เมื่อได้ยินวาจาของมังกรเหมันต์และเห็นท่าทางกัดฟันกรอดด้วยความไม่พอใจของมัน ฉินอวี้โม่ก็เริ่มรู้สึกถึงลางร้ายขึ้นมา สีหน้าท่าทางของมังกรเยือกเย็นตรงหน้าในตอนนี้บ่งบอกว่ามันจดจำนางได้แล้ว
“ข้าเองก็นึกตั้งนานว่าเหตุใดชื่อของเจ้าจึงฟังคุ้นหูนัก อีกทั้งยังมีกลิ่นกายที่ทำให้ข้ารู้สึกว่าเคยพบจากที่ใดมาก่อน ที่แท้ก็คือเจ้านี่เอง !”
มังกรเหมันต์จ้องตรงไปที่ฉินอวี้โม่และความมุ่งร้ายแผ่ออกไปอย่างเปิดเผย แรงกดดันจากร่างของมันแผ่ตรงไปยังอริตรงหน้าเช่นกันและความชิงชังที่เกาะกุมในใจเปิดเผยให้เห็นอย่างไม่ปิดบังแม้แต่น้อย
คนอื่น ๆ ที่ได้ฟังบทสนทนาระหว่างฉินอวี้โม่และอสูรเลือดเย็น รวมถึงมองเห็นท่าทางที่กัดฟันแน่นของมังกร พวกเขาต่างก็เกิดความฉงนสงสัยและไม่เข้าใจ
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเฟิ่งซีที่ชะงักไปครู่หนึ่งเปลี่ยนเป็นมีความสุขอย่างออกนอกหน้า
การถูกตบตาโดยแผนการเจ้าเล่ห์ของหมาป่าขนทองและฉินอวี้โม่ก่อนหน้านี้ทำให้เขาโกรธเคืองยิ่งนัก บัดนี้เมื่อเห็นว่ามังกรเหมันต์ผู้ทรงพลังเหมือนจะมีเรื่องบาดหมางกับฉินอวี้โม่และชิงชังนางมานาน เขาก็อดยิ้มอย่างสุขใจไม่ได้
“ฮ่า ๆ ๆ ไม่คิดเลยว่าฉินอวี้โม่ผู้นี้จะเคยสร้างความบาดหมางให้มังกรเหมันต์เคียดแค้น ความแข็งแกร่งของมังกรตัวนี้มิใช่ระดับที่พวกเจ้าจะสามารถรับมือได้ ข้าอยากเห็นนักว่าวันนี้เจ้าจะรอดพ้นไปได้อย่างไร !”
เฟิ่งซีหัวเราะอย่างสาแก่ใจ เห็นทีวันนี้ฉินอวี้โม่อริของเขาจะต้องพ่ายแพ้ต่อมังกรเหมันต์อย่างราบคาบและรอยยิ้มอย่างผู้ชนะปรากฏบนใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม เขายังมีข้อสงสัยบางอย่างติดค้างในใจ… ฉินอวี้โม่ผู้นี้เป็นใครกันแน่ ? เห็นได้ชัดว่ามังกรเหมันต์เป็นตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวแค่ไหน เหตุใดนางจึงมีเรื่องบาดหมางกับผู้ทรงพลังเช่นนั้นได้…
เมื่อทราบว่ามังกรเหมันต์จำตนได้แล้ว ฉินอวี้โม่ก็หันไปขยิบตาส่งสัญญาณให้กับปิงเสวียนและฉู่เจี๋ย นางไม่รอช้าและเตรียมเข้าสู่คฤหาสน์เฟิงหัวในทันที
พลังของมังกรเหมันต์ตัวนี้น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริงและมันมิใช่สิ่งที่พวกนางจะรับมือได้ในตอนนี้ เวลานี้นางต้องการออกไปจากตรงนี้ก่อนและเตรียมแผนการรับมือต่อไป
“คิดจะหนีงั้นรึ ? ไม่มีทางซะหรอก !”
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของฉินอวี้โม่ แม้ว่ามังกรเหมันต์จะจับจ้องนางอยู่อย่างไม่วางตา มันก็ยังตกใจเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม หลังจากชะงักไปชั่วขณะ สีหน้าของมันก็แสดงความโกรธแค้นอีกครา
“โผล่หัวออกมาซะ !”
หลังจากเสียงตะโกนกร้าว ฉินอวี้โม่และสหายทั้งสองที่เพิ่งเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวก็รู้สึกได้ทันทีว่าทั้งคฤหาสน์สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับถูกกระแทกด้วยพลังบางอย่าง
“นายหญิง ความแข็งแกร่งของมังกรเหมันต์บรรลุถึงระดับพสุธาเซียนขั้นสูงสุดแล้ว แม้มันจะไม่เห็นตำแหน่งที่แน่ชัดของคฤหาสน์เฟิงหัว แต่มันก็ยังคงสัมผัสได้ เกรงว่ามันจะไม่ยอมปล่อยให้เราหนีไปไหนได้ง่าย ๆ แน่”
มารยากล่าวพร้อมขมวดคิ้วมุ่น พลังของมังกรเหมันต์ตัวนี้แข็งแกร่งเกินไปและพลังทำลายล้างของมันก็เหนือชั้นกว่าอสูรมายาธรรมดาทั่วไป หากว่ามันยังไม่ได้ทะลวงพลังไปสู่ระดับพสุธาเซียน แม้แต่ข่ายอาคมระดับสูงของมันก็ไม่มีผลต่อมังกรตัวนี้มากนัก
เมื่อได้ยินวาจาของมารยา ฉินอวี้โม่ก็ล้มเลิกความคิดที่จะหลบหนีไปกับคฤหาสน์เฟิงหัว อสูรสาวข้างกายไม่มีทางโกหกนางอย่างแน่นอน และด้วยสายตาที่จดจ่อไม่วางตาของมังกรเหมันต์ ต่อให้ขับเคลื่อนคฤหาสน์ล่องหน มันก็ยากที่จะหลบหนีได้
ยิ่งไปกว่านั้น เวลานี้ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว เยว่ชิงเฉิงและสหายคนอื่น ๆ ก็กำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการทะลวงพลัง ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะปล่อยให้มังกรเหมันต์รบกวนสหายเหล่านั้นไม่ได้อย่างแน่นอน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฉินอวี้โม่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและตัดสินใจแน่วแน่ก่อนเดินออกจากคฤหาสน์เฟิงหัว
ทั้งฉู่เจี๋ยและปิงเสวียนก็ออกจากคฤหาสน์เฟิงหัวพร้อมนางอย่างรวดเร็วในขณะที่อสูรมายาของฉินอวี้โม่เฝ้ารออยู่ในคฤหาสน์และพร้อมออกมาสมทบได้ทุกเมื่อ
“เจ้ามังกรเหมันต์ เราไม่มีเรื่องบาดหมางและความเคียดแค้นต่อกัน ต่อให้เจ้ารู้จักข้า มันก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนี้ !”
ฉินอวี้โม่มองมังกรเหมันต์และกล่าวขึ้นเบา ๆ จุดประสงค์ของนางในเวลานี้ชัดเจนอย่างยิ่งและนั่นคือการถ่วงเวลาให้ได้นานที่สุด หลังจากเยว่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ ทะลวงพลังได้สำเร็จ นางก็จะหาทางไปจากที่นี่ได้
และหากจิ้งจอกเก้าหางพบ ‘โอกาส’ ที่ซ่อนอยู่ในนั้น มังกรเหมันต์ก็ไม่มีทางที่จะยอมตัดใจละทิ้งโอกาสนั้นและมันจะต้องต่อสู้แย่งชิงโอกาสนั้นมาให้ได้ เมื่อถึงตอนนั้น ฉินอวี้โม่ก็จะมีโอกาสหลบหนีออกไปได้เช่นกัน
ก่อนหน้านี้เมื่อฉินอวี้โม่หายวับไปอย่างกะทันหัน ทุกคนก็ประหลาดใจไม่น้อยและพวกเขาต่างก็มองตรงไปที่มังกรเหมันต์ด้วยหวาดหวั่นใจว่าเจ้ามังกรทรงพลังนี่จะระบายความโกรธแค้นกับพวกเขาแทน
ทว่าเมื่อจู่ ๆ ฉินอวี้โม่ปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง จอมยุทธ์เหล่านั้นก็โล่งใจขึ้นเล็กน้อย พวกเขาไม่มีสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มจอมยุทธ์ทั้งสามของฉินอวี้โม่ แน่นอนว่าพวกเขาไม่สนใจความเป็นความตายของพวกนางขณะยืนชมเหตุการณ์อยู่รอบข้างราวกับกำลังรอรับชมการแสดงที่น่าสนุก
เมื่อเห็นว่ามังกรเหมันต์เปลี่ยนเป้าหมายไปอย่างสิ้นเชิง ตัวนิ่มพันปีก็ไม่เสียเวลาต่อสู้กับมันอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม มันก็มิได้ปรี่เข้าไปตามหาจิ้งจอกเก้าหางทว่ายังอยู่ในบริเวณนี้โดยหลีกออกไปด้านข้างเพื่อจับตาดูการเคลื่อนไหวที่จะเกิดขึ้นที่นี่
“เหอะ จะว่าไปแล้ว ระหว่างเราก็ไม่ได้มีความเคียดแค้นที่มากจนเกินไป”
เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ มังกรเหมันต์ก็ยิ้มอย่างมุ่งร้าย
“เพียงแต่เจ้าเป็นเทพมายาคนใหม่ผู้ครองกายวิเศษ หากข้าฆ่าเจ้าได้สำเร็จ กัดกินเนื้อหนังและดื่มเลือดของเจ้าเสีย เมื่อถึงตอนนั้นข้าก็อาจบรรลุระดับนภาเซียนได้ ในดินแดนหวนหลิงก่อนหน้านี้เจ้าและสหายกระทำการหยามเกียรติข้าหลายครั้งหลายครา และวันนี้ทุกอย่างจะต้องได้รับการสะสาง !”
มังกรเหมันต์ไม่มีความคิดที่จะยอมตัดใจแม้แต่น้อย แท้ที่จริงฉินอวี้โม่มิได้มีความบาดหมางกับมันมากนัก เพียงแต่มังกรเลือดเย็นเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการเผชิญหน้าครั้งก่อนและนั่นทำให้มันไม่พอใจอย่างที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น กายเทพมายาของฉินอวี้โม่คือสิ่งที่มันปรารถนาต้องการครอบครองเป็นที่สุด เพราะเหตุนั้นเมื่อจำอริเก่าแก่ผู้นี้ได้ แม้มังกรเหมันต์จะรู้สึกโกรธเคืองไม่น้อย ทว่าความตื่นเต้นที่มีก็เหนือกว่ามาก
“อะไรนะ ?! กายเทพมายา…เทพมายา… นี่ข้าหูฝาดไปรึไม่ ?”
เหล่าฝูงชนโดยรอบได้ยินคำพูดของมังกรเหมันต์และต่างก็ชะงักค้างด้วยความประหลาดใจ เหล่าจอมยุทธ์ที่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ล้วนมีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา แน่นอนว่าพวกเขาเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลของกายเทพมายาและเทพมายาพอสมควร
ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็เข้าใจดีว่าถึงแม้บรรดาขุมกำลังใหญ่ของดินแดนจะมีเรื่องบาดหมางกันอย่างต่อเนื่อง ทว่าการประจันหน้าเหล่านั้นก็นำไปสู่ความสมดุลของขั้วอำนาจและจะไม่มีสงครามครั้งใหญ่ไปสักระยะ
อย่างไรก็ตาม การปรากฏกายของเทพมายาจะทำให้ขุมกำลังเหล่านั้นที่เฝ้ามองดูมาตลอดมิอาจทนอยู่เฉยได้อีกต่อไป เป็นไปได้ว่าการปรากฏตัวของฉินอวี้โม่และการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของนางจะนำไปสู่สงครามครั้งใหญ่ในดินแดนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เทพมายา… แท้ที่จริงนางก็คือเทพมายาที่เราตามหามาโดยตลอด !”
เฟิ่งซีเองก็ตกตะลึงเช่นกัน นิกายหงส์มังกรของพวกเขาและขุมกำลังที่เป็นพันธมิตรหลายแห่งพยายามตามหาเทพมายามาตลอดหลายปี ทว่าไม่เคยได้เบาะแสที่เป็นประโยชน์ใด ๆ ไม่คิดเลยว่าเทพมายาที่เฝ้าตามหามานานจะปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาอย่างไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้
“นายน้อย เช่นนั้นก็ดีเลยขอรับ หากเราจับตัวฉินอวี้โม่และพากลับไปที่นิกายหงส์มังกรได้ มันจะเป็นการสร้างคุณงามความดีครั้งใหญ่ เมื่อถึงตอนนั้น ท่านผู้นำนิกายจะตบรางวัลเราอย่างงามเป็นแน่ !”
ศิษย์คนหนึ่งของนิกายหงส์มังกรกล่าวด้วยสีหน้าและน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างชัดเจน
“เจ้าพูดถูก หลังจากเจ้ามังกรเหมันต์และฉินอวี้โม่บาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่ เราจะมีโอกาสจับตัวนางกลับไป ไม่เพียงแต่ฉินอวี้โม่เท่านั้นทว่ารวมถึงปิงเสวียนจากนครล่าฝันด้วยเช่นกัน ตราบใดที่นำตัวพวกนางกลับไปได้ เมื่อถึงตอนนั้น… ฮ่า ๆ ๆ …”
เมื่อนึกถึงผลตอบแทนที่จะได้รับจากการนำตัวฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ กลับไปที่นิกาย เฟิ่งซีก็อดหัวเราะไม่ได้
สมาชิกจากนิกายหงส์มังกรคนอื่น ๆ ก็เผยรอยยิ้มกว้างเช่นกัน พวกเขามองฉินอวี้โม่ด้วยสายตาที่ดูราวกับกำลังมองขนมชิ้นโปรดที่หมายจะกระโจนเข้าใส่และกลืนกินเสียให้ได้
เซิ่งเซียวผู้ซึ่งไม่เอ่ยปากกล่าวสิ่งใดขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยและสีหน้าแห่งความกังวลปรากฏบนใบหน้า ทว่าเขาก็สลัดมันไปได้อย่างรวดเร็วก่อนที่ผู้ใดจะมองเห็นมัน
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่สัมผัสได้ถึงแววตามุ่งร้ายจากเฟิ่งซีและคนของเขา ทว่านางเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนสีหน้าจะกลับเป็นความเฉยเมยไม่แยแสเช่นเดิม
บัดนี้ตัวตนของนางถูกเปิดเผยออกไปแล้ว เมื่อเรื่องนี้แพร่งพรายไปทั่ว มันจะนำไปสู่ปัญหามากมายอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง อย่างไรก็ตาม หากไม่ต้องการให้มันแพร่งพรายออกไป นางก็ต้องปิดปากทุกคนที่อยู่ที่นี่ ทว่าแม้เพียงมังกรเหมันต์ตัวเดียวก็ยากที่จะรับมือแล้ว ไม่มีทางเลยที่นางจะจัดการกับคนอื่น ๆ ได้ทุกคน
“หมาป่าขนทอง หาทางถ่วงเวลามังกรเหมันต์ไว้สักพัก ไม่ต้องคิดเอาชนะ ไม่ต้องต่อสู้อย่างซึ่ง ๆ หน้า เพียงแค่ถ่วงเวลามันไว้ก็พอ”
ฉินอวี้โม่ส่งกระแสจิตไปหาหมาป่าขนทอง แม้ว่าจะมีความหวาดหวั่นอยู่ในใจ นางก็ไม่ได้วู่วาม
“นายหญิง ข้าจะหาโอกาสวางข่ายอาคมไว้เพื่อถ่วงเวลามันให้ได้นานที่สุดเช่นกัน”
มารยาคาดเดาความคิดของฉินอวี้โม่ได้ทันทีและกล่าวออกไป
“รุ่นพี่ปิงเสวียน เสี่ยวเจี๋ย จับตาดูคนของเฟิ่งซีไว้และป้องกันมิให้พวกเขาซุ่มโจมตีพวกเราได้”
การเตรียมการต่อไปคือสำหรับปิงเสวียนและฉู่เจี๋ยให้ทั้งสองจับตาดูเฟิ่งซีและคณะไว้เพื่อมิให้พวกเขาได้มีโอกาสลอบโจมตีพวกนาง
ปิงเสวียนและฉู่เจี๋ยพยักหน้าศีรษะในทันที ทั้งสองคาดเดาความคิดของฉินอวี้โม่ได้เช่นกัน
แม้ว่าวิธีการนี้จะไม่ถือว่าเป็นวิธีการที่ยอดเยี่ยมนัก ทว่ามันก็เป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะทำได้ในตอนนี้ ตราบใดที่ถ่วงเวลาไว้ได้นานพอ พวกนางก็จะมีโอกาสรอดออกไปได้
“เหอะ ไม่คิดเลยว่าแม้เวลาจะผ่านมาหลายปี พลังของเจ้าก็ยังไม่ได้พัฒนาขึ้นนัก ตอนนี้เจ้ายังอ่อนแอเกินไป”
มังกรเหมันต์มองฉินอวี้โม่และกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
ตอนที่เคยต่อสู้กับฉินอวี้โม่และสหายก่อนหน้านี้ ความแตกต่างระหว่างมันและพวกนางไม่ได้มากมายนัก อย่างไรก็ตาม วันนี้พลังของมันอยู่ในระดับพสุธาเซียนขั้นสูงสุดในขณะที่ฉินอวี้โม่มีพลังเพียงขอบเขตเซียนขั้นเก้าเท่านั้น และมันเป็นช่องว่างความแตกต่างที่ยากจะอุดได้
“ต่อให้ตอนนี้เจ้าจะแข็งแกร่งกว่าในอดีต ทว่าการที่ข้าเคยเอาชนะเจ้าได้ การที่ข้าจะเอาชนะเจ้าอีกครั้งนั้น มันก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก”
สีหน้าของฉินอวี้โม่ยังคงเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลงและไร้ซึ่งหวาดหวั่นใด ๆ
“หากเช่นนั้นก็ลองดูเถอะ ข้าจะแสดงให้เจ้าได้เห็นว่าข้าในตอนนี้มิใช่ตัวตนที่เจ้าจะรับมือได้ !”
ทันทีที่สิ้นเสียงดังกล่าว มังกรเหมันต์ก็พุ่งตรงเข้าโจมตีฉินอวี้โม่ทันที
“เจ้ามังกรเหมันต์ คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้าผู้นี้ !”
หมาป่าขนทองเห็นการโจมตีของมังกรเหมันต์และสีหน้าบ่งบอกถึงความระแวดระวัง มันไม่ลังเลและพุ่งตรงออกไปประจันหน้ากับอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“เหอะ วันนั้นข้าขับไล่เจ้าไปจากเทือกเขากายสิทธิ์ ไม่คิดเลยว่าวันนี้เจ้าจะกลับมาเสนอหน้าให้ข้าเห็นอีก ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ววันนี้ข้าจะปลิดชีวิตเจ้าให้ตายอยู่ที่นี่ !”
เมื่อเห็นหมาป่าขนทองที่เข้ามาขัดขวาง มังกรเหมันต์ก็แค่นเสียงและสาดวาจาตอบโต้ทันที
ต้องกล่าวเลยว่าช่องว่างความแข็งแกร่งระหว่างมังกรเหมันต์และหมาป่าขนทองยังคงต่างชั้นกันมาก ทันทีที่หมาป่าขนทองก้าวออกมาประจันหน้า มันก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างรวดเร็ว หมาป่าขนทองทำได้เพียงแค่ตั้งรับป้องกันเท่านั้นโดยที่ไม่สามารถโจมตีโต้กลับได้เลย
อย่างไรก็ตาม ความเร็วของหมาป่าขนทองเหนือชั้นกว่ามังกรเหมันต์มาก แม้ว่าจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่มันก็ไม่ตกอยู่ในอันตรายและน่าจะถ่วงเวลาได้สักระยะหนึ่ง
มารยาที่อยู่ข้างกายฉินอวี้โม่ก็รีบวางข่ายอาคมอย่างรวดเร็วโดยทั้งหมดมีจุดประสงค์เพื่อถ่วงเวลาและไม่ได้มีพลังการโจมตีที่รุนแรงแต่อย่างใด
ฉินอวี้โม่มองไปยังทิศทางที่จิ้งจอกเก้าหางมุ่งหน้าไปก่อนหน้านี้และแอบคาดหวังอยู่ในใจให้มันพบโอกาสที่ว่านั้นโดยเร็ว เพราะหากเป็นเช่นนั้น มังกรเหมันต์ก็จะไม่มีเวลามาจัดการกับนางและสหายอีก
ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง การต่อสู้ที่แปลกประหลาดก็ปะทุขึ้นในลานจัตุรัสแห่งนี้
.