ตอนที่ 508 พี่อวิ๋นให้ผมมารับ / ตอนที่ 509 ไม่งั้นก็กลับไปกับเขา

หมอยาหวานใจท่านประธาน

ตอนที่ 508 พี่อวิ๋นให้ผมมารับ 

 

 

ทั้งคู่รอรับกระเป๋าเดินทางที่หน้าเครื่องสายพาน หลังจากได้กระเป๋าเดินทางใหญ่สองใบแล้วก็เดินลากออกไปข้างนอก 

 

 

อีลั่วเสวี่ยเพิ่งเปิดมือถือ ก็ได้รับสายที่จ้าวจวินโทรมา 

 

 

“คุณหนูใหญ่ ผมเอง พวกคุณอยู่ที่ไหน พี่อวิ๋นให้ผมมารับคุณ” จ้าวจวินตื่นเต้นมาก ราวกับอีลั่วเสวี่ยเป็นลูกสาวตนเอง 

 

 

อย่าว่าไป อีลั่วเสวี่ยมีนิสัยใจคอที่ทำให้คนชื่นชม จ้าวจวินอิจฉาอวิ๋นเว่ยมากขึ้นทุกทีที่ปล่อยให้เขาได้ลูกสาวที่เก่งอย่างนี้ไปเปล่าๆ ไม่ต่างจากได้ลาภลอย ทำไมถึงไม่ใช่ตัวเขานะ 

 

 

แม้ในใจเขาจะคิดเช่นนี้ แต่จ้าวจวินรู้ดี ต่อให้ตนเองอยากรับอีลั่วเสวี่ยเป็นลูกบุญธรรม ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายจะยอมรับ เรื่องแบบนี้ก็แค่คิดเรื่อยเปื่อยเท่านั้น 

 

 

“ฉันกำลังเดินออกไป อาจ้าวรออยู่ข้างนอกก็ได้ค่ะ ได้ค่ะ ฉันรู้แล้ว เรากำลังออกไปค่ะ” เธอยิ้มพร้อมกับวางสาย อีลั่วเสวี่ยเดินเคียงคู่กับเฉวียนหมิงออกไป 

 

 

คู่นี้หนุ่มหล่อสาวสวย พอมาปรากฏตัวที่นี่ คนอื่นยังคิดว่าสองคนนี้เป็นดาราดัง พากันยกมือถือขึ้นถ่ายรูป 

 

 

สีหน้าอีลั่วเสวี่ยไม่เปลี่ยน เธอเคยมีประสบการณ์เช่นนี้ในสนามบินมาแล้ว เธอคล้องแขนเฉวียนหมิงเดินไปข้างหน้า ขณะที่เฉวียนหมิงมองดูหญิงสาวที่โดดเด่นข้างตัว มีรอยยิ้มที่มุมปากทันที 

 

 

มีคนถ่ายสีหน้าเขาตอนนี้ไว้ได้ ทำให้รอบข้างคึกคักขึ้นมาทันที พากันวิเคราะห์ฐานะของเขา 

 

 

“คุณหนูใหญ่ ทางนี้ ทางนี้” อีลั่วเสวี่ยเพิ่งเดินออกมา จ้าวจวินมองเห็นเธอในกลุ่มคนทันที แล้วรีบกวักมือ ตื่นเต้นจนกระโดดขึ้นกับที่ 

 

 

อีลั่วเสวี่ยไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี เธอเดินไปหาเขา จ้าวจวินกับคนข้างๆ รีบรับกระเป๋าเดินทางจากเธอและเฉวียนหมิง วางใส่ในกระโปรงท้ายรถ 

 

 

“เชิญครับคุณหนูใหญ่” จ้าวจวินยิ้มร่า แล้วทำท่าวันทยาหัตถ์ตามมาตรฐาน ท่าทางราวกับพ่อบ้านมืออาชีพ แต่ลักษณะอย่างทหารในตัวเขาทำให้คนรอบข้างพากันชำเลืองมอง 

 

 

พอเห็นอีลั่วเสวี่ยเข้าไปนั่งในรถ คนรอบๆ ก็ยิ่งประทับใจ ต้องไม่ใช่ครอบครัวธรรมดาแน่นอน จึงจะบ่มเพาะสาวสวยท่าทางแข็งแกร่งบุคิกโดดเด่นเช่นนี้ได้ ดูราวกับเทพธิดา 

 

 

“คุณหนูใหญ่ ไม่ได้พบกันนานเลย คิดถึงอาจ้าวบ้างไหม…” จ้าวจวินหัวเราะร่า แต่ยังไม่ทันพูดจบก็เห็นสายตาตักเตือนของเฉวียนหมิงที่มองมา จึงหยุดพูดทันที สีหน้าเหมือนทำผิด 

 

 

อีลั่วเสวี่ยท่าทางกระอักกระอ่วน แล้วยื่นมือไปตีต้นขาเฉวียนหมิง “แน่นอน…ว่าไม่คิดถึงค่ะ อาจ้าวก็น่าจะรู้” 

 

 

จ้าวจวินผงะ เขาไม่ได้รับคำตอบที่ตนเองต้องการ ยังถูกเจ้าหนุ่มคนนี้ทำตาขวาง แย่จริงๆ 

 

 

“ฮ่า ฮ่า พี่จ้าว คิดไม่ถึงว่าคุณก็มีวันนี้ ฮ่า ฮ่า คุณหนูใหญ่สมคำร่ำลือจริงๆ ผมตัดสินใจเป็นแฟนคลับคุณหนูใหญ่แล้ว” คนขับรถที่ด้านหน้าชำเลืองมองจ้าวจวินด้วยสายตาเห็นใจ 

 

 

พอเขาเพิ่งพูดจบ อุณหภูมิในรถก็ลดฮวบลงไม่น้อย แต่เสียงที่เย็นชาของเฉวียนหมิงดังขึ้น “แฟนคลับ อาเสวี่ยไม่ต้องการหรอก! อาเสวี่ยมีผมก็พอแล้ว” 

 

 

อีลั่วเสวี่ยทำตาเหลือก แล้วเอามือกุมหน้าผาก ใบหน้าแดงเรื่อ เฉวียนหมิงนะเฉวียนหมิง แค่คำพูดล้อเล่นเท่านั้น ทำไมต้องถือเป็นจริงเป็นจังด้วย 

 

 

คนขับรถชะงัก เขาก็เป็นทหารที่อวิ๋นเว่ยฝึกมา แต่จ้าวจวินมียศสูงกว่าเขาบ้าง วันนี้เขาว่างจึงให้เขามาช่วยรับคน 

 

 

“แฮ่ๆ ได้ยินมานานแล้วว่าสามีของคุณหนูใหญ่ก็เป็นยอดบุรุษ วันนี้ได้เจอแล้ว ผมว่ากลับเป็นคนขี้หึง” เขารู้ฐานะของเฉวียนหมิงดี แต่สำหรับพวกเขาแล้ว ถ้าพอมีตำแหน่งสูงบ้างจะไม่รู้นึกกลัวคนอย่างเฉวียนหมิง พอเห็นเขาพูดจาแข็งกระด้าง จึงโตแย้ง 

 

 

“ขี้หึงแล้วจะยังไง ผมหึงอาเสวี่ยคนเดียวเท่านั้น” เฉวียนหมิงไม่คำนึงว่าเป็นใคร กลับคิดว่าที่ตนเองทำเป็นสิ่งที่มีเกียรติ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 509 ไม่งั้นก็กลับไปกับเขา 

 

 

“ขอโทษด้วย ฉันเป็นแต่หมักเหล้า หมักน้ำส้มไม่เป็น (หึงหวงไม่เป็น)” อีลั่วเสวี่ยเชิดมุมปากขึ้น ท่าทางจนใจ เฉวียนหมิงนะเฉวียนหมิง เวลานี้เธอพบว่าเขาช่างเจรจานัก 

 

 

เฉวียนหมิงยิ้มที่มุมปาก หันมาจ้องมองอีลั่วเสวี่ยด้วยสีหน้าที่เสน่หา ดวงตาที่ดำสนิทดูเจิดจ้า “ถ้าเหล้าเกินเวลาไปก็จะกลายเป็นน้ำส้ม” 

 

 

กลายเป็นน้ำส้มสายชูหรือ กรรมวิธีขั้นสูงเช่นนี้ ใครบอกเขานะ ทำไมเธอถึงไม่รู้ อีลั่วเสวี่ยทำตาเหลือกอีก 

 

 

“ก็ได้ คุณชนะ” ในที่สุดอีลั่วเสวี่ยก็กุมหน้าผาก เธอพบว่าเฉวียนหมิงร้ายกาจขึ้นทุกที ทั้งยังปากร้ายด้วย 

 

 

จากนั้นรถก็แล่นต่อไป 

 

 

“จริงด้วย ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนหรือคะ?” อีลั่วเสวี่ยเห็นรถของจ้าวจวินแล่นไปในที่ที่บ้านเรือนน้อยลงทุกที นึกแปลกใจ แล้วอดถามไม่ได้ ตามเหตุผลแล้ว ต่อให้เขตทหารที่สิบสองปิดลับแค่ไหน แต่ที่ที่พวกเขาอยู่ก็ไม่น่าจะแยกออกไป 

 

 

จ้าวจวินนั่งอยู่ข้างที่นั่งคนขับยิ้มแล้ว “คืออย่างนี้ พี่อวิ๋นบอกว่าไม่ได้เจอคุณหนูใหญ่นานแล้ว ทั้งตอนนี้เขามีงานยุ่งมากในกองทหาร ปลีกตัวออกมาไม่ได้ จึงให้พาคุณไปในกองทหาร เดี๋ยวค่อยกลับไปด้วยกัน” 

 

 

เป็นความจริงที่เขาปลีกตัวมาไม่ได้ เพราะวันนี้มีการประชุมสำคัญที่เขาต้องเข้าร่วม ไม่งั้นเรื่องใหญ่อย่างการไปรับอีลั่วเสวี่ย เขาย่อมไม่ให้คนอื่นไปแทน เกรงว่ายังไม่ถึงเวลาเขาก็คงไปรอที่สนามบินก่อนแล้ว 

 

 

“อีกอย่างหลายคนในกองทหารก็อยากเห็นตัวจริงของคุณหนูใหญ่ ทุกคนคาดหวังว่าคุณจะไปเยือนสักครั้ง งั้นต้องรบกวนคุณแวะไป คงต้องเหนื่อยหน่อย” ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ข่าวว่าอวิ๋นเว่ยรับลูกสาวบุญธรรมคนหนึ่ง ทุกครั้งที่รับโทรศัพท์เขาจะพูดอย่างอ่อนโยน ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน 

 

 

ดังนั้นในกองทหารจึงมีคนไม่น้อยที่รู้สึกแปลกใจ แต่อวิ๋นเว่ยไม่ยอมเผยรูปถ่ายให้เห็น ทุกคนจึงไม่กล้าเสี่ยงอันตรายไปสืบเรื่องเธอ เรื่องจึงผ่านไป แต่ทุกคนก็ยังแอบสนใจเรื่องนี้อยู่ 

 

 

อีลั่วเสวี่ยเลิกคิ้วขึ้น คิดทบทวนดูก็พอจะเข้าใจแล้ว อวิ๋นเว่ยคงจะกลัวว่าถ้าเธอไปบ้านสกุลอวิ๋นตามลำพัง อาจจะวางตัวไม่ถูก เขาจะพาเธอไปด้วยตัวเอง 

 

 

จะอย่างไรเขาเป็นคนที่รับลูกสาวคนนี้เอง เวลานี้พาเธอมาบ้านสกุลอวิ๋น ย่อมต้องเป็นคนแนะนำเธอเอง ถ้าหากอีลั่วเสวี่ยไปที่บ้านสกุลอวิ๋นเอง เกรงว่าอาจจะถูกเข้าใจผิดว่าเธอมาประจบคนสกุลอวิ๋น ทำให้คนอื่นดูถูกเธอได้ 

 

 

แม้อวิ๋นเว่ยจะเป็นชายชาติทหาร ปกติใช้ชีวิตอยู่ในกองทหาร แต่เมื่อเผชิญกับเรื่องของอีลั่วเสวี่ย เขาสามารถคำนึงถึงอย่างรอบด้าน คิดถึงปัญหาที่แม้แต่อีลั่วเสวี่ยเองก็คิดไม่ถึง พ่อบุญธรรมอย่างเขา เกรงว่าจะทำหน้าที่ได้ดีกว่าพ่อแท้ๆ ด้วยซ้ำ 

 

 

“ไม่ลำบากหรอกค่ะ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขตทหารที่สิบสองเป็นอย่างไรกันแน่” วิธีฝึกทหารจะเหมือนกับในทีวีหรือไม่ พูดตามตรง เธอเองก็อยากลองฝึกที่นี่บ้าง 

 

 

เธอมาถึงโลกนี้ ยังไม่เคยเผชิญกับความยากลำบาก เธอรู้สึกตัวเธอเองไม่เข้าใจเรื่องที่ว่าในยามสงบก็ยังต้องคอยระวังภัย 

 

 

จ้าวจวินยิ้มเมื่อได้ยินอีลั่วเสวี่ยพูดตอบรับ แล้วหันไปมองคนขับ ทันใดนั้นรถก็แล่นเร็วขึ้นพุ่งตรงไปข้างหน้าราวกับสายฟ้า 

 

 

ในห้องประชุมใหญ่ของเขตทหารที่สิบสอง มีคนหนึ่งกำลังบรรยายอยู่บนเวที ทุกคนในห้องต่างเงียบกริบ มีเพียงอวิ๋นเว่ยที่ก้มหน้าดูนาฬิกา 

 

 

ในการประชุมสำคัญเช่นนี้ มีการป้องกันการรบกวนและดักฟัง มือถือจะถูกห้ามนำเข้ามา มีการมอบนาฬิกาข้อมือพิเศษอย่างนี้ให้ แน่นอนว่าในการประชุมทั่วไปไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ 

 

 

“คุณเป็นอะไรไป ไม่สบายหรือเปล่า? ทนหน่อยนะ” ชายที่อยู่ข้างอวิ๋นเว่ยเห็นท่าทางเขาเช่นนี้จึงก้มลงถามเบาๆ การประชุมแบบนี้ไม่ใช่คิดอยากจะออกไปก็ผละออกไปได้