อำนาจ

 

หลินหว่านกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะข่มกลั้นความรู้สึกเสียใจลงไป เธอยิ้มกับเซียวจิ่ง

 

 

สือด้วยท่าทางเป็นปกติ พูดว่า “ฉันขออวยพรให้พวกคุณสองคนด้วยความจริงใจนะ ก็แค่รู้สึกว่าอันซิงช่างโชคดีเหลือเกิน น่าเสียดายที่คุณจะคบหากับฉันเหมือนก่อนนี้อีกไม่ได้แล้ว ความอบอุ่นอ่อนโยนของคุณคงต้องมอบให้กับอันซิงเท่านั้นแล้วสินะ”

 

 

ตอนหลินหว่านพูดคำว่า “แค่รู้สึกว่าอันซิงเธอช่างโชคดีเหลือเกิน” น้ำตาแทบจะร่วงพรูลงมา หลินหว่านพยายามสงบอารมณ์ของตัวเอง แต่หัวใจกลับว่างเปล่า เหมือนกับมีคนยัดก้อนน้ำแข็งเย็นเฉียบเข้ามาในหัวใจของเธอ หนาวเย็นจนเสียดกระดูก

 

 

เซียวจิ่งสือมือสั่นระริก เขาไม่อาจมองสบตาทั้งคู่ของหลินหว่านได้อีก กลัวว่าตัวเองจะคุมอารมณ์ไม่อยู่ เซียวจิ่งสืออยากจะเข้าไปกอดเธอไว้ไม่อยากให้เธอต้องเสียใจขนาดนี้ แต่กลับไม่กล้าพอและเขาก็หมดสิทธิ์จะทำแบบนั้นแล้ว

 

 

“อ้าว หลินหว่านเหรอ เธอมาได้ยังไงน่ะ มาหาจิ่งสือของฉันหรือไง ตอนนี้เขายุ่งมากเลย หวังว่าต่อไปเธอจะอยู่ให้ห่างจากเขาให้มากๆ นะ ไม่ใช่มีอะไรนิดอะไรหน่อยก็มาหาเขาอยู่เรื่อย เขาไม่ใช่ของเธอนะ!” อันซิง

 

 

ส่งเสียงแหลมปรี๊ด เดินส่ายเอวอ้อนแอ้นเข้ามาตรงหน้าหลินหว่านกับเซียวจิ่งสือ

 

 

หลินหว่านเห็นอันซิงเดินเข้ามา ก็รีบปรับสีหน้าเป็นยิ้มน้อยๆ หลินหว่านแค่อยากจะทำให้ตัวเองเมื่ออยู่ต่อหน้าอันซิงให้เริ่ดเชิดหยิ่งสักหน่อย เธออยากจะเหลือศักดิ์ศรีของตัวเองไว้บ้าง

 

 

อันซิงเดินเข้าไปคล้องแขนเซียวจิ่งสือเอาไว้ แอบอิงอยู่บนร่างของเซียวจิ่งสือ

 

 

“หลินหว่าน ความสัมพันธ์ของพวกเราตอนนี้สนิทแนบชิดกันแบบนี้ก็ไม่เป็นไร แต่สำหรับคนบางคนหวังว่าจะไม่ทำเรื่องผิดทำนองคลองธรรมล่ะ ในเมื่อพวกเราจะหมั้นกันเร็วๆ นี้แล้ว ฉันก็ต้องกันไม่ให้คนอื่นฉวยโอกาสแทรกเข้ามานะสิ และก็หวังว่าบางคนจะรู้ตัวเองบ้าง อย่าหวังสูงเกินตัวล่ะ” อันซิงพูดอย่างลำพอง

 

 

หลินหว่านรู้ว่าความสัมพันธ์ที่อันซิงพูดถึงคือพวกเขากำลังจะหมั้นหมายกันเร็วๆ นี้แล้ว และพวกเขาก็มีสิทธิ์จะใกล้ชิดกันแบบนี้จริงๆ ซะด้วยสิ

 

 

หลินหว่านรู้ว่าคำพูดของอันซิงทั้งหมดนี้พูดให้เธอฟัง เธอเงยหน้าขึ้นมองดูเซียวจิ่งสือ ดวงตาของทั้งคู่ประสานสบเข้าด้วยกัน เปี่ยมด้วยเรื่องราวมากมายที่ยากจะบอกออกมา

 

 

“ไปกันเถอะ อันซิง พวกเรากลับกันเถอะจะค่ำแล้ว” เซียวจิ่งสือพูด

 

 

“งั้น หลินหว่าน พวกเรากลับก่อนนะ เธอก็รีบกลับบ้านไปคนเดียวล่ะ”

 

 

อันซิงตั้งใจเน้นคำว่า “คนเดียว” ส่วนหลินหว่านก็ยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้นเมื่อได้ยินคำนั้น

 

 

อันซิงจากไปพร้อมกับเซียวจิ่งสือ หลินหว่านมองตามเงาหลังของพวกเขาไปพร้อมกับอาการน้ำตาตกใน ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าควรจะไประบายความเศร้าเสียใจนี้กับใคร เมื่อก่อนมักจะมีเซียวจิ่งสืออยู่ด้วยเสมอ ตอนนี้เซียวจิ่งสือกลับต้องไปอยู่เคียงข้างคนที่เธอเกลียด

 

 

เพื่อไม่ให้อันซิงกับหลินหว่านเกิดเรื่องทะเลาะช่วงชิงกันขึ้น และอันซิงยังอวดดีอาละวาดหึงโหดเอามากๆ อีก เซียวจิ่งสือกลัวว่าอันซิงจะทำร้ายหลินหว่าน จึงพาอันซิงจากมา แต่ตอนที่เขาดึงตัวอันซิงไปนั้นในหัวสมองมีแต่ใบหน้าที่เศร้าเสียใจของหลินหว่าน เซียวจิ่งสือนึกภาพหลินหว่านอยู่ตัวคนเดียวทั้งเสียใจทั้งโดดเดี่ยว ใจเขาก็เจ็บปวดทรมานไม่ต่างกันเลย

 

 

เซียวจิ่งสือกับอันซิงเดินออกจากบริษัท อันซิงยืนยันจะให้เซียวจิ่งสือส่งเธอกลับบ้าน

 

 

ตอนนี้เซียวจิ่งสือหงุดหงินรำคาญมาก แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอันซิง

 

 

“เซียวจิ่งสือคะ เดี๋ยวไปนั่งเล่นที่บ้านฉันนะคะ ตอนนี้ยังไม่ดึกเลย” อันซิงพูดพลางยิ้มกับเซียวจิ่งสือ

 

 

“ขอโทษนะ ผมจะส่งคุณกลับบ้าน แล้วผมต้องรีบไปทำธุระอื่นต่ออีก” เซียวจิ่งสือหน้าบูด

 

 

อันซิงได้ยินคำปฏิเสธของเซียวจิ่งสือแล้วก็หน้าบูดบึ้งมองออกนอกหน้าต่างรถตลอดทาง ขณะที่ในใจก็รอให้เซียวจิ่งสือมาง้อเธอ แต่ว่าจนกระทั่งรถมาถึงชั้นล่างตึกที่พักของอันซิง เซียวจิ่งสือก็ไม่ได้เอ่ยปากกับอันซิงอีกแม้แต่คำเดียว

 

 

อันซิงลงจากรถ ก้าวพรวดๆ จากไปอย่างโมโห การที่เซียวจิ่งสือปฏิบัติต่อเธอแบบนี้ อันซิงโยนความผิดทั้งหมดให้กับหลินหว่าน เธอเดินไปพลางด่าหลินหว่านในใจไปด้วย อันซิงคิดว่าถ้าวันนี้หลินหว่านไม่อยู่ด้วย บางทีเซียวจิ่งสือจะไม่ทำสีหน้าเย็นชาใส่เธอก็ได้

 

 

ขณะที่เซียวจิ่งสือคิดถึงแต่หลินหว่านตลอดเวลา เขาเร่งความเร็วรถ อยากจะไปถึงหน้าประตูบริษัทแอบดูว่าหลินหว่านยังอยู่หรือไม่ เขาอยากแอบตามหลังไปส่งหลินหว่านกลับบ้าน แต่เมื่อเขาบึ่งรถมาถึงบริษัทก็พบว่าหลินหว่านจากไปตั้งนานแล้ว เซียวจิ่งสือจึงออกจากบริษัทไปด้วย

 

 

ส่วนหลินหว่านยิ่งรู้สึกเสียใจมาก เดิมทีวันนี้เป็นวันที่ดีมากวันหนึ่ง เธออยากจะบอกข่าวดีนั้นกับเซียวจิ่งสือ แต่กลับได้รับฟังข่าวร้ายสุดๆ แทน

 

 

ค่ำคืนนี้หลินหว่านกับเซียวจิ่งสือแม้จะอยู่ต่างสถานที่ แต่ทั้งคู่ต่างหลับไม่ลงเหมือนกัน พวกเขาคิดถึงกันและกัน ได้แต่หวนนึกถึงวันคืนแห่งความสุขก่อนหน้านี้มาปลอบหัวใจที่บอบช้ำเสียใจ

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้น เซียวจิ่งสือมองดูเงาตัวเองที่ดูหม่นหมองในกระจก ได้แต่ถอนใจ แต่งตัวเสร็จก็ไปบริษัท

 

 

เซียวจิ่งสือเพิ่งเดินเข้าห้องทำงานก็ได้รับข่าวจากพ่อของเขา ให้เซียวจิ่งสือรีบหาเวลาไปพบเขา เซียวจิ่งสือไม่รู้ว่าพ่อเขาตอนนี้กำลังวางแผนทำอะไรอยู่ แต่ก็ไปพบดูสักที

 

 

ไม่นานนักเซียวจิ่งสือก็มาถึงห้องทำงานของพ่อเขา

 

 

“เซียวจิ่งสือ มาแล้วเหรอ ช่วงนี้บริษัทเป็นยังไงบ้าง รู้หรือยังว่าถ้าไม่ได้ฉันคอยช่วยหนุนอยู่ก็แทบจะอยู่ไม่รอดแล้ว” เซียวเฉียวพูดด้วยรอยยิ้ม

 

 

เซียวเฉียงมองสำรวจลูกชายหัวดื้อที่ไม่ยอมลงให้เขา ตอนนี้เซียวจิ่งสือตอบรับการหมั้นหมายกับอันซิงแล้ว เซียวเฉียงก็ไม่บีบเซียวจิ่งสืออีก

 

 

เซียวจิ่งสือไม่พูดอะไรอีก แต่เขาก็ต้องยอมรับว่า ก่อนหน้านี้บริษัทเขาตกอยู่ในภาวะวิกฤตจริงๆ

 

 

“เอาล่ะ เซียวจิ่งสือ วันนี้ให้แกมาเพราะมีเรื่องสำคัญจะบอกแกเรื่องหนึ่ง” เซียวเฉียงพูดเสียงจริงจัง

 

 

เซียวจิ่งสือแม้จะมีสีหน้าราบเรียบ แต่ในใจนึกอยากรู้มาตั้งแต่แรก

 

 

“เรื่องสำคัญอะไรครับ?” เซียวจิ่งสือถามอย่างตั้งใจฟัง

 

 

“บ้านตระกูลอันตอนนี้เซ็นสัญญาความร่วมมือกับวั่นหย่ากรุ๊ปแล้ว แกว่าพวกเราจะนั่งรอความตายงั้นเหรอ นี่ไม่ใช่สไตล์ของฉัน ดังนั้นฉันตัดสินใจว่าจะคืนอำนาจบริหารของบริษัทให้แก ฉันหวังว่าแกจะไม่

 

 

ดันทุรังแบบนั้นอีก อย่ามัวคิดแต่เรื่องความรักส่วนตัว ต้องคิดเพื่อบริษัท แกต้องรับผิดชอบทั้งเครือบริษัทที่อยู่ในมือแกนะ ในเมื่อได้อำนาจนี้แล้วก็ต้องตั้งใจทำผลงานที่ยอดเยี่ยมให้ฉันเห็น” เซียวเฉียวพูดกับเซียวจิ่งสือ

 

 

เซียวจิ่งสือพอฟังว่าพ่อเขามอบอำนาจบริหารคืนให้เขาเร็วขนาดนี้ ก็คิดว่าต่อไปจะทำอะไรให้พ่อเขาได้ตื่นตะลึงกับความสามารถของเขา

 

 

“อื้ม ผมทราบแล้วครับ ตอนนี้พ่อมอบอำนาจบริหารของบริษัทคืนให้ผมแล้ว ผมต้องรับผิดชอบได้แน่นอน และจะบริหารจัดการบริษัทให้ดี พ่อไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แน่นอนว่าเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวของผมก็ต้องจัดการอย่างดีแน่” เซียวจิ่งสือพูดช้าๆ