ตอนที่ 504 แม่ของเฉวียนหมิง
“พ่อ แม่!” จู่ๆ เฉวียนหมิงก็ร้องเรียกออกมา ดวงตาเบิกโพลง มองตรงไกลออกไปข้างหน้า ยื่นมือออกไปเหมือนต้องการคว้าอะไรบางอย่าง แต่คว้าอากาศ รอจนเขามองเห็นสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยรวมทั้งแววตาประหลาดใจของผู้โดยสารอื่น จึงรีบดังมือกลับ
อีลั่วเสวี่ยดึงมือเขาไว้ “เฉวียนหมิง คุณเป็นอะไรไป ฝันหรือคะ?” น่าแปลก ทำไมหัวใจเขาเต้นเร็วอย่างนี้ ทั้งพลังในร่างก็สั่นไหวรุนแรงมาก ยังมีขุมพลังที่เธอเองก็รู้สึกแปลกใจ
ที่จริงเธอเคยพบพลังนี้หลังจากที่รักษาเฉวียนหมิงหายแล้ว เธอเข้าใจว่าเป็นพลังทิพย์ที่ซ่อนเร้นในตัวเฉวียนหมิงมาตั้งแต่เกิด เพราะไม่มีผลร้ายต่อตัวเขา จึงไม่ได้ใส่ใจว่ามีพลังมากน้อยแค่ไหน
เฉวียนหมิงหายใจเข้าลึกๆ ข่มความตื่นเต้นในใจลง แล้วสั่นหัว “อืม…อาจเป็นเพราะเหนื่อยเกินไป” เขาจำไม่ได้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ตนเองไม่ได้ฝันถึงพ่อแม่
แต่น่าแปลก ทำไมวันนี้จึงฝันถึง ยังรู้สึกเหมือนจริงมาก ความฝันก่อนหน้านี้มักจะเลือนราง แต่ครั้งนี้เหมือนอีกฝ่ายยืนอยู่ตรงหน้าตนเอง เหมือนเขามองเห็นแม่
“ดื่มน้ำหน่อยค่ะ” อีลั่วเสวี่ยหยิบแก้วน้ำ พลางใช้พลังทิพย์ทำให้น้ำอุ่นขึ้น แล้วยื่นให้เฉวียนหมิง
เฉวียนหมิงรับน้ำอุ่นมาดื่มเล็กน้อย แล้วจึงรู้สึกว่าตนเองอยู่ในสถานที่แห่งนี้
“ผมหลับไปนานแค่ไหน?” แม้ในฝันจะเป็นช่วงเวลาที่สั้นมาก แต่เขากลับรู้สึกว่าตัวเองนอนหลับไปนานมาก รู้สึกอ่อนเพลียมาก ยังเหนื่อยกว่าที่เขาอดนอนเพื่อคิดหาวิธีรับมือกับกลุ่มธุรกิจสกุลฟาง
อีลั่วเสวี่ยเลิกคิ้วขึ้น “น่าจะสี่สิบกว่านาที คุณถามเรื่องนี้ทำไมหรือคะ?”
ริมฝีปากเฉวียนหมิงสั่นไหว ในใจมีแรงกระตุ้นที่ต้องการบอกให้คนอื่นรู้ “อาเสวี่ย ผมฝันไป”
“ฉันรู้ค่ะ คุณยังร้องเรียกพ่อแม่ ฝันถึงพวกท่านหรือคะ?” เธอไม่รู้สึกว่าแปลก เธอเองบางทีก็ฝันถึงพ่อแม่บุญธรรม แต่อาจเป็นเพราะเปลี่ยนดวงวิญญาณแล้ว ทำให้ความฝันดูเลือนรางและความรู้สึกในใจไม่ลึกซึ้งนัก เธอรู้ว่าอาจเป็นเพราะดวงจิตที่ยังหลงเหลืออยู่ในร่างนี้
“ใช่ ผมฝันถึงพวกท่าน เหมือนจริงมาก อาเสวี่ย พูดไปแล้วคุณอาจจะไม่เชื่อ ตั้งแต่เล็กผมก็มีลางสังหรณ์ว่าพ่อกับแม่อาจจะยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกท่านอยู่ที่ไหน”
อาจเป็นเพราะความรู้สึกที่เกิดจากความผูกพันทางสายเลือด ทำให้เขารู้สึกเช่นนี้ ก่อนหน้านี้พ่อแม่คอยกระตุ้นเขามาตั้งแต่เล็ก แต่เพราะเขาต่อต้านความฝันเช่นนี้ จึงไม่เกิดขึ้นอีก คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะฝันอีก
อีลั่วเสวี่ยหรี่ตา “ที่คุณคาดเดาแบบนี้ไม่ใช่จะไร้เหตุผล คุณจำพิณโบราณของแม่คุณได้ไหม?”
“เกี่ยวอะไรกับพิณตัวนั้นหรือ?” แม่เขาดีดพิณเป็นตั้งแต่เล็ก เล่นได้ไพเราะมาก พิณโบราณตัวนี้มีอะไรน่าแปลกหรือ?
“มันไม่ใช่พิณโบราณธรรมดา อาจกล่าวได้ว่าในตัวมันมีพลังทิพย์ ถ้าผู้ที่มีพลังทิพย์สูงมากดีดพิณ เสียงพิณจะทำให้ในคนสับสนวุ่นวายได้ จนถึงขั้นใช้เสียงพิณโจมตีคนได้”
รูม่านตาเฉวียนหมิงหดเล็กลง กวาดตาดูรอบๆ แล้วขยับเข้าใกล้อีลั่วเสวี่ย พูดเบาๆ ว่า “อาเสวี่ย คุณคิดว่าแม่ผมจะเป็นเหมือนคุณไหม เป็น…” พอเขาคาดเดาเช่นนี้ก็ถึงกับตื่นเต้น
“จะเป็นไปได้อย่างไร พวกท่านไม่ใช่คนดั้งเดิมของที่นี่หรือ?” อีลั่วเสวี่ยยิ้มแล้วพูดขึ้น เธอเดาว่าแม่ของเฉวียนหมิงอาจจะรู้จักการบำเพ็ญเพียร แต่ไม่ได้คิดว่าเธอจะทะลุมิติมาเหมือนตนเอง อย่างไรโลกนี้ก็มีผู้บำเพ็ญเพียร การมีของโบราณที่ร้ายกาจจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
“ไม่ แม่บอกว่าแม่เป็นเด็กกำพร้า ตอนที่รู้จักกับพ่อผมก็อายุเท่าคุณตอนนี้ ทั้งแม่ไม่เคยเรียนที่โรงเรียนไหน” เฉวียนหมิงพูดเบาๆ ดวงตาฉายประกายละเอียดอ่อนออกมา
ตอนที่ 505 อาจเป็นความรู้สึกหลอน
ถึงตอนนี้อีลั่วเสวี่ยเองก็รู้สึกสับสน “คงไม่หรอก โอกาสเกิดเรื่องนี้ไม่ใช่แค่หนึ่งในพัน ฉันว่าแม้แต่หนึ่งในหลายร้อยล้านก็ยังยาก” ถ้าเธอไม่เจอกับเจ้าลูกบอลเงินซึ่งเป็นร้านค้าเถื่อนระหว่างดวงดาวที่มีปัญญาประดิษฐ์ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เป็นไปได้ว่าดวงวิญญาณเธอคงแตกสลายไปในอวกาศแล้ว
“แต่คุณก็เป็นตัวอย่างหนึ่งไม่ใช่หรือ” เฉวียนหมิงเหลือบตาขึ้น ในดวงตาเปี่ยมด้วยความคาดหวัง พ่อแม่เขายังอาจจะยังมีชีวิตอยู่ ถ้าพวกท่านยังมีชีวิตอยู่จริงก็จะดีมาก เขาพยายามบำเพ็ญเพียรเพื่อยืดอายุขัยให้ยืนยาวขึ้น หวังว่าสักวันคงจะได้พบพวกท่าน
อีลั่วเสวี่ยนิ่งอึ้งไป ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี “เรื่องนี้ก็จริง” โอกาสน้อยนิดนี้เธอได้เจอมาแล้ว ไม่ใช่แค่การทะลุมิติ ยังมีมนุษย์ต่างดาวด้วย ไม่สิ เจ้าลูกบอลเงินถือว่าเป็นเทคโนโลยี่ต่างดาว
“อ้อ จริงด้วยลูกบอลเงิน เจ้าบอกหน่อยว่ามนุษย์ต่างดาวหน้าตาเป็นอย่างไร เหมือนมนุษย์เราไหม?” จู่ๆ เธอก็นึกอยากรู้ขึ้นมา เผ่าพันธุ์แบบไหนกันที่สามารถสร้างร้านค้าเถื่อนระหว่างดาวที่ร้ายกาจอย่างเจ้าลูกบอลเงินได้
เจ้าลูกบอลเงินที่นิ่งเงียบมานานเพราะไม่มีใครสนใจมัน พอได้ยินก็พูดด้วยความน้อยใจว่า “ถามข้าทำไม เจ้าไม่นึกอยากรู้เลยไม่ใช่หรือ หึ! ยังบอกว่าเป็นเจ้าของ แต่ไม่ใส่ใจข้าสักนิด”
อีลั่วเสวี่ยถึงกับพูดไม่ออก “เจ้าไม่ใช่เด็กสักหน่อย หรือข้าต้องคอยห่วงว่าเจ้าจะกระหายหรือหิว อย่าขี้อ้อนนักเลย อวดด้านที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ออกมาดีกว่า” ต้องแกล้งเจ้าลูกบอลเงินบ้าง
“ดูเหมือนจะใช่ เรื่องของดาวดวงนั้นหรือ จะพูดอย่างไรดีล่ะ พวกเขาก็ไม่ต่างจากมนุษย์มากนัก พูดไปแล้วมนุษย์บนโลกนี้มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับมนุษย์ที่ดาวนั้นมากที่สุด สภาพแวดล้อมก็คล้ายกัน แต่ว่าที่นั่นเราอยู่ในระดับสูงกว่าที่นี่มาก เทียบกันแล้วโลกนี้ก็เหมือนชนเผ่าบุพกาลของดาวดวงนั้น”
“…” เปรียบเทียบแย่ขนาดนั้นเชียวหรือ ถึงกับบอกว่าเป็นชนเผ่าบุพกาล เวลานี้เป็นยุคที่โลกนี้ก้าวหน้าทางเทคโนโลยี่สูงสุดแล้ว
ขณะที่ลูกบอลเงินกำลังจะพูดอะไรอีก เฉวียนหมิงเห็นอีลั่วเสวี่ยนั่งเหม่อ จึงพูดว่า “อาเสวี่ย คิดอะไรอยู่ ได้ยินที่ผมพูดไหม?”
“ได้ยิน ได้ยิน ตามที่คุณบอก พวกท่านอาจจะยังมีชีวิตอยู่ บางทีอาจจะตรงข้ามกับฉัน ไปยังอีกโลกหนึ่งก็เป็นไปได้” โลกนี้มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับเรือและเครื่องบินที่หายสาบสูญไม่ใช่หรือ
ไม่แน่ว่าพวกท่านอาจเจอกับเรื่องแบบนั้น เพราะในอวกาศเกิดหลุมดำ ม้วนพาพวกเขาไป อาจจะล่องลอยอยู่ในอวกาศที่ไร้ขอบเขต หรือไปยังดาวดวงอื่น
แววตาเฉวียนหมิงเลื่อนลอย “อยู่ที่ไหนไม่สำคัญ ขอเพียงพวกท่านยังมีชีวิต กลัวแต่…”
“กลัวอะไร?” อีลั่วเสวี่ยเลิกคิ้วขึ้น นึกแปลกใจ
“ไม่มีอะไร” พนักงานบนเครื่องคนหนึ่งเดินผ่านมา เฉวียนหมิงจึงกลืนคำพูดในใจลงไป เขานึกถึงพลังไร้รูปที่ขวางกั้นอยู่ รวมถึงพ่อเขาซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยน้ำแข็ง แล้วอดหนักใจไม่ได้
ในใจคาดหวังว่าพ่อและแม่จะปลอดภัย หวังว่าที่ฝันเห็นพวกท่านเป็นเพราะระยะนี้ทัศนคติของเขาเปลี่ยนไปทำให้เกิดความคิดที่แปลกมหัศจรรย์ขึ้นเท่านั้นเอง
“ยินดีต้อนรับท่านผู้โดยสารทุกท่าน…ทางสายการบินได้จัดเตรียม…” เสียงประกาศดังขึ้นเบาๆ แต่เฉวียนหมิงกับอีลั่วเสวี่ยไม่ได้ฟังเข่าหู
เธอกุมมือเขาไว้ มือเล็กๆ มอบความปลอบปละโลมอย่างไร้ขอบเขตให้เขา “เฉวียนหมิง อย่าคิดมากเลย” คงเพราะระยะนี้เขามีแรงกดดันมากเกินไป จึงใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้
ต่อให้พ่อแม่เขาเสียชีวิตแล้ว แต่เพราะมีตนเองเป็นตัวอย่าง ทำให้เขาคาดหวังว่าวิญญาณของพวกท่านจะโชคดีใช้ร่างอื่นแทน แล้วมีชีวิตอยู่ต่อมา
“อืม” เฉวียนหมิงยิ้ม แล้วกอดอีลั่วเสวี่ยไว้ ความเศร้าบนใบหน้าสลายไปแล้ว
กลับเป็นเจ้าลูกบอลเงินลอยที่อยู่ข้างตัวเฉวียนหมิง เหมือนสังเกตเห็นอะไร เพราะมันทำอย่างนี้ประจำ อีลั่วเสวี่ยจึงไม่ใส่ใจ