ตอนที่ 510 หน่วยบุกหน้า
“ทนไม่ไหวแล้ว!” อวิ๋นเว่ยกัดฟันแน่น อยากจะกระโจนออกไป หากาวมาปิดปากคนที่กำลังบรรยายอยู่บนเวที เขาไม่เคยรู้สึกว่าการประชุมช่างเป็นเรื่องที่ทุกข์ทรมานเช่นนี้มาก่อน
คนข้างๆ ได้ยินก็มุมปากกระตุก “ทนไม่ไหวก็ต้องทน” พูดพลางตบไหล่อวิ๋นเว่ยเบาๆ สีหน้าเหมือนเข้าใจเขาและรู้สึกเห็นใจเขามาก
อวิ๋นเว่ยทำตาเหลือก แต่คร้านที่จะอธิบาย เขาไม่ได้กลัดกลุ้ม แต่ร้อนใจอยากพบลูกสาวที่เฝ้าคิดถึงตลอดเวลา สวรรค์รู้ดีว่าหลังจากที่เขามีลูกสาวคนนี้แล้วจึงพบว่าโลกของตนเองมีสีสันสดใสขึ้นใหม่
อีกด้านหนึ่งรถที่จ้าวจวินพาอีลั่วเสวี่ยมา ใกล้ถึงเขตทหารที่สิบสองแล้ว
มองดูแล้วรอบๆ เขตทหารมีอาคารที่ปลูกสร้างอย่างดี แต่จุดที่มองไม่เห็นก็ยังคอยแอบมองอยู่ตลอดเวลา มองไกลออกไปกำแพงที่สูงทำให้มองไม่เห็นภายใน
มีการตั้งด่านตรวจเป็นชั้นๆ สำหรับบุคคลภายนอกที่จะเข้ามา ต้องผ่านการตรวจสอบฐานะถึงสามด่านจึงจะเข้าไปได้ แน่นอนว่ามีจ้าวจวินและคนขับรถคนนี้พามา อีลั่วเสวี่ยและเฉวียนหมิงจึงผ่านเข้าไปในเขตทหารได้อย่างง่ายดาย
หลังจากเธอลงจากรถ เดินตามจ้าวจวินไป แวบแรกที่เห็นทำให้เธอรู้สึกว่ามาถึงมหาวิทยาลัยที่ไม่เคยเห็น เพราะอาคารที่นี่ปลูกสร้างทันสมัยมาก
พูดอีกอย่างคือที่นี่ดูเหมือนวิทยาลัยการทหารที่ใหญ่โตมาก เหมือนสถาบันการทหารที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งบนโลกนี้ ในสนามฝึกมีคนในชุดลายพราง แต่ละคนเดินอย่างสง่างาม ดูน่าเกรงขาม裴แบบทหาร
แม้แต่คนอย่างเธอซึ่งลืมไปนานแล้วว่าการฝึกเป็นอย่างไร พอมาถึงที่นี่ก็อดรู้สึกเคร่งขรึมไม่ได้
“ดูแล้วพี่อวิ๋นยังไม่เลิกประชุม คุณหนูใหญ่ ตามผมมาก่อน หน่วยของเราอยู่ทางด้านนั้น” สายตาจ้าวจวินมองไปในทิศทางหนึ่ง แล้วเดินนำอีลั่วเสวี่ยไป
จ้าวจวินชี้ไปที่สนามฝึกแห่งหนึ่งแล้วพูด “คุณหนูใหญ่ดูสิ ขณะนี้พี่อวิ๋นเป็นผู้นำของทหารหน่วยนี้ อีกครึ่งบนสนามเป็นของอีกหน่วยหนึ่ง”
แม้ว่าขณะนี้สถานะของอวิ๋นเว่ยจะสูงขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องฝึกทหารเป็นร้อยเป็นพันนายด้วยตนเอง ทหารนั้นสำคัญที่คุณภาพไม่ใช่ปริมาณ ดังนั้นจึงมอบทหารหน่วยหนึ่งให้เขา หน่วยในที่นี้ไม่ใช่หน่วยตามความหมายทางการทหาร แต่เป็นเหมือนชั้นเรียนในมหาวิทยาลัย เป็นชั้นเรียนที่มีจำนวนไม่เกินหกสิบคน
พวกเขาเดินมาแต่ไกล ผ่านรั้วกั้นรอบนอก จ้าวจวินเริ่มอธิบายให้อีลั่วเสวี่ยฟัง เขาคิดว่าผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาคนนี้ ย่อมไม่เหมือนหญิงสาวอ่อนแอทั่วไปซึ่งมักไม่สนใจเรื่องเหล่านี้
และแล้วอีลั่วเสวี่ยก็หยุดเดิน ยืนดูทหารเหล่านั้นด้วยความสนใจ “อ้อ หรือคะ ไปดูกันหน่อย”
หน่วยของอวิ๋นเว่ยกำลังซ้อมยิง แต่เป้าที่เคลื่อนไหวเร็วมาก ไม่สิ พูดให้ชัดคือไม่ได้เคลื่อนไปมา แต่เหมือนเล็งยิงตัวตุ่น เพราะเป้าเหล่านั้นโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน
อีกหน่วยหนึ่งก็กำลังซ้อมยิงเช่นกัน เพราะเทคโนโลยีในการฝึกก้าวหน้าขึ้น เสียงที่เกิดจากการยิงจึงไม่ดังนัก ไม่จำเป็นต้องกั้นเสียงหรือใช้อุปกรณ์อุดหู
“หน่วยบุกหน้ายิงถูก 50 เป้า หน่วยห้าวหาญยิงถูก 55 เป้า ครั้งนี้พวกคุณตกไปข้างหลังแล้ว” คนที่แต่งตัวเหมือนครูฝึกมองดูหน่วยของอวิ๋นเว่ย ท่าทางกระหยิ่มใจ คนที่อยู่ข้างหลังพวกเขาต่างสีหน้าระรื่น
ทหารในหน่วยบุกหน้าขมวดคิ้วเล็กน้อย “จะมีอะไร เราฝึกหนักอีกหน่อยก็ทำได้เหมือนกัน” ถ้าไม่ใช่เพราะทหารที่อวิ๋นเว่ยฝึกก่อนหน้านี้พลีชีพในการสู้รบหลายนาย คงไม่ทำให้ฝ่ายนั้นได้หยิ่งผยองหรอก
“อ้อ งั้นหรือ คิดไม่ถึงว่าพวกนายจะรู้จักปลอบใจตัวเอง ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้หรือ”
ตอนที่ 511 ช่วยกู้หน้าให้เรา
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เวลานี้พวกเขาหน่วยห้าวหาญได้รับความสนใจมากกว่าหน่วยบุกหน้าแล้ว แม้ว่าฐานะและบารมีของหัวหน้าพวกเขาจะไม่อาจเทียบกับอวิ๋นเว่ยได้ แต่ต่อไปจะต้องก้าวข้ามเขาไปได้
ก่อนหน้านี้ไม่นานถ้าไม่ใช่เพราะอวิ๋นเว่ยกลับมาที่กองทหารในสภาพที่ร่างกายสมบูรณ์ ไม่แน่ว่าหน่วยบุกหน้าจะได้สร้างขึ้นใหม่หรือไม่ ยังพูดมากอีก มีอะไรต้องอวดเบ่ง
“แก!” หนึ่งในนั้นไม่พอใจ เดินออกมาข้างหน้าด้วยความโมโห ขณะที่กำลังจะพูดอะไรก็ถูกเพื่อนห้ามไว้ เขาสั่นหัว ไม่พูดแล้ว
แต่อีกฝ่ายเห็นได้ชัดว่ากำลังย่ามใจ เริ่มหาเรื่องไม่หยุด “โมโหนักหรือ แต่ช่วยไม่ได้ นี่เป็นความจริง พวกแกฝึกไม่พอ หรือจะไม่ยอมให้คนอื่นพูด?”
“อ้อ จริงสิ หัวหน้าหน่วยของพวกแกล่ะ ทำไมถึงไม่เห็น เวลาฝึกกลับทิ้งหน้าที่ไป มิน่าขวัญสู้รบของพวกแกถึงได้ตกต่ำ” ที่เรียกว้าหัวหน้าหน่วยก็คือจ้าวจวิน ส่วนคนที่ขับรถเห็นได้ชัดว่าเป็นรองหัวหน้าหน่วย
แววตาจ้าวจวินหมองลง พูดอย่างเย็นชา “ฉันไม่ได้ละทิ้งหน้าที่ ก่อนไปได้ขออนุญาตท่านแม่ทัพแล้ว เราไม่เหมือนบางคนหรอก ที่อยู่ๆ ก็ทิ้งหน้าที่ไป”
ฝ่ายนั้นมองมองมา เห็นจ้าวจวินแล้ว ถึงกับผงะ คิดไม่ถึงว่าตนเองว่าร้ายคนอื่นแต่ฝ่ายนั้นได้ยินแล้ว
“หัวหน้า”
“หัวหน้า…” พอทหารในหน่วยบุกหน้าเห็นจ้าวจวินก็คึกคักขึ้นทันที แต่สายตาพวกเขามาจับอยู่บนร่างอีลั่วเสวี่ยในชุดลำลองอย่างรวดเร็ว
เธอในชุดขาวที่ดูราวกับเทพีดึงดูดสายตาทหารเหล่านี้ทันที ในที่แบบนี้ปกติชายมากกว่าหญิง ไม่ง่ายที่จะได้เห็นหญิงสาวแต่ละคนฝึกจนกลายเป็นสาวห้าว แม้แต่อย่างเหอเย่ว์ก็พบเห็นได้ยาก
“โอ้โห” ทหารทุกคนมองจนน้ำลายไหล ทำให้เฉวียนหมิงไม่พอใจทันที เขาขมวดคิ้วแล้วกระแอมหลายครั้ง จ้าวจวินรู้ทันทีว่าเขาเริ่มแสดงความหึงหวงออกมาแล้ว จึงยิ้มแล้วอธิบาย
“ท่านแม่ทัพกำชับไว้แล้ว หลังฝึกเสร็จให้ทุกคนได้พักครึ่งวัน แยกย้ายกันได้แล้ว”
เขาเพิ่งพูดจบก็มีเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังขึ้น
“ผมรู้แล้ว เธอต้องเป็นคุณหนูใหญ่แน่ๆ อาศัยในบุญคุณหนูใหญ่ เราไม่ได้ยาวอย่างนี้นานแล้วครับ” ทหารหน่วยนี้ทยอยเดินมาทางรั้วเหล็กด้านนี้ เปิดประตูเตรียมเดินออกไป
ถึงตอนนี้หน่วยห้าวหาญชักไม่พอใจแล้ว พวกเขาลำบากแทบแย่กว่าจะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้ แต่ไม่เห็นฝ่ายนั้นห่อเ**่ยว กลับเห็นพวกเขาได้พัก ทำให้รู้สึกไม่พอใจทันที
“คุณหนูใหญ่อะไรกัน ทำเหมือนสังคมเก่า หัวหน้าจ้าว หรือเพราะคนหน่วยคุณแพ้แล้ว กลัวถูกคนอื่นเยาะเย้ย จึงพากันหลบหน้า” หญิงสาวสวยคนนี้ยิ้มให้พวกนั้น แต่ไม่ชายตามาทางพวกเขาแม้แต่น้อย ไม่ยุติธรรมเลย
พออีลั่วเสวี่ยได้ยินเช่นนี้ ก็เหลือบตาขึ้นมองดูพวกขา ไม่พูดอะไร
จ้าวจวินขมวดคิ้ว “ก็แค่เรื่องยิงเป้า ยิงแม่นกว่าพวกเราบ้างเท่านั้นเอง มีอะไรต้องอวดด้วย พวกเขาเพิ่งใช้ปืนรุ่นใหม่และวิธีฝึกยิงแบบนี้ไม่นาน” ก่อนที่ทหารเหล่านี้จะเข้าสังกัดหน่วยนี้ ไม่เคยฝึกลักษณะนี้มาก่อน
“คนที่แพ้มักชอบหาข้ออ้างเสมอ” ทหารคนนั้นยิ้มหยัน
พอจ้าวจวินได้ยินเช่นนั้นก็นึกถึงภาพในคืนนั้นที่อีลั่วเสวี่ยยิงศัตรูที่ลอบบุกเข้ามา แล้วเบนสายตามาที่เธอ
อีลั่วเสวี่ยกลอกตา มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจ ถึงตอนนี้จ้าวจวินพูดขึ้น “คุณหนูใหญ่ ดูสิ พวกเราถูกข่มเหง คุณจะไม่ช่วยกู้หน้าให้บ้างหรือ”
ปกติหัวหน้าจ้าวเป็นคนที่เคร่งครัดจริงจัง ขณะนี้เขากลับมีท่าทีเช่นนี้ ทำให้ทุกคนแปลกใจ
ในหน่วยนี้เรื่องยศตำแหน่งอะไรล้วนไม่สลักสำคัญ ใครที่ยึดถือแบบแผนนักเชิญไปที่อื่นได้เลย