ตอนที่ 506 ไล่ตามสัญญาณเมื่อครู่ / ตอนที่ 507 ดวงดาว

หมอยาหวานใจท่านประธาน

ตอนที่ 506 ไล่ตามสัญญาณเมื่อครู่ 

 

 

น่าแปลก ทำไมเมื่อกี้ดูเหมือนมันรู้สึกถึงสัญญาณผิดปกติบนตัวเฉวียนหมิง สัญญาณเสียงพูดที่ส่งออกมาเมื่อครู่เหมือนใช้ความถี่เดียวกับมนุษย์ในดาวของพวกเขา 

 

 

หรือมันประสาทหลอนไปเอง เฉวียนหมิงซึ่งเกิดและเติบโตที่นี่จะไปเกี่ยวข้องกับดาวอื่นได้อย่างไร ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ เจ้าลูกบอลเงินจึงไม่ได้บอกที่มันสงสัยให้อีลั่วเสวี่ยรู้ 

 

 

“เจ้าลูกบอลเงิน บ่นอะไรของเจ้า ด่าข้าหรือ?” เธอแว่วได้ยินเสียงเจ้าลูกบอลเงินบ่น แต่ฟังไม่ชัด จึงถามขึ้น รู้สึกว่าแววตาที่มันมองเฉวียนหมิงดูแปลกๆ 

 

 

หรือว่ามันหลงรักเขาแล้ว เชอะ 

 

 

“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร” ลูกบอลเงินรีบลอยออกจากไหล่เฉวียนหมิง รักษาระยะห่างไว้ เวลาที่ผู้หญิงคนนี้มีความรู้สึกเป็นเจ้าของรุนแรงขึ้นมาก ยังร้ายกาจกว่าเจ้าหนุ่มคนนี้มาก 

 

 

เฉวียนหมิงชำเลืองมองแววตาอีลั่วเสวี่ย รู้ว่าเธอกำลังพูดคุยกับเจ้าลูกบอลเงิน แต่ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร 

 

 

แม้เขาจะเคยเห็นลูกบอลเงินเพียงครั้งเดียว แต่รู้ว่ามันมีอยู่จริง แรกๆ ยังรู้สึกแปลกบ้าง ไม่คุ้นเคย แต่ต่อมาเลิกแปลกแล้ว ในเมื่อยังมีการทะลุมิติ ถ้าจะมีเทคโนโลยีต่างดาวขั้นสูงก็ไม่แปลก 

 

 

ถ้าสักวันคนบนโลกได้พบมนุษย์ต่างดาว เขาจะรู้สึกเฉยมาก แต่ไม่รู้ว่ามนุษย์ต่างดาวจะหัวโตและหูแหลมเหมือนในโทรทัศน์ไหม 

 

 

อีลั่วเสวี่ยเห็นว่าเจ้าลูกบอลเงินไม่อยากพูด คงไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร จึงไม่ได้สนใจอะไร 

 

 

ในห้วงอวกาศไกลโพ้นออกไปจากเครื่องบินลำนี้ ในสถานที่ที่ห่างออกไปไม่รู้กี่ปีแสง ในตึกสูงซึ่งผสมผสานระหว่างแบบโบราณและทันสมัย จู่ๆ เครื่องมือตัวหนึ่งตรวจพบความผิดปกติ  

 

 

“คุณชายเผย ดูเหมือนเราจะตรวจพบว่าคุณหนูทำการติดต่อกับบางคนบนดาวดวงอื่น ความถี่เหมือนกับที่ท่านให้ตรวจสอบครั้งก่อน” ชายคนหนึ่งในเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ ใบหูแหลม ดวงตาเป็นสีน้ำตาลเข้มกับสีฟ้า เขากะพริบตา กดดูจอภาพตรงหน้า แล้วเอ่ยขึ้น 

 

 

อีกด้านของจอภาพมีชายในชุดหรูหราสีขาว ดูคล้ายชุดของมนุษย์อวกาศ แต่ภาพนอกดูประณีตกว่ามาก เขาสวมชุดนี้ทำให้ดูสูงศักดิ์ยิ่งขึ้น 

 

 

พอเขาได้ยินเสียงก็หันมา นี่เป็นใบหน้าอย่างไรหรือ 

 

 

นี่เป็นใบหน้าที่ดูอ่อนโยนเล็กน้อย แต่กลับงดงามกว่า ถึงกับมีส่วนคล้ายกับเฉวียนหมิง เค้าหน้าเหมือนกันมาก แน่นอนว่าจะมองข้ามใบหูที่แหลมกว่ามนุษย์ไม่ได้ 

 

 

ชายคนนี้มีดวงตาสีน้ำเงินที่น่าแปลกคือเขามีรูม่านตาสีน้ำตาล ตรงกันข้ามกับเจ้าหน้าที่คนนั้น 

 

 

“หือ?” เขาใช้มือปัดหน้าจอด้วยความสงสัย ในภาพปรากฏสถานที่ที่สี่ด้านเป็นสีขาว ในนั้นมีมนุษย์หน้าตาดีคนหนึ่งนั่งอยู่ 

 

 

หญิงคนนั้นยิ้ม “มีอะไรหรือ วันนี้หลานมีเวลามาเยี่ยมคนอย่างป้า?” 

 

 

ชายคนนนั้นเลิกคิ้วขึ้น “ป้าจะตื่นเต้นไปทำไม หรือกลัวว่าข้าจะทำอะไรงั้นหรือ?” 

 

 

พอหญิงคนนั้นได้ยินเช่นนี้ในดวงตาฉายแววหม่นหมองออกมาทันที แต่สีหน้ายังคงเรียบเฉย “ไม่รู้ว่าที่หลานพูดหมายความว่าอย่างไร?” จากนั้นการสื่อสารก็ถูกตัดขาด จอภาพกลายเป็นสีดำ 

 

 

ดวงตาเขาทอประกายออกมา “ติดตามสัญญาณนี้ ระบุตำแหน่ง ข้าอยากออกไปเดินข้างนอกหน่อย” 

 

 

เจ้าหน้าที่ชะงักเล็กน้อย จากหน้าก็ก้มหน้าเริ่มต้นไล่ตามสัญญาณ 

 

 

ชายคนนี้ยิ้มที่มุมปาก แล้วเดินมือไพล่หลังออกไป พอออกไปจากห้องนี้ ข้างนอกมีรถมอเตอร์ไซค์ที่สะดุดตาและทันสมัยแล่นมาจอดทันที 

 

 

รถเป็นสีเงินทั้งคัน รูปทรงเพรียวลม รูปร่างเหมือนเสือที่กำลังจะกระโจนออกไปล่าเหยื่อ ดูน่าเกรงขาม 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 507 ดวงดาว 

 

 

เขาเดินมา จู่ๆเสื้อผ้าบนตัว ก็เปลี่ยนเป็นแบบชุดลำลอง เสื้อเชิร์ตกับกางเกงกระชับตัว สีก็เปลี่ยนไปอย่างอัตโนมัติ เข้ากับมอเตอร์ไซค์สีเงินมาก  

 

 

เขาเดินมา ก้าวคร่อมด้วยขาที่ยาว แล้วสตาร์ทรถ แล้วขับตรงไปที่หน้าต่างบานใหญ่ที่ยาวจดพื้น 

 

 

ทันใดนั้นหน้าต่างที่จดพื้นเปิดออกสองข้างอย่างอัตโนมัติ เขาขับผ่านออกไปตรงๆ มองเห็นตึกสูงฝั่งตรงข้าม แสดงให้เห็นว่าอยู่บนที่สูง เมื่อเป็นเช่นนี้จะไม่ตกลงไปหรือ 

 

 

แล้วมอเตอร์ไซค์ก็ร่วงลงไปจริง แต่เพียงชั่วพริบตาก็หยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ เดิมที่เป็นมอเตอร์ไซค์กลับเปลี่ยนเป็นยานบินขนาดเล็ก ลอยอยู่ในอากาศ แล้วบินทะยานไปไกล 

 

 

ยานบิน! ยานบินขนานแท้ และที่นี่ก็คือบ้านเกิดของลูกบอลเงินร้านเถื่อนในอวกาศหมายเลข 748 ในดาวดวงนี้ในอากาศยังสามารถเห็นลูกบอลเงินกับมนุษย์กำลังทำงานกัน 

 

 

ดาวดวงนี้มีสภาพแวดล้อมคล้ายกับโลก แต่ที่นี่มีชื่อเสียงในด้านการพัฒนาเทคโนโลยี่ขั้นสูง รถยนต์แล่นอยู่บนท้องฟ้า โลกน่าอัศจรรย์เหมือนที่เห็นในทีวี มีอยู่จริงที่นี่ 

 

 

บางทีเมื่อโลกเราพัฒนาจนถึงขีดสุดอาจมีสภาพไม่ต่างจากที่นี่นัก ใครเล่าจะรู้ อย่างไรโลกที่ถูกเจ้าลูกบอลเงินเรียกว่าเป็นดินแดนบุพกาล เวลานี้ก็มีเครื่องบินบินทะยานอยู่บนท้องฟ้าไม่ใช่หรือ 

 

 

“เฉวียนหมิง…” อีลั่วเสวี่ยนั่งพิงเฉวียนหมิง เธอนึกถึงพลังบางอย่งในตัวเขาที่เธอเพิ่งรู้สึกได้ไม่นานมานี้ เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้ค้างคาใจ ถ้าไม่ตรวจสอบให้กระจ่างคงอึดอัดมาก จึงเอ่ยปากพูด 

 

 

“อะไรหรือ?” เฉวียนหมิงชำเลืองมองเธอ สีหน้าอบอุ่นและรักใคร่ แววตาราวกับจะหยดเยิ้มออกมา 

 

 

อีลั่วเสวี่ยอ้าปาก แต่ขณะนั้นเองในเครื่องบินก็มีเสียงดังขึ้น 

 

 

“ขอขอบคุณท่านผู้โดยสารทุกท่าน…อีก 20 นาที เราจะถึงสนามบินปลายทาง ขอให้ผู้โดยสารทุกท่านเตรียมตัว เก็บสัมภาระและของมีค่าของท่าน อย่าลืมทิ้งไว้…” 

 

 

เสียงประกาศแทรกขึ้นขัดที่อีลั่วเสวี่ยกำลังจะพูด พอเสียงประกาศหยุดลง เฉวียนหมิงยังคงหันมามองเธอ “อาเสวี่ย อยากพูดอะไรหรือ?” 

 

 

ช่างเถอะ บางทีตนเองคงคิดมากเกินไป ถ้าเกิดเฉวียนหมิงมีแม่ที่ทะลุมิติมาจริงๆ ที่ร่างกายเขารับสืบทอดพลังบางอย่างมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เพราะเดิมเขาเจ็บป่วย ตั้งแต่เล็กไม่มีคนสอนให้เขาบำเพ็ญเพียร ดังนั้นพลังนี้จึงอยู่ในสภาวะจำศีลตลอดมา 

 

 

ต่อมาเพราะเธอใช้พลังทิพย์กับเขา เป็นการปลุกเส้นชีพจรภายในร่างเขาให้ตื่น ทำให้เธอมีความรู้สึกที่ต่างไป จึงไม่ใช่เรื่องแปลก 

 

 

“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่ตื่นเต้นนิดหน่อย คริคริ” อีลั่วเสวี่ยสีหน้าสดใส เก็บความสงสัยในแววตา คนอย่างเฉวียนหมิงฉลาดมาก ถ้าไม่ระวังเพียงนิดเดียวจะทำให้เขาสงสัย 

 

 

ขณะนี้เขากำลังสงสัยว่าพ่อแม่เขาอาจจะยังมีชีวิตอยู่ งั้นคงไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้แล้ว 

 

 

เฉวียนหมิงได้ยินเช่นนั้นก็ไม่คิดอะไรมาก เขาตบไหล่ออีลั่วเสวี่ยเบาๆ “ไม่เป็นไร มีผมอยู่ด้วย ผมต่างหากที่ไปเจอครอบครัวภรรยา ต้องตื่นเต้นที่สุด” เขาคิดว่าเธอตื่นเต้นจริงๆ จึงพูดแหย่เธอเล่น 

 

 

พอเขาพูดเช่นนี้ในใจอีลั่วเสวี่ยราวกับมีไออุ่นผุดขึ้น จมูกเหมือนได้กลิ่นหอม พ่อคนโง่ ตนเองพูดอะไรเชื่อหมด หลงเธอขนาดนี้เชียว ทำให้เธอรู้สึกภูมิใจ 

 

 

“พอคุณพูดอย่างนี้ ทำให้ฉันหายตื่นเต้นแล้วค่ะ เฉวียนหมิง ขอบใจนะ” สีหน้าอีลั่วเสวี่ยอ่อนหวาน แล้วซบที่ไหล่เฉวียนหมิงราวกับนกตัวน้อย ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งปานใด เมื่อพบชายที่รักตนเองสุดชีวิตเช่นนี้ จะเผยด้านที่อ่อนหวานออกมา 

 

 

ทั้งคู่พูดคุยกันเป็นการผ่อนคลาย ไม่นานนักเครื่องบินก็ลงจอด ขณะที่ทัศนียภาพรอบตัวชัดเจนขึ้นทีละน้อย เครื่องบินก็จอดสนิทแล้ว 

 

 

อีลั่วเสวี่ยและเฉวียนหมิงถือสัมภาระติดตัวเดินลงจากเครื่องบิน