ตอนที่ 778 ความซื่อสัตย์อย่างแท้จริง
เด็กๆ ไม่แสดงข้อบกพร่องใดๆ ออกมาเลย โดยเฉพาะท่าทีไม่เชื่อฟัง ชั่วขณะที่มีใครฝ่าฝืนกฎ บทลงโทษอย่างทรมานก็จะรอคอยพวกเขาอยู่!
พวกเขาฝึกฝนเด็กกำพร้าเหล่านี้ไม่ต่างไปจากการฝึกสุนัข พวกเขาปลูกฝังจิตใจที่กำลังเติบโตของเด็กๆ ให้เชื่อฟังพวกเขาอย่างสมบูรณ์ เด็กที่เกเรจะถูกลงโทษ และหลังจากที่ได้รับการลงโทษเพียงพอแล้ว เด็กพวกนั้นก็จะหมดประโยชน์ เมื่อขาดคุณสมบัติก็ต้องถูกกำจัดทิ้ง พวกเด็กๆ ไม่เคยรู้เกี่ยวกับวิธีกำจัดนี้ พวกเขารู้แค่ว่าจู่ๆ เพื่อนบางคนก็หายตัวไปภายในชั่วข้ามคืน
เด็กทุกคนยังอายุน้อยมาก ไม่มีใครสามารถดูแลและอยู่รอดด้วยตัวเองได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองถูกทอดทิ้ง พวกเขาจึงกลายเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์และทำตามคำสั่งทุกอย่างของพวกผู้ใหญ่
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกไม่พอใจอยู่ข้างในแต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดมันออกมา เพราะกลัวว่ามันจะไปถึงหูของพวกผู้ใหญ่ เนื่องจากถูกเลี้ยงให้เติบโตขึ้นมาด้วยการฝึกอบรมอย่างเชื่อฟังมาหลายปี ในที่สุดพวกเขาก็จะกลายเป็นมนุษย์ที่ไม่สนใจสิ่งใด เป็นเครื่องมือที่สมบูรณ์แบบ
แน่นอนว่าเด็กที่ป่วยหนักจะถูกทอดทิ้งไป นี่คือเหตุผลว่าทำไมเด็กชายตัวน้อยในวันนี้ถึงหวาดกลัวขนาดนั้นและพยายามซ่อนอาการป่วยของเขาไว้ เขากลัวมากตอนที่โดนจับได้เพราะเขากลัวว่าจะถูกทอดทิ้งจริงๆ
ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนที่ทำงานอยู่ที่นั่นมองว่าเด็กๆ เป็นเด็ก กลับกันพวกเขาทำเหมือนกับว่าเด็กพวกนี้เป็นปศุสัตว์ พวกเขาจะลงโทษเด็กที่ไม่อยู่ในกฎระเบียบ รวมถึงเด็กที่ไม่สามารถทำตามความคาดหวังของพวกเขา ลงโทษแม้กระทั่งความผิดพลาดที่เล็กที่สุด
ไม่มีเด็กคนไหนรู้เกี่ยวกับโลกที่อยู่นอกกำแพงของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ในจิตใจเล็กๆ ของพวกเขาคิดว่าวัยเด็กควรเป็นแบบนี้ และเด็กทุกคนในโลกใช้ชีวิตเหมือนกับพวกเขา อันที่จริงพวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีโลกภายนอกอยู่ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าคือโลกของพวกเขา
การที่พวกเขาสามารถล้างสมองของเด็กพวกนี้อย่างสมบูรณ์เป็นความสำเร็จที่น่าภูมิใจที่สุดในความคิดของเต๋อชิง นี่ก็เพราะว่าสถานที่แห่งนั้นต้องการคนที่ยอมเชื่อฟังอย่างสมบูรณ์…
เต๋อชิงกล่าวว่าเขาเรียนรู้วิธีการควบคุมแบบนี้มาจากพ่อของเขา ตอนที่ตระกูลเฮ่อหลานเปิดสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแองเจิลที่ขัดแย้งกับชื่อแห่งนี้ขึ้นมา พ่อของเต๋อชิงเป็นคนดูแลเด็กๆ
เมื่อเฮ่อปินได้ยินเรื่องนี้ ตาของเขาก็สั่นกลัวเล็กน้อยและถามไปเรื่อย “นี่แปลว่าเด็กกำพร้ากลุ่มแรกที่พ่อของลุงหวงเป็นคนเลี้ยงต้องดีที่สุดแน่”
เต๋อชิงพูดอย่างภูมิใจ “แน่นอนอยู่แล้ว ตามที่ได้ยินจากข่าวลือ เมล็ดพันธุ์กลุ่มแรกที่พ่อของผมเป็นคนเลี้ยงดูนั้นโชคดีมากเพราะมีอัจฉริยะหลายคน อย่างไรก็ตามไม่มีใครในพวกเรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น อันที่จริงจนถึงตอนนี้พวกเราก็ยังไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากันแน่”
“เราจะส่งเมล็ดพันธุ์กลุ่มล่าสุดไปที่นั่นเมื่อไหร่” เฮ่อปินเปลี่ยนเรื่องคุย
“ภายในอีกไม่กี่วันครับ พวกเราได้เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว”
เฮ่อปินพูดพร้อมพยักหน้า “ทำไมถึงไม่ให้ผมตามไปด้วยล่ะ”
เต๋อชิงตกใจ เฮ่อปินอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ผมต้องเข้าไปควบคุมสถานที่นั้นต่อเหมือนกัน”
“อ้อ แน่นอนครับ ได้อยู่แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นผมจะแจ้งนายน้อยอีกทีและนายน้อยก็สามารถไปกับพวกเรา”
“ขอบคุณครับลุงหวง”
ชั่วขณะที่เฮ่อปินพูดประโยคนั้น โทรศัพท์ของเต๋อชิงก็ดังขึ้น
เขารับสาย สีหน้าของเขาดำคล้ำขึ้นหลังจากที่สนทนาต่อไปอีกสักพัก เขาพูดกับปลายสาย “สังเกตอาการต่อไป ถ้าเขาไม่ดีขึ้น ฉันมั่นใจว่านายรู้ว่าต้องทำยังไง”
หลังจากวางสายเขาก็อธิบายกับเฮ่อปิน “นายน้อย เราตรวจพบว่าเด็กผู้ชายก่อนหน้านี้ป่วยด้วยโรคสมองอักเสบ ผมไม่คิดว่าเขาจะฟื้นตัวได้”
“อย่างนั้นเหรอ เป็นข่าวที่น่าเศร้าจริงๆ” เฮ่อปินออกความเห็นเบาๆ
“ใช่ครับ น่าเศร้าจริงๆ!” เต๋อชิงเห็นด้วยกับเฮ่อปิน แต่เขาแค่รู้สึกเศร้าใจเพราะเสียดายทรัพยากรที่สูญเปล่าไปกับการปลูกฝังเมล็ดพันธุ์นี้เท่านั้น
ตอนที่ 779 ฆ่าพวกเขา
เต๋อชิงรู้สึกเดือดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องที่เด็กน้อยคนนี้ไม่ยอมบอกความความจริง ทำให้เขาต้องสูญเสียเมล็ดพันธุ์ดีๆ
“นายน้อย พวกเราไม่สามารถเก็บเด็กคนนี้ไว้ได้อีกต่อไป! อาการของเขาอาจจะกำเริบขึ้นมาอีกถึงแม้ว่าครั้งนี้เราจะรักษาเขาได้ พวกเราควรจะ…” จากนั้นเต๋อชิงก็ทำท่าปาดคอตัวเอง
“ลุงหวงมักจะจัดการกับเมล็ดพันธุ์ที่พังแล้วด้วยความสะดวกแบบนั้นเสมอเลยหรือครับ” เฮ่อปินหลุบตาลงต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เต๋อชิงเห็นความเย็นชาในนั้น
เต๋อชิงพยักหน้าอย่างพอใจ “แน่นอนครับ พวกเราไม่มีเวลาที่จะมาดูแลเด็กพวกนี้ ถ้าพวกเขาหมดประโยชน์กับพวกเราแล้ว เราจะเสียเวลาและทรัพยากรกับพวกเขาต่อไปอีกทำไม”
“แต่ว่านี่จะไม่เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่เหรอ เผื่อว่า…”
“นายน้อย คุณกำลังแสดงความเห็นใจออกมา!” เต๋อชิงพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ในท้ายที่สุดแล้วเด็กพวกนี้ก็เป็นแค่เครื่องมือให้พวกเราเอาไว้ใช้งาน นอกจากนี้การถูกทอดทิ้งก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายที่สุดที่สามารถเกิดขึ้นกับพวกเขา”
สีหน้าของเฮ่อปินหม่นลงทันที เขาสรุปอย่างเยือกเย็น “คุณพูดถูก แต่เด็กชายคนนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ดี และเราสามารถใช้เมล็ดพันธุ์แบบเขาให้เป็นประโยชน์มากขึ้น ดังนั้นตอนนี้เราต้องพยายามรักษาเขาอย่างเต็มที่ พวกเราจะปรึกษาเรื่องนี้กันทีหลังหากมันล้มเหลว ลุงหวงช่วยผมจัดเตรียมการเดินทางไปที่นั่นภายในวันนี้เลย ผมต้องการแก้ไขข้อบกพร่องเพื่อรับช่วงต่อโดยเร็วที่สุด”
น้ำเสียงของเฮ่อปินเต็มไปด้วยอำนาจและไม่สามารถมองข้ามได้ มันทำให้เต๋อชิงซึ่งได้แต่พยักหน้าอย่างเชื่อฟังหุบปากลง
หลังจากนั้นเฮ่อปินก็จากไปพร้อมกับซิงเหอ เขาไม่ต้องการที่จะอยู่ที่นั่นต่ออีกแม้นาทีเดียว
หลังจากออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พวกเขาก็ได้เห็นพื้นที่โล่งกว้าง ในที่สุดความรู้สึกที่แท้จริงของพวกเขาก็ระเบิดออกมา อาลิและคนที่เหลือซึ่งถูกสั่งให้ออกไปก่อนหน้านี้วนรถมารับพวกเขา
หลังจากที่พวกเขาเข้ามาในรถ อาลิก็รีบถามซิงเหอ “ซิงเหอ นั่นเป็นเรื่องจริงเหรอ! สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามันบ้าขนาดนั้นเลย”
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ตามเข้าไปในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลึกกว่านั้น แต่พวกเขาก็ได้ยินทุกอย่างผ่านไมค์หูฟัง พวกเขาสั่นไปด้วยความไม่เชื่อและความโกรธตอนที่ได้ยินเต๋อชิงไล่พูดถึงความสำเร็จมากมายที่เขาภาคภูมิใจออกมา พวกเขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าซิงเหอกับเฮ่อปินที่ได้เห็นทุกอย่างด้วยตัวเองทนมันได้ยังไง
ซิงเหอพยักหน้าเร็วๆ “ใช่ ทั้งหมดเป็นความจริง”
แซมสาปแช่งด้วยความโมโห “บัดซบ คนพวกนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า! โชคดีนะที่ฉันไม่ได้ตามเข้าไป ไม่อย่างนั้นฉันจะต้องทำให้แผนปลอมตัวของพวกเราพังไม่เป็นท่าด้วยการบีบคอพวกเขาตรงนั้นเลย!”
“ตอนที่อยู่ในประเทศ Y ฉันคิดว่าเด็กๆ ที่นั่นมีชีวิตที่เลวร้ายมากแล้ว แต่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้มันน่าสยดสยองยิ่งกว่าอีก! พวกเขาทำเหมือนกับเด็กเหล่านี้เป็นสัตว์และสุนัขตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นทารก คนพวกนี้ยังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่อีกเหรอ!” วูล์ฟพูดด้วยความชิงชัง
“เราจะฆ่าพวกเขาไหม” แคร์นถามอย่างตรงประเด็น
เฮ่อหลานฉีคลายเนคไทของเขาออกแล้วตอบ “ถ้าพวกเราทำแบบนั้นมันจะดูน่าสงสัยเกินไป”
“ซิงเหอ เธอคิดยังไง” อาลิจ้องมองซิงเหอด้วยสายตาคาดหวัง พวกเขารอไม่ไหวแล้วที่จะหักคอของหวงเต๋อชิง ถ้าปล่อยให้สัตว์ประหลาดประเภทนี้มีชีวิตอยู่ต่อไป มันก็มีแต่จะนำอันตรายมาสู่เด็กผู้บริสุทธิ์มากขึ้น ดังนั้นเขาจะต้องถูกกำจัด
ซิงเหอไม่ได้ตอบทันที เธอตอบหลังจากหยุดนิ่งสักพัก “ให้เวลาฉันคิดแผนการหน่อย”
“โอเค!” อาลิและคนที่เหลือมีความสุข ตราบใดที่ซิงเหอเต็มใจที่จะจัดการกับเต๋อชิงพวกเขาก็พอใจแล้ว นั่นก็เพราะว่าแผนการของเธอจะสำเร็จแน่นอน
รถวิ่งไปตามทางอีกสักพักก่อนที่พวกเขาจะมาสมทบกับมู่ไป๋ มู่ไป๋ให้คนของเขาซ่อนอยู่แถวๆ นี้เพื่อเผื่อว่าเกิดเรื่องอันตรายกับกลุ่มของซิงเหอ เขาต้องการที่จะอยู่ใกล้พอที่จะเข้าไปช่วยเหลือพวกเขา
ซิงเหอออกมาจากรถของเฮ่อปินแล้วเข้าไปในรถของมู่ไป๋ ในขณะที่เธอปิดประตู มู่ไป๋ก็ส่งไวน์แดงให้เธอแก้วหนึ่ง
“สิ่งนี้จะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น” เขาบอกเธอด้วยเสียงกระซิบ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย