ตอนที่ 776 เด็กคนสุดท้าย
หลังจากที่เดินดูกระบวนการฝึกฝนส่วนใหญ่แล้ว ในที่สุดเต๋อชิงก็พาพวกเขาไปพบกับเด็กกลุ่มหนึ่ง เด็กกลุ่มนี้เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีที่สุดที่เพิ่งได้รับการคัดเลือก อย่างไรก็ตามทั้งหมดมีแค่ห้าคนและทุกคนก็เป็นเด็กผู้ชาย
“ไม่มีเด็กผู้หญิงเหรอครับ” เฮ่อปินถามด้วยความอยากรู้
เต๋อชิงส่ายหัว “ไม่มีครับ เด็กผู้หญิงที่ผ่านการรับเลือกมีน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กผู้ชาย นายน้อยอย่าดูถูกพวกเขาเพราะยังอายุน้อยนะครับ พวกเขาทั้งหมดเป็นเด็กอัจฉริยะ”
“อย่างนั้นเหรอ งั้นขอให้พวกเขาแสดงให้เห็นหน่อยดีไหม” เฮ่อปินเลียนแบบเฮ่อหลานฉีและเสนอด้วยรอยยิ้มสุภาพ เต๋อชิงให้เด็กชายบางคนแสดงความสามารถของตัวเองออกมาทันที แล้วซิงเหอกับเฮ่อปินก็ต้องแปลกใจที่เด็กทั้งหมดเป็นอัจฉริยะทางด้านคอมพิวเตอร์!
ไม่ใช่แค่นั้น พวกเขายังคุ้นเคยในด้านอื่นๆ อีกมากมาย บางคนเก่งด้านวิศวกรรมศาสตร์ คนอื่นเก่งด้านเคมี คณิตศาสตร์ และฟิสิกส์…
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ระหว่างที่พูดความรู้ของตัวเองออกมารัวๆ เด็กผู้ชายพวกนี้เหมือนกับคนที่เล่าเรียนมานานหรือคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีความรู้สึก ถึงแม้ว่าความรู้ที่พวกเขาแสดงออกมานั้นจะไม่ได้ยากมาก แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถและศักยภาพในการเรียนรู้ที่ไม่ธรรมดาของพวกเขา
มองดูใบหน้าเล็กๆ น่ารักที่ปราศจากความไร้เดียงสาและถูกบังคับให้กลายเป็นเครื่องจักรเพื่อการเรียนรู้ไม่ได้ทำให้เฮ่อปินกับซิงเหอประทับใจแต่อย่างใด มีแค่ความหนักหน่วงในใจของพวกเขา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเห็นเด็กคนสุดท้ายที่เซไปทางซ้ายทีขวาทีในขณะที่กำลังแสดงความรู้ทางด้านเคมีให้พวกเขาดู ตอนแรกเด็กน้อยก็กัดฟันและพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อซ่อนอาการไม่สบายของตน อย่างไรก็ตามอาการป่วยของเขารุนแรงเกินไปจนเขาแทบจะทนไม่ไหว
เขาเกือบจะเป็นลมและล้มลงไปแล้วตอนที่เต๋อชิงพุ่งออกมาข้างหน้าเพื่อจับตัวเด็กชายและเรียกร้องด้วยความโมโห “นายป่วยหรอ!”
“ไม่ ไม่ครับ ผมไม่ได้ป่วย!” นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กชายแสดงความรู้สึกออกมาและมันคือความกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะหวาดกลัวต่อบางสิ่งอย่างมาก
เต๋อชิงไม่สนใจเด็กชายและสั่งเด็กคนอื่นๆ อย่างเย็นชา “ไปพาพนักงานมาเดี๋ยวนี้ แล้วเอาเขาไปหาหมอ!”
“ครับ!” ดูเหมือนว่าเด็กคนอื่นจะกลัวติดหวัดเลยรีบหนีออกมาราวกับกลุ่มนกพิราบ เด็กชายที่ป่วยอยู่หน้าซีดลงอย่างมาก และร่างกายผอมบางของเขาก็ไม่สามารถหยุดสั่นได้
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวในขณะที่เขาขอร้อง “ผู้จัดการ ผมไม่ได้ป่วยจริงๆ นี่เป็นแค่ไข้หวัด ผมจะดีขึ้นในเร็วๆ นี้ ผมสัญญา…”
เต๋อชิงทำเสียงต่ำอย่างเย็นชาและจ้องมองเด็กชายอย่างชั่วร้าย “นายลืมกฎของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไปแล้วหรือไง นายต้องบอกพวกเราถ้านายป่วย การที่นายซ่อนเรื่องนี้ไว้แปลว่านายละเมิดกฎ!”
“ผมขอโทษ ผม ผมคิดว่าผมจะหายดีอย่างรวดเร็ว… ผู้จัดการ ผมขอโทษจริงๆ ผมไม่กล้าทำแบบนี้อีกแล้ว…” เด็กชายที่เกือบจะอายุครบห้าขวบน้ำตาคลอเนื่องจากความหวาดกลัว อย่างไรก็ตามเขาไม่กล้าที่จะร้องไห้ออกมาดังๆ หยาดน้ำตาที่เหมือนกับไข่มุกร่วงลงมาจากดวงตาสีเข้มของเขาอย่างเงียบงัน
อยู่ต่อหน้าเด็กที่น่ารักและน่าสงสารขนาดนี้ เต๋อชิงก็ไม่ได้ใจอ่อน อันที่จริงสีหน้าของเขามีแต่จะมืดหม่นขึ้น
“ฉันพูดไปตั้งหลายรอบแล้ว ไม่มีใครอยู่เหนือกฎ! นายคิดว่ายังจะมีครั้งหน้าสำหรับนายอีกเหรอ ถ้าฉันไม่ลงโทษคนที่ฝ่าฝืนกฎอย่างนาย แล้วฉันจะควบคุมสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ได้ยังไง!” เต๋อชิงคำรามใส่หน้าของเด็กชายก่อนที่จะตบลงไปบนใบหน้าของเขาอย่างแรง แรงตบของเขาทำให้เด็กชายตัวน้อยล้มลงไปกับพื้นทันที
นี่ทำให้ซิงเหอกับเฮ่อปินตกใจ พวกเขาไม่คิดว่าเต๋อชิงจะทำเรื่องโหดร้ายอย่างกะทันหันแบบนี้
ตอนที่เด็กชายเงยหน้าขึ้นมาและพวกเขาได้เห็นรอยแดงที่ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าผอมๆ นั้นทันที ความเกรี้ยวกราดอย่างรุนแรงก็ปะทุขึ้นภายในดวงตาของพวกเขา
ตอนที่ 777 ความชั่วร้ายที่จำเป็น
เต๋อชิงทำเกินไปแล้ว!
เห็นได้ชัดว่าเด็กชายตัวน้อยยังคงมึนงงจากการโดนทำร้ายร่างกาย ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวจากความเจ็บปวดและไม่สบาย
“ยืนขึ้นมา!” เต๋อชิงสั่งอย่างรุนแรง คำสั่งของเขาดูเหมือนจะมาจากขุมนรก
เด็กชายตัวสั่นอย่างชัดเจน เขาพยายามที่จะยืนขึ้นแต่การเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันทำให้เขาอาเจียนไปทั่ว เมื่อเห็นแบบนี้เต๋อชิงก็ขมวดคิ้วด้วยความขยะแขยง อย่างไรก็ตามเขารีบหันไปบอกกับเฮ่อปินอย่างนอบน้อม “นายน้อยครับ ตรงนี้เริ่มไม่สะอาดแล้ว คุณไปรอผมที่สำนักงานดีกว่า ผมจะไปหาคุณหลังจากที่จัดการกับเมล็ดพันธุ์ไร้ค่านี้”
“คุณตั้งใจที่จะจัดการกับเขายังไง” เฮ่อปินถามอย่างเย็นชา เต๋อชิงคิดว่าเฮ่อหลานฉีแสดงความไม่พอใจต่อเด็กคนนี้ เขารีบตอบ “แน่นอนว่าพวกเราจะทำการตรวจร่างกายของเขา ถ้าผลออกมาโอเคก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้ามันเป็นการเจ็บป่วยร้ายแรง พวกเราก็ไม่มีทางเลือกนอกจากทิ้งเขา”
แววความกลัวปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเด็กชายซึ่งเจ็บปวดจากความชอกช้ำเมื่อเขาได้ยินคำว่า ‘ทิ้ง’
“ไม่ ไม่นะ ผู้จัดการ ผมไม่เป็นไรจริงๆ …” เด็กชายตัวน้อยคงใช้แรงทั้งหมดที่เขารวบรวมได้เพื่อยืนขึ้นและร้องไห้อย่างกระวนกระวาย “ผู้จัดการ ไม่ ได้โปรด ผมไม่เป็นไรจริงๆ ดูผมสิ ผม…”
ก่อนที่จะพูดจบเด็กชายก็หน้ามืดและทรุดลงไปกับพื้น หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้สติอีก
เต๋อชิงสาปแช่งอย่างรุนแรง “คนพวกนั้นทำอะไรกันอยู่ ทำไมพวกเขาถึงไม่พบอาการป่วยที่ร้ายแรงแบบนี้! ฉันจะทำหน้ายังไงถ้าเมล็ดพันธุ์แบบนี้ถูกส่งไปที่นั่น”
เฮ่อปินพูดต่อจากประโยคของเขาทันที เขาถามตามปกติ “ครั้งนี้จะส่งเด็กไปกี่คน”
เต๋อชิงอธิบาย “มีแค่ห้าคนที่คุณได้เห็น แต่ดูเหมือนว่าเราจะต้องเอาออกไปหนึ่งคน!”
“บางทีเราอาจจะยังรักษาเขาได้ ลุงหวง พวกเราไม่ควรเสียเมล็ดพันธุ์ที่มีค่าไปโดยเปล่าประโยชน์ พวกเขาไม่ได้หาง่ายนัก” เฮ่อปินเตือนเขาเบาๆ
เต๋อชิงยิ้ม “แน่นอนครับ ถ้าเขาไม่เป็นไร พวกเราก็จะไม่ละทิ้งเขาแน่นอน แต่ถ้าอาการป่วยของเขารุนแรงเกินไปพวกเราก็ไม่มีทางเลือกอื่น”
ชั่วขณะที่เต๋อชิงพูดจบ หมอสองคนก็รีบวิ่งเข้ามา เต๋อชิงสั่งเมื่อเห็นพวกเขา “พาเขาไปที่ห้องตรวจ จำไว้ว่าต้องตรวจอย่างละเอียด”
“รับทราบครับ!”
พวกเขาอุ้มเด็กชายตัวน้อยออกไปทันที และเต๋อชิงก็พาเฮ่อปินไปยังจุดอื่น
เฮ่อปินพูดด้วยอำนาจ “ลุงหวง วันนี้เป็นวันแรกที่ผมเข้ามารับงานพวกนี้ต่อ ดังนั้นหลังจากที่คุณได้ผลตรวจของเด็กคนนั้นก็อย่าลืมแจ้งผมด้วย ผมไม่อยากให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในวันที่ผมเข้ามารับช่วงกิจการต่อ”
“แน่นอนครับ” เต๋อชิงเข้าใจว่านี่เป็นอาการเห่อของใหม่ เฮ่อหลานฉีไม่เคยแสดงความสนใจในกิจการของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอย่างชัดเจนมาก่อน เขามักจะปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเอง ดังนั้นนี่จึงเป็นคำอธิบายเดียวที่เต๋อชิงสามารถคิดได้ว่าเป็นเหตุผลของคำสั่งของเฮ่อปิน
เฮ่อปินไม่ต้องการที่จะทำอะไรมากเกินไป ไม่อย่างนั้นมันอาจทำให้เต๋อชิงเกิดความสงสัย เขาเลยเสริมด้วยรอยยิ้ม “ปล่อยเรื่องนั้นไปก่อน ลุงหวงช่วยพาผมไปดูที่อื่นได้ไหมครับ ผมต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมจากลุงหวง ผมรู้สึกว่าลุงหวงมีเรื่องที่จะสอนมากกว่านี้”
“ถือเป็นโชคดีของตระกูลเฮ่อหลานจริงๆ ที่นายน้อยตั้งใจเรียนรู้แบบนี้” เต๋อชิงใช้โอกาสนี้เพื่อทำให้ตัวเองเป็นที่ชื่นชอบของเฮ่อปิน
เฮ่อปินหัวเราะและพูดอย่างถ่อมตัว “เป็นเพราะว่าลุงหวงเชี่ยวชาญมากต่างห่าง ผมถึงสามารถเรียนรู้จากคุณได้มากมาย ดังนั้นลุงหวงต้องสอนทุกอย่างที่รู้ให้กับผมนะครับ”
“นายน้อยยกยอผมเกินไปแล้วครับ แน่นอนว่าผมจะเปิดเผยความลับของผมให้นายน้อยฟังเพื่อประโยชน์ของตระกูลเฮ่อหลานและเหตุผลของเรา…” หลังจากที่ได้รับคำชมเต๋อชิงก็เริ่มสบายใจและลดการป้องกันตัวของเขาลง นอกจากนี้เนื่องจากเฮ่อหลานฉีจะกลายมาเป็นเจ้านายของเขาในอนาคต เขาเลยยอมบอกทุกอย่าง
ด้วยเหตุนี้ซิงเหอกับเฮ่อปินเลยได้รู้ถึงความชั่วร้ายที่ ‘จำเป็น’ อีกหลายเรื่องที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทำ…
เพื่อการปลูกฝังเมล็ดพันธุ์ที่ดีที่สุดให้จงรักภักดีที่สุด สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจึงทำทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อฝึกฝนพวกเขา และคงไม่ต้องพูดว่าการฝึกฝนส่วนใหญ่นั้นเข้มงวดและป่าเถื่อนมาก…