัดมือแล้วเอ่ยขึ้น

นักบู๊รีบพูดว่า “ท่านผอ. ตอนนี้ลู่ฝานไม่ได้อยู่คณะหนึ่งเดียวครับ เขาอยู่คณะหยินหยาง!”

ท่านผอ.ขมวดคิ้วทันที เขาพอเดาอะไรได้ “ไอ้เด็กนี่ กลับมาก็ก่อเรื่อง ช่างเถอะ งั้นไปดูการพัฒนาของเขาในช่วงนี้กัน”