แผนการ

 

เซียวจิ่งสือเชื่อมั่นว่าจะทำให้บริษัทรุ่งเรืองยิ่งกว่าแต่ก่อนเสียอีก เขาอยากจะเพิ่มศักยภาพและขยายอำนาจของตัวเองให้มากยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อจะไม่ให้เกิดเหตุว่าปกป้องหญิงอันเป็นที่รักของตัวเองไม่ได้ ถึงกับต้องถูกคนอื่นข่มขู่คุกคามเอาอีก

 

 

เซียวเฉียงพอใจมากที่เซียวจิ่งสือยอมรับปากหมั้นหมายกับอันซิง นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่สุดที่เขายอมมอบอำนาจการบริหารให้อยู่ในมือของเซียวจิ่งสือ ในเมื่อล่อด้วยผลประโยชน์ไม่สำเร็จ ก็ต้องบีบบังคับเอาด้วยกำลังเพื่อให้ได้อย่างที่เขาต้องการ

 

 

“เซียวจิ่งสือ ต่อไปก็จะต้องดูฝีมือแกแล้ว เรื่องของบริษัทอันที่จริงฉันก็เชื่อในความสามารถของแก ตอนนี้ถ้าแกไม่มีอะไรแล้ว ก็ไปทำตามแผนให้สำเร็จ ฉันหวังว่าจะได้รับข่าวดีจากแกนะ ให้ฉันได้เห็นความสามารถของแก” เซียวเฉียงพูดกับเซียวจิ่งสือ

 

 

“งั้น พ่อครับ ผมออกไปก่อนล่ะ ผมจะพยายามให้เต็มที่เพื่อให้บริษัทเจริญเติบโตขึ้น จะทำให้พ่อพอใจ” พูดจบเซียวจิ่งสือก็ออกจากห้องทำงานของพ่อเขา

 

 

เซียวจิ่งสือถอนใจเฮือก คราวนี้ก็ไม่ต้องยุ่งยากใจเรื่องของบริษัทแล้วสิ อย่างน้อยตอนนี้อำนาจในมือเซียวจิ่งสือก็เพียงพอที่จะให้เขาจัดการอะไรได้แน่ เซียวจิ่งสือแอบนึกหมายมั่นในใจว่าจะเสริมกำลังตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น ให้บริษัทของเขาเติบโตเข้มแข็งขึ้น เขารู้ว่าก่อนหน้านี้บริษัทอยู่ในสภาพถดถอย และรู้แล้วว่าแหล่งงานสำคัญต่อบริษัทขนาดไหน ดังนั้นเขาต้องพยายามมากกว่านี้เพื่อจัดการกับเรื่องนี้

 

 

แม้ว่าเซียวจิ่งสือจะคิดถึงหลินหว่านบ้างเป็นครั้งคราว แต่เขามักจะปลอบใจตัวเองว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ขอเพียงเขาเข้มแข็งขึ้นแกร่งขึ้น ก็จะสามารถกำหนดเส้นทางชีวิตของตัวเองได้ ไม่ต้องถูกคนอื่นควบคุมบังคับอีก ไม่ต้องเห็นแก่ผลประโยชน์จนต้องเสียสละความรักอีก

 

 

เซียวจิ่งสือปลอบใจตัวเองตลอดว่าจะไปหาหลินหว่านทีหลัง ตอนนี้สถานการณ์แบบนี้ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย อันที่จริงเซียวจิ่งสือก็ไม่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร ตอนนี้เขากับอันซิงมีข้อตกลงหมั้นหมายกัน แต่ใจเขากลับคิดถึงแต่หลินหว่าน คิดอยู่แต่ว่ายังมีโอกาสคืนดีกับเธออีก ทั้งหมดนี้ก็แค่ให้เขาสามารถสงบจิตใจจนสามารถไปจัดการกับเรื่องของบริษัทได้ โดยไม่ต้องเอาแต่คิดถึงเธออยู่ตลอด

 

 

เซียวจิ่งสือกลับถึงบริษัทก็รีบให้ผู้อำนวยการบริษัทที่เขาเชื่อถือที่สุดมาพบที่ห้องทำงาน ผู้อำนวยการบริษัทนั้นมีความสามารถมาก ตอนบริษัทวิกฤตก็ไม่ทิ้งไปไหน ที่สำคัญคือเขากับเซียวจิ่งสือมักจะมีมุมมองและความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เซียวจิ่งสือชื่นชมเขาที่สุด

 

 

“ประธานเซียว มีเรื่องสำคัญอะไรเหรอครับ จึงเรียกให้ผมมาตอนนี้” ผู้อำนวยการดึงประตูปิด เขารู้ว่าเซียวจิ่งสือเรียกเขามาต้องมีเรื่องสำคัญมาก และต้องให้พวกเขาอยู่กันตามลำพังจึงจะพูดได้

 

 

เซียวจิ่งสือมองดูผู้อำนวยการ รู้สึกเหมือนอยู่ใกล้ความสำเร็จเพียงแค่เอื้อม เขาอยากจะบอกแผนการทั้งหมดของตัวเองให้กับคนที่มีความคิดเหมือนกับเขาได้ฟัง จากนั้นทั้งสองก็จะร่วมกันทำตามแผนของบริษัทให้สำเร็จ

 

 

“วั่นหย่ากรุ๊ปจะเป็นเอเจนซี่ป้อนงานให้กับบริษัทของเรา ดังนั้นเราจะหาทางใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ให้ได้มากที่สุด” เซียวจิ่งสือพูดกับผู้อำนวยการ

 

 

ผู้อำนวยการยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ผมเข้าใจแล้วครับ เรื่องนี้ผมจัดการต่อเองครับ คุณวางใจได้ ผมจะจัดการให้เร็วที่สุด ท่าทางตอนนี้คุณดูมีความมั่นใจขนาดนี้ คงเป็นเพราะเซียวเฉียงได้มอบอำนาจบริหารให้คุณแล้วล่ะมั้งครับ”

 

 

เซียวจิ่งสือรู้สึกพอใจมาก เขายังพูดไม่ทันจบ ผู้อำนวยการคนนี้ก็เข้าใจแล้วว่าเขาต้องการจะทำอะไร เขาแอบนึกดีใจที่ตัวเองมีผู้อำนวยการที่มีความสามารถและเข้าใจเขาขนาดนี้

 

 

“ใช่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เรายังต้องพัฒนาบริษัทให้เข้มแข็งก่อน คุณได้รู้ความคิดของผมแล้ว ผมก็เชื่อในความสามารถของคุณ งั้นเราก็มารอดูกันต่อไปเถอะ” เซียวจิ่งสือพูดด้วยรอยยิ้ม

 

 

“งั้นผมไปก่อนนะครับ เชื่อผม ไม่นานหรอก” พูดจบผู้อำนวยการก็ออกไปจากห้องทำงาน

 

 

ผู้อำนวยการจัดการเรื่องที่เซียวจิ่งสือสั่งให้ทำได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว เขาโอนสัญญาความร่วมมือทั้งหมดมาที่บริษัทซึ่งเซียวจิ่งสือก่อตั้งขึ้น เรื่องนี้ทำได้รวดเร็วจนเซียวจิ่งสือทั้งประหลาดใจและดีใจ ดูท่าว่าบริษัทของเขากำลังจะรุ่งแล้วจริงๆ

 

 

พอเซียวจิ่งสือทราบว่าผู้อำนวยการจัดการเรื่องนี้เสร็จ ก็เริ่มลงมือตามแผนการขั้นต่อไปของเขา

 

 

“มาแล้ว” เซียวจิ่งสือมองดูผู้ช่วยที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา

 

 

“อ…เอ่อ ท่านประธานเซียว” ผู้ช่วยตอบรับอย่างนอบน้อม

 

 

“ผมจะพูดตรงๆ นะ ผมจะให้คุณรีบไปสืบหาผู้ถือหุ้นที่ติดหนี้สินจำนวนมากกับบริษัท มาให้ผมรายหนึ่ง ต้องขุดหารายละเอียดข้อมูลทั้งหมดของเขาออกมา ถ้าเป็นไปได้ คุณให้เขามาคุยกับผมด้วยตัวเอง เรื่องนี้ต้องทำให้เร็วที่สุด” เซียวจิ่งสือพูดขึ้น

 

 

“ครับ ผมจะจัดการให้เร็วที่สุด”

 

 

ผู้ช่วยก็ไปจัดการเรื่องนี้สำเร็จลุล่วงได้อย่างรวดเร็ว คนทั้งบริษัทต่างพากันเข้าสู่โหมดเร่งรีบทำงานกันเป็นระวิง ภายใต้การนำของเซียวจิ่งสือ คนของบริษัทพากันตั้งใจทำงานกันอย่างกระตือรือร้น

 

 

“ท่านประธานเซียว คนๆ นั้นมาแล้วครับ”

 

 

ผู้ช่วยพาผู้ถือหุ้นที่ติดหนี้บริษัทมาพบเซียวจิ่งสือ เขาเคยมีฐานะสูงส่ง ร่ำรวยมาก สวมเสื้อผ้าแบรนด์เนมชนิดพิเศษ แต่ตอนนี้กลับดูกระเซอะกระเซิงไม่เรียบร้อยนัก ไม่แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป

 

 

“สวัสดีครับ ผมเซียวจิ่งสือ ตอนนี้คุณคงเป็นหนี้อยู่มากมายเลยสินะ! แม้ว่าพวกเร่งรัดหนี้คุณ คงจะส่งผลคุกคามชีวิตประจำวันและสร้างความเสียหายให้คุณอย่างมาก แต่ไม่ต้องกังวลใจนะครับ ผมสามารถช่วยคุณชำระล้างหนี้ทั้งหมดให้คุณได้ แต่คุณต้องรับปากผมข้อหนึ่ง โอนหุ้นบริษัทให้ผม” เซียวจิ่งสือจ้องชายคนนี้

 

 

ผู้ถือหุ้นถูกพวกตามทวงหนี้ข่มขู่ จึงเกลียดชังคนพวกนี้มาก

 

 

ผู้ถือหุ้นขึงตามองเซียวจิ่งสือ พูดว่า “ไม่มีทาง ผมยังหลงคิดว่าคุณจะมีเรื่องอะไรดีๆ ซะอีก ที่แท้ก็มีแผนร้ายนี่เอง คิดจะให้ผมโอนหุ้นบริษัทให้น่ะ ไม่มีทางหรอก”

 

 

ผู้ถือหุ้นจากไปอย่างโมโห เขาคิดแค้นในใจ ต่อให้ต้องขายหุ้นทิ้งก็ไม่ให้กับเซียวจิ่งสือ

 

 

ผู้ช่วยพอเห็นผู้ถือหุ้นไปแล้วก็พูดอย่างหวั่นกลัวอยู่บ้าง “ท่านประธานเซียว แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรกันดี ผมควรจะทำอย่างไรจึงจะได้หุ้นนี้กลับมา”

 

 

เซียวจิ่งสือพูดเสียงราบเรียบมาก “ไป ตามเขาไป ตอนนี้เขาก็แค่คนจนตรอกคนหนึ่งเท่านั้น ไม่น่าจะทำอะไรได้ ผมต้องเอาหุ้นมาให้ได้”

 

 

ผู้ช่วยผงกศีรษะแล้วออกไป เซียวจิ่งสือมั่นใจมาก เขาเห็นการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงในหลายวันนี้ของบริษัท รู้สึกพอใจมาก จะมีก็ตอนคิดถึงหลินหว่านขึ้นมาเป็นครั้งคราวที่จะเสียใจอยู่บ้าง แต่ก็เพราะระยะนี้เขาค่อนข้างงานยุ่ง จึงคิดถึงหลินหว่านในยามเผลอไผลไปบ้าง

 

 

“ท่านประธานเซียว ผู้ถือหุ้นนั่นตอนนี้เริ่มประกาศขายหุ้นในมือของเขาแล้ว” ผู้ช่วยพูดอย่างร้อนใจ เขากลัวว่าเรื่องนี้จะทำไม่สำเร็จ

 

 

“จะยากอะไร หาคนในบริษัทแกล้งทำทีเป็นคนซื้อหุ้น ให้ราคาสูงหน่อยซื้อกลับเข้ามาก็ได้แล้ว เราแค่ต้องการหุ้นพวกนี้ มันสำคัญกว่า” เซียวจิ่งสือพูด

 

 

ไม่นานนักคนของเซียวจิ่งสือก็ทำทีเป็นคนซื้อหุ้น เข้าไปติดต่อขอซื้อกลับมา เซียวจิ่งสือรู้สึกดีมาก ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามแผนของเขาอย่างราบรื่น บริษัทจะต้องดีขึ้น