ตอนที่ 774 ฟาร์ม
“เนื่องจากบทเรียนในครั้งนั้น ตอนนี้พวกเราจึงระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น ก็อย่างที่คุณเห็น ระบบรักษาความปลอดภัยของเราอยู่ในระดับดีเยี่ยม ยกตัวอย่างเช่นห้องใต้ดินแห่งนี้ที่จัดเก็บความลับทั้งหมดของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ถ้ามีใครลอบเข้ามาในนี้ อุปกรณ์ส่งสัญญาณวงจรไฟฟ้าภายในจะเริ่มทำงานเพื่อทำลายข้อมูลทั้งหมด! มีแค่ผมเท่านั้นที่รู้รหัสผ่านของห้องนี้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับผมห้องนี้ก็จะถูกทำลาย และเริ่มกระบวนการจัดเก็บใหม่” เต๋อชิงพูดอย่างภูมิใจ
เฮ่อปินเลียนแบบเขาและพูดอย่างภูมิใจ “ใช่แล้ว ตระกูลเฮ่อหลานของเราเก่งทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัย”
“ถูกต้องครับ แต่นับจากนี้ไปคุณจะรู้ความลับทั้งหมดนี้ด้วย นายน้อย ถึงแม้ว่าอาการป่วยอย่างกะทันหันของนายท่านจะถือเป็นเรื่องโชคร้ายจริงๆ ผมก็ยังอยากที่จะแสดงความยินดีกับคุณที่ได้เข้าควบคุมตระกูลเฮ่อหลานทั้งหมด!”
เต๋อชิงคนนี้เป็นคนไม่ซื่อสัตย์ เฮ่อหลานชางยังนอนใกล้ตายอยู่บนเตียงแต่เขาก็เริ่มประจบเฮ่อหลานฉีแล้ว อย่างไรก็ตามนี่เป็นผลดีต่อเฮ่อปิน เพราะมันจะทำให้ภารกิจของเขาง่ายขึ้น
“ลุงหวง ผมสามารถดูแฟ้มที่นี่ตามที่ต้องการได้ไหมครับ” เฮ่อปินถามอย่างสุภาพ
เต๋อชิงพยักหน้า “แน่นอนอยู่แล้วครับ! ในบรรดาคนในตระกูลเฮ่อหลานทั้งหมด มีแค่คุณกับผมเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์นี้”
เฮ่อปินพยักหน้าตอบและดึงแฟ้มอันหนึ่งออกมาอ่าน ซิงเหอไม่ได้ขยับเข้าไปใกล้ เธอยืนอยู่กับที่ แสดงได้อย่างสมบทบาท เฮ่อปินยังคงพลิกแฟ้มต่อไปหลายอัน แต่เขาไม่ได้ศึกษามันอย่างละเอียด กระนั้นกล้องที่ซ่อนอยู่ในเนกไทของเขาได้บันทึกทุกอย่างเอาไว้
หลังจากที่ดูแฟ้มอื่นๆ อีกเล็กน้อย เฮ่อปินก็เสนอให้พวกเขาไปเยี่ยมสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ถึงอย่างไรสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็เป็นเหตุผลหลักที่พวกเขามาที่นี่ เต๋อชิงไม่มีปัญหากับเรื่องนั้นและนำทางพวกเขาออกไปจากห้องใต้ดิน ซิงเหอตามพวกเขาไปและได้เที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ภายในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
ถ้าเธอไม่รู้มาก่อน ซิงเหอคงจะไม่คิดว่าที่นี่คือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เพราะมันดูเหมือนฟาร์มปศุสัตว์มากกว่า!
ตลอดทางเต๋อชิงอธิบายให้พวกเธอฟังอย่างภาคภูมิใจว่าพวกเขาเลี้ยงดูเด็กกำพร้าพวกนี้อย่างไร พวกเขาปลูกฝังเด็กกำพร้าพวกนี้ด้วยกระบวนการที่มีประสิทธิภาพ
สำหรับทารกที่เพิ่งรับเข้ามาใหม่ พวกเขาจะให้โปรตีนซองที่แนะนำโดยนักโภชนาการ และทารกจะได้รับการตรวจร่างกายทุกวัน ครึ่งปีต่อมาเด็กที่ร่างกายแข็งแรงจะได้รับเลือกให้เข้าร่วมในการฝึกฝนเป็นพิเศษ ส่วนเด็กที่ได้คะแนนสูงทั้งในการทดสอบทางร่างกายและจิตใจจะได้รับเลือกให้เข้าร่วมในการฝึกฝนตัวต่อตัว…
พวกเขาคัดกรองเด็กทารกเพื่อที่จะเลือกคนที่ดีที่สุด เด็กกำพร้าสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายกลุ่มโดยใช้ระบบการให้คะแนนที่แตกต่างกัน พวกที่มีคะแนนสูงสุดคือเด็กกำพร้าที่ฉลาดและแสดงความจงรักภักดีต่อตระกูลเฮ่อหลาน
แน่นอนว่าเด็กกำพร้าที่ได้คะแนนต่ำก็มีโอกาสที่จะได้คะแนนมากขึ้น ตราบใดที่พวกเขาแสดงให้เห็นว่ามีการพัฒนาในภายหลังหรือมีความพรสวรรค์ที่โดดเด่นในด้านใดด้านหนึ่ง
เด็กกำพร้าที่มีคะแนนสูงสุดจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุด ห้องพักที่ดีที่สุด อาหารที่ดีที่สุด และการศึกษาที่ดีที่สุด การดูแลจะแย่ลงไปตามระดับคะแนน เด็กกำพร้าที่มีคะแนนต่ำที่สุดจะถูกคัดออก แต่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาต่อจากนั้นเป็นความลับ
ดังนั้นเด็กพวกนี้จึงต้องต่อสู้ตั้งแต่อายุยังน้อย ภายใต้ระบบที่โหดร้ายและรุนแรงแบบนี้ เด็กทุกคนต้องผลักดันตัวเองทุกวัน พวกเขาใช้เวลาทุกวินาทีเพื่อคิดหาทางปรับปรุง เล่าเรียน และทำให้ตัวเองยอดเยี่ยมที่สุด
ตอนที่ 775 โหดเ**้ยมเหลือเกิน
นี่หมายความว่าเด็กๆ จะไม่มีช่วงเวลาในวัยเด็กเลย หรืออาจพูดได้ว่าวัยเด็กของพวกเขาไม่ใช่ช่วงเวลาที่มีความสุขเนื่องจากมันเต็มไปด้วยการเรียนและการแข่งขันเท่านั้น ระหว่างทางพวกเขาได้เห็นเด็กหลายคน และทั้งหมดก็เป็นเด็กที่อายุน้อยกว่าหกขวบ
น่าแปลกที่เด็กทุกคนตัวสูงกว่าวัยปกติ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด ที่น่ากลัวที่สุดก็คือดวงตาของพวกเด็กๆ เด็กทุกคนควรจะมีใบหน้าที่ไร้เดียงสา แต่ดวงตาเด็กพวกนี้แทบจะปราศจากชีวิต ไม่มีการหัวเราะหรือร้องไห้ซึ่งเป็นพฤติกรรมปกติของเด็ก แม้แต่เด็กอายุสามขวบก็ดูโตและเป็นผู้ใหญ่อย่างน่ากลัว…
ทุกครั้งที่ซิงเหอสบตากับดวงตาที่มืดหม่น ไร้ชีวิตชีวา และใบหน้าที่ปราศจากความรู้สึกของพวกเด็กๆ หัวใจของเธอก็บีบรัดแน่น แม้แต่เฮ่อปินเองก็ทำใจเชื่อสิ่งที่พวกเขาเห็นได้อย่างยากลำบาก อย่างไรก็ตามเต๋อชิงยังพูดฉอดๆ ต่อไปอย่างมีความสุข มีความภาคภูมิใจแฝงอยู่ในน้ำเสียงของเขาราวกับว่าเด็กพวกนี้เป็นผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดจากการทดลองของเขา และเขาจะพูดเป็นนัยถึง ‘สถานที่นั้น’ เป็นครั้งคราว
จากคำพูดของเขา ซิงเหอกับเฮ่อปินเข้าใจว่าเด็กกำพร้าที่เก่งที่สุดจะถูกส่งไปยังสถานที่แห่งนั้น มาตรฐานของสถานที่นั้นค่อนข้างสูง พวกเขายอมรับแต่เด็กกำพร้าที่เก่งที่สุดเท่านั้นและไล่เด็กที่เหลือออกไป ด้วยเหตุนี้เต๋อชิงจึงพยายามพัฒนาวิธีฝึกฝนของเขาให้ไร้ที่ติมามากกว่าสิบปีเพื่อที่จะเลี้ยงเด็กกำพร้าให้ออกมาสมบูรณ์แบบ วิธีฝึกฝนที่เขาคิดค้นขึ้นมาเริ่มโหดร้ายและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ …
เขายังใช้เทคโนโลยีเพื่อกระตุ้นการเติบโตในสมองของเด็กๆ อีกด้วย เขาจะใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสิ่งอื่นที่คล้ายกันเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์สมองในกะโหลกศีรษะของเด็กๆ …
“ลุงหวงครับ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของเราสามารถสร้างอัจฉริยะได้กี่คนจากการใช้เทคโนโลยีนี้” เฮ่อปินถามอย่างตื่นเต้นแต่ภายใต้ความตื่นเต้นที่เห็นได้ชัดของเขากำลังเดือดพล่านไปด้วยความเยือกเย็นอย่างร้ายแรง
เต๋อชิงหัวเราะโดยไม่ทันสังเกตเห็นอารมณ์ที่อยู่ในดวงตาของเขา “ไม่ใช่ว่าผมต้องการจะยกหางตัวเองหรอกนะ แต่หลายปีที่ผ่านมาผมสามารถสร้างอัจฉริยะที่สมบูรณ์แบบมามากกว่ายี่สิบคนแล้ว!”
“เยอะขนาดนั้นเลย ลุงหวงถือเป็นอัจฉริยะจริงๆ!” เฮ่อปินชื่นชม
เต๋อชิงรู้สึกพอใจในตัวเองเป็นพิเศษ มันเป็นเรื่องยากที่จะเจออัจฉริยะโดยกำเนิดแต่ด้วยการใช้วิธีของเขา เขาสามารถสร้างอัจฉริยะให้ตระกูลเฮ่อหลานได้ประมาณยี่สิบคน เขามีส่วนสำคัญในการทำเรื่องชั่วช้าทั้งหมดของตระกูลเฮ่อหลาน
“คุณเคยลองเพิ่มจำนวนของอัจฉริยะไหมครับ” เฮ่อปินถาม
เต๋อชิงตอบ “แน่นอนครับ พวกเราเคยลองดูแล้ว แต่เด็กส่วนใหญ่ไม่สามารถอยู่รอดจากการชักนำนั้น สมองของพวกเขากลายเป็นอัมพาตและหยุดทำงาน พวกเราจะกำจัดเมล็ดพันธุ์ที่ไร้ค่าเหล่านี้ทันที”
“ใช่แล้ว การปล่อยให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อไปก็มีแต่เปลืองอาหารเปล่าๆ ให้พวกเขามอบมันกลับมาสู่โลกดีกว่า” เฮ่อปินพูดพร้อมกับแสยะยิ้ม แต่ลึกเข้าไปในดวงตาของเขามีเศษเสี้ยวของความเกลียดชังอยู่ ไม่เคยมีช่วงเวลาไหนที่เขารู้สึกเกลียดตระกูลเฮ่อหลานมากกว่าตอนนี้เลย!
เขาถูกเลี้ยงขึ้นมาให้เป็นนักฆ่าตั้งแต่ยังเด็ก และเขาคิดว่าชีวิตของเขาโหดร้ายแล้ว ใครจะไปรู้ว่าเขาต้องขอบคุณที่พ่อไม่ส่งตัวเขามาอยู่ที่นี่ เพราะเด็กพวกนี้มีชีวิตที่แย่ยิ่งกว่าเขาอีก
สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือวิธีการที่พวกเขาปฏิบัติกับสิ่งที่เรียกว่าเมล็ดพันธุ์ไร้ค่าเหล่านี้ เมื่อเด็กๆ ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานกว่านี้ สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ก็คือความตายที่แสบร้อน! เมรุแห่งนั้นคงจะคร่าชีวิตของเด็กน้อยบริสุทธิ์ไปหลายคนแล้วแน่ๆ
ไม่มีใครรู้ว่าตระกูลเฮ่อหลานแอบทำเรื่องไร้ศีลธรรมแบบนี้ เฮ่อปินรู้สึกละอายใจขึ้นมาลึกๆ ทันทีที่เขามีสายเลือดของตระกูลเฮ่อหลานไหลเวียนอยู่ในตัว เขารู้สึกอึดอัดมากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้
แม้กระทั่งคนที่ผ่านการฝึกฝนเพื่อเป็นนักฆ่าอย่างเขายังได้รับผลกระทบขนาดนี้ ดังนั้นเขาจึงเป็นห่วงซิงเหอ ทว่าเมื่อเขาแอบมองเธอ เขาก็พบว่าใบหน้าของเธอไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาเลยสักนิด เธอเหมือนกับหุ่นยนต์ที่ตามพวกเขามาอย่างเงียบๆ อันที่จริงเธอเงียบมากถึงขนาดสามารถกลมกลืนไปกับพื้นหลังได้อย่างง่ายดาย
ดวงตาของเธอเป็นสีเดียวกับความมืดมิด ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ เธอยังคงรักษาสีหน้าที่ไม่สามารถอ่านได้
เมื่อได้เห็นแบบนี้เฮ่อปินเลยแอบเตือนตัวเองให้รักษาจิตใจให้สงบ และไม่แสดงวี่แววของความอ่อนแอหรือน่าสงสัยออกมา