TB:บทที่ 163 ปราบศัตรูราบคาบด้วยท่าเดียว
เมื่อเฉินหลงพุ่งใส่จางเฟิงหยาน เขาโจมตีด้วยกระบองคู่
จางเฟิงหยานเคลื่อนที่หลบกระบองของเฉินหลง และในตอนเดียวกันนั้นเองจางเฟิงหยานได้เห็นช่องโหว่ที่ช่วงกลางตัวของเฉินหลง ด้วยมือเพียงข้างเดียว เขาทุบไปตรงอกของเฉินหลง
เมื่อได้เห็นว่าเฉินหลงโดนโจมตีได้ง่ายแล้ว ซ่งเจิ้งอยากจะขุดหลุมฝังความอับอายของตัวเอง
แต่ทันใดนั้น เขาคิดผิด
เมื่อจางเฟิงหยานทุบอกของเฉินหลง ใบหน้าเขาเปลี่ยนไปในทันที เพราะเมื่อฝ่ามือเขาสัมผัสโดนอกของเฉินหลงแล้ว มันคล้ายกับทุบเหล็กกล้าท่อนหนึ่งที่แข็งแรง อีกทั้งยังมีพลังต่อต้านส่งกลับมาอีกด้วย
ความรู้สึกที่โดนพลังต้านกลับทำให้จางเฟิงหยานรีบถอยออกมาและถอนพลังงานออก ขณะที่เฉินหลงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
ตาของซ่งเจิ้งมองเห็นจางเฟิงหยานตบเฉินหลงแต่กลับโดนเฉินหลงใช้พลังโต้กลับไป
แต่จู่ๆพวกซ่งเจิ้งก็อ้าปากค้างไปตามๆกัน พร้อมด้วยความสะเทือนขวัญ
“ระฆังทองหรือ”
เมื่อได้เห็นภาพในตอนนี้แล้ว ความคิดนี้ได้ออกมาในใจของหวังเจียน
จางเฟิงหยานมองเฉินหลงและกล่าว “ร่างกายของแกมีระฆังทองคอยปกป้องหรือ”
ความรู้สึกที่ฝ่ามือเขาตอนนี้ทำให้เขาคิดว่า เรื่องนี้เป็นไปได้
“ลองอีกสองสามรอบก็รู้” เฉินหลงยิ้ม เขาไม่ตอบคำถาม
สิ้นคำนั้น เป็นอีกครั้งที่เฉินหลงพุ่งเข้าใส่จางเฟิงหยาน
เมื่อได้เห็นเฉินหลงที่พุ่งเข้ามาอีกรอบ รอยยิ้มบนใบหน้าของจางเฟิงหยานหายไปกลายเป็นคิ้วที่ขมวดยุ่งแทน
แม้ว่าตอนนี้เขาจะใช้พลังไปเพียงแค่สามหรือสี่ส่วนของพลังที่มีอยู่ แต่เฉินหลงเคี้ยวไม่ง่าย พลังที่ปกป้องร่างของเฉินหลงไม่ได้อ่อนแอเลยแม้แต่น้อย คงไม่ฉลาดหากจะสู้ให้หนัก แต่ถ้าไม่สู้หนักๆเลย ก็โดนไล่เตะเหมือนหมาตัวหนึ่ง
หลังพิจารณาแล้วเฉินหลงพุ่งเข้าหาจางเฟิงหยานอีกรอบ
เมื่อปัดสิ่งรบกวนใจออกไปแล้วจางเฟิงหยานตัดสินใจว่าเขาจะใช้โอกาสสิบเปอร์เซ็นที่มีโจมตีส่วนอกของเฉินหลง
เฉินหลงไม่หลบการโจมตีแต่จับมือของจางเฟิงหยานไว้
ตอนที่จางเฟิงหยานไปที่เวที เฉินหลงตรวจสองข้อมูลของเขาด้วยเครื่องวิเคราะห์ แต่กลับไม่มีข้อมูลใดแสดงขึ้นมา เขาก็เป็นปิศาจ
เพราะพลังของเขาเป็นระดับกำเนิด เฉินหลงจึงอยากรู้ว่าพลังเขาจะผ่านระฆังทองได้หรือไม่ เฉินหลงจึงรับการโจมตีของจางเฟิงหยานไว้
และเมื่อมือของจางเฟิงหยานสัมผัสอกของเฉินหลงแล้วก็เกิดเสียงของทองและเหล็กกระทบกันขึ้น
ครั้งนี้ ส่วนอกของเฉินหลงมี “ไอระฆังทอง” ปรากฏขึ้นมา ราวกับเป็นชุดเกราะตรงเบื้องหน้ามือของจางเฟิงหยาน
พลังสิบเปอร์เซนต์ของจางเฟิงหยานทำลายเกราะคุ้มกันของ “ไอระฆังทอง” ไม่ได้เลย
แทนที่เขาจะปัดเป่า “ไอระฆังทอง” นี่ไปจนหมด กลับกันจางเฟิงหยานทำได้แค่เอาส่วนพลังงานตอบโต้ออกไปได้บางส่วน อย่างไรเสียเขายังคงบาดเจ็บจากพลังงานที่ว่า หยดเลือดไหลออกจากปากเขา
“เดี๋ยวก่อน พลังที่ป้องกันตัวช่างแข็งแกร่ง นี่หรือคือ “ระฆังทอง” ในตำนาน” ซ่งเจิ้งได้เห็นไอสีทองรอบช่วงอกเฉินหลงแล้ว เขานึกถึงระฆังทองเช่นกัน
“ดูเหมือนว่าจะได้แค่นี้ มิฉะนั้น จะไม่ทรงพลังเช่นนี้ และดูเหมือนว่าคนคนนี้จะได้สนุกกับการเรียนรู้ “ระฆังทอง” ที่สูญหายไปนี่แล้ว” หวังเจียรตบมือและพยักหน้า ในตอนเดียวกันนั้น เขากล่าวว่า
“ฉันไม่รู้นะว่าไอ้พวกลาหัวล้านนี่จะกลับมาหาเขาอีกไหมและจะไล่ให้กลับไปไหม มีคนพวกนั้นตั้งมากมายที่ไร้เหตุผล ฮ่ะฮ่า ฉันไม่คาดหวังให้โลกนี้วิเศษวิโสอย่างเท่าเทียมกันหรอกตอนที่ฉันกลับมา”
ตอนที่หวังเจียนออกท่องโลกอยู่นั้น เขาได้พบพวกพระที่ดุดันและไร้เหตุผลมา ดังนั้นแล้วเขาจึงอยากจะรู้ว่าพวกพระไร้เหตุผลพวกนั้นจะลักขโมยจากเฉินหลงหรือไม่หากรู้ว่าเฉินหลงมีสกิลอย่าง “ระฆังทอง”
“รู้ไหมว่านี่คือสิ่งใดกัน” เฉินหลงค่อยๆตบตรงอกของเขา เหมือนปัดฝุ่น
“รู้สิ “ระฆังทอง” ใช่หรือไม่ แกมีวิชานี้ถึงขั้นไหนกัน” จางเฟิงหยานว่า
เฉินหลงยิ้มให้และตอบ “ถ้าอยากจะรู้ ก็เข้ามาลองเองสิ”
“ได้ ฉันจะลอง” จางเฟิงหยานกล่าว เขายื่นมือไปและปัดข้อมือ ดาบที่ดูเบาบางปรากฏบนมือเขา
หลังจากนั้นจางเฟิงหยานไม่พูดเรื่อยเปื่อยแล้ว เขาร่ายรำเพลงดาบอย่างงดงามและแทงเฉินหลงด้วยดาบนั้น
หากไม่ได้บอกไป จงหาด้วยตัวเอง
เฉินหลงมองดาบบางเบาที่แทงมาที่เขา แล้วจึงใช้กระบองคู่ตีไปที่ดาบ
ข้อมือของจางเฟิงหยานหยุดชะงัก ทันใดนั้นดาบที่บางเบาก็เปลี่ยนแปลงเป็นมีด และคมของมันตัดกระบองนั่น
เฉินหลงรู้สึกถึงมือที่นุ่มนวลทันที กระบองเขาขาดครึ่ง
แต่จางเฟิงหยานยังคงจะแทงคอเฉินหลงต่อไปด้วยท่าทางเช่นเดิม เขาพยายามจะฟันคอเฉินหลงให้ได้
“กิ๊ง”
เฉินหลงใช้นิ้วไปแตะโดนปลายของดาบ เพื่อดันให้ดาบออกไป ดาบก็ลอยขึ้นไปข้างบน เฉินหลงถอยออกมาทันที มีระยะห่างที่กว้างระหว่างพวกเขา เขาโยนกระบองคู่ที่ไร้ประโยชน์ใส่จางเฟิงหยาน
ด้วยเพลงดาบดอกไม้ ดาบของจางเฟิงหยานฟันกระบองคู่ให้กลายเป็นเศษเหล็กได้ในทันที
“ดาบนี่ ไม่เลว” เฉินหลงว่า
“พลังของนายก็เยี่ยมมาก” ดาบของจางเฟิงหยานชี้ไปยังเฉินหลง เขายังไม่วางใจแต่อย่างใด
เฉินหลงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เป็นเรื่องที่ดี เช่นนั้นคงต้องแสดงพลังให้ดูเสียหน่อยแล้ว ดูกันว่าอะไรจะแข็งแกร่งกว่าระหว่างดาบนั่นหรือมือฉัน”
จบคำมือเฉินหลงก็ห่อหุ้มด้วยชั้นของ“ไอระฆังทองคำ” ราวกับว่าเขาสวมถุงมือทองคำอยู่
จากนั้นเฉินหลงกระดิกนิ้วท้าท้ายจางเฟิงหยาน
ตอนนั้นเองซ่งเจิ้งและหวังเจียนที่มองการต่อสู้อันดุเดือดนี้มาตลอด ได้เห็นว่าเฉินหลงนั้นเกินต้านทานจริงๆ
“เอาล่ะ ขึ้นอยู่กับฉันแล้วที่จะทำลายระฆังทองของแก”
สิ้นคำร่างของจางเฟิงหยานเคลื่อนไปข้างหน้า ดาบในมือเขาเล็งจะแทงเฉินหลงพร้อมด้วยเงาดาบอันนับไม่ถ้วน
กระบวนท่านี้ทำให้คนที่แข็งแกร่งที่อยู่ในระดับกำเนิดเตรียมรับมือไม่ได้มาแล้ว เงาอันไม่สิ้นสุดของดาบนี่จะทำให้ตาของศัตรูพร่ามัว จากนั้นดาบจริงก็จะเป็นตัวปิดฉาก ถือเป็นกระบวนท่าที่เป็นเอกลักษณ์
แต่อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนที่นี้ช่างไร้ค่าสำหรับเฉินหลงที่มีดวงตามายา “ที่กั้นระฆังทอง” ของเขาทำให้ไม่เห็นเงาของดาบพวกนั้นได้ ในสายตาเขาเห็นเพียงดาบที่แท้จริงของจางเฟิงหยาน ตอนที่ดาบมาตรงหน้าเขา มือขวาของเฉินหลงคว้าดาบได้และล้มท่าของจางเฟิงหยาน
แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่ดาบมังกรของจางเฟิงหยานยังคงไม่หยุดเคลื่อนไหว
ดาบของจางเฟิงหยานฟันลง ห่างจากตาขวาเฉินหลงสองเซนติเมตร มือขวาของเฉินหลงรับดาบนั้นยกขึ้นและจับยึดไว้ ในขณะเดียวกันมือซ้ายของเขาก็กำหมัดและต่อยส่วนท้องของจางเฟิงหยาน
“ตู้ม”
หมัดอันทรงพลังต่อยจางเฟิงหยานตรงๆ เขากระเด็นไป
ปากเขาเต็มไปด้วยเลือด
หลังจากที่จางเฟิงหยานตกลงมาบนพื้นแล้ว เขาเดินโซเซเล็กน้อย ใบหน้าขาวซีดอย่างชัดเจน เขายิ้มอย่างขมขื่นหลังกล่าวว่า “ฉันแพ้แล้ว”
ในศึกครั้งนี้ เขาโดนทำให้เชื่อว่าเขาแพ้ แม้ไม่ได้ใช้วิชาลับอะไรแต่กลับทำลายเพลงดาบที่แข็งแกร่งที่สุดและใช้อย่างไรที่ติได้ เขาจึงยอมรับความพ่ายแพ้
“พลังของพี่จางช่างแข็งแกร่ง ผมโชคดีที่ชนะท่านั้นได้ คารวะเลย” เฉินหลงว่า เขาเดินมาข้างหน้าและหยิบดาบจากมือจางเฟิงหยานไปถือไว้
ไม่รู้วัสดุของดาบนี่เลยว่าทำมาจากอะไร ดาบนี่เฉินหลงทำลายไม่ได้แถมยังไม่ผิดรูปไปจากเดิม
จางเฟิงหยานเป็นสมาชิกของหนทางปิศาจ แม้เฉินหลงจะอยากฆ่าเขาเพื่อเลี่ยงปัญหาในอนาคต แต่ด้วยตอนนี้เป็นงานชุมนุมแลกเปลี่ยนทำให้โอกาสดีๆต้องหลุดลอยไป